'บิ๊กตู่'ฉะยับ'แม้ว-ปู'ไร้เครดิต


เพิ่มเพื่อน    

    "ประยุทธ์" ฟุ้งกลับจากอังกฤษ-ฝรั่งเศสไปด้วยศักดิ์ศรีของประเทศเพื่อคนไทยทุกคน วอนสื่ออย่าให้เครดิต "แม้ว-ปู" หนีคดีไปขออาศัยประเทศอื่นอยู่แบบชนชั้นสอง ซัดเกิดเป็นคนไทยทำไมโจมตีประเทศตัวเอง   "หมวดเจี๊ยบ" ป้อง 2 เจ้านายหยามนักเรียนทุนถูกสถานทูตเกณฑ์มาต้อนรับบิ๊กตู่ เหตุต้องแบมือรับเบี้ยเลี้ยงทุกเดือน
    ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง เวลา 12.30 น. วันที่ 26 มิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.) กล่าวภายหลังเดินทางกลับจากอังกฤษและฝรั่งเศสว่า การเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ ไปด้วยศักดิ์ศรีของตัวเอง โดยเอาคนไทยและประเทศไทยไปด้วย เราไปทำเพื่อประชาชนคนไทยทุกคน และขอร้องสื่อมวลชนให้ช่วยตนมากขึ้น และทุกอย่างจะดีขึ้น บ้านเมืองจะสงบขึ้น ประเด็นความขัดแย้งจะลดลง เปิดโอกาสให้มีการพูดคุยกันมากขึ้น เพื่อหาทางออกร่วมกัน ไม่ใช่จะเชียร์กันไปมาคนละข้าง ความขัดแย้งก็จะเป็นอยู่แบบนี้ โดยที่ตนไม่สามารถช่วยอะไรได้ ทั้งนี้ การที่ทุกคนอยากปรองดอง จะต้องเริ่มจากจิตใจของทุกคนวันนี้ทุกคนต้องหาทางออกเพื่อพูดคุยกันให้ได้
    “ผมไปบังคับใครไม่ได้ จะเห็นว่าแค่ผมใช้อำนาจทางกฎหมายเพียงอย่างเดียวก็มีความเดือดร้อนเกิดขึ้น เพราะมีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย วันนี้เราต้องใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่ยกเว้นกฎหมายสำหรับคนจน จนสุดท้ายกลับกลายเป็นว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร จึงขอถามสื่อตรงนี้ว่า เราจะอยู่กันแบบนี้หรือ ถ้าอยู่กันแบบนี้ การเลือกตั้งครั้งหน้าก็ไม่ต้องไปหวังอะไร เพราะทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม โดยรัฐบาลจะอ้างว่าทำงานเพื่อประชาชน พอเกิดความรู้สึกว่าประชาชนไม่พอใจ ก็หยุดไม่ทำแล้ว ประเทศจะเปลี่ยนแปลงกันได้หรือไม่ วันนี้รัฐบาลได้ปฏิรูปประเทศ จึงขอร้องให้ทุกคนเคารพกฎหมาย สนับสนุนรัฐบาล เพื่อให้ทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า สื่อมวลชนสามารถช่วยการทำงานของรัฐบาลได้มากที่สุด วันนี้อ่านข่าวจากสื่อและโซเชียลมีเดียแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะทำให้เกิดการแบ่งแยกเป็นสองฝ่าย แม้จะเป็นธรรมดาของการนำเสนอข่าว แต่ขอร้องว่าอะไรที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง หรือเรื่องที่ยังไม่มีข้อเท็จจริง และขอถามว่า สื่อมวลชนควรนำเสนอสิ่งที่คนพูดไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไปหรือไม่ ไปให้เกียรติเขาทำไม นำเสนออีกทำไม เราควรให้เกียรติคนที่ทำงานให้ประเทศในตอนนี้ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ให้เครดิตคนที่ทำผิด แล้วหนีไปอยู่ต่างประเทศ
    “ผมไปสองประเทศมาในครั้งนี้ เขาก็มีคนให้เครดิตและสนับสนุนผม แต่คนที่ไม่ชอบผมก็มี ผมไม่ได้โกรธเขา เพราะผมเป็นคนไทย คนเหล่านั้นไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหนก็คือคนไทย ผมต้องรักเขา เพียงแต่วันนี้เขาไม่เข้าใจ วันข้างหน้าอาจจะเข้าใจก็ได้ หรือไม่เข้าใจก็แล้วแต่ แต่ผมทิ้งเขาไม่ได้ ขอร้องว่าอย่าไปให้เครดิตกับคนไม่สร้างสรรค์ โจมตีประเทศตัวเอง ไปอาศัยประเทศคนอื่นเขาอยู่ แล้วเกิดมาเป็นคนไทยทำไม ไปอยู่กันแบบคนชั้นสองขออาศัย ขออยู่อย่างนี้นะหรือ อย่าทำ เพราะไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำ สิ่งที่ควรทำคือกลับมาสู่ครรลองของกฎหมาย ซึ่งเปิดโอกาสให้ต่อสู้ทางคดี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ถ้าคิดว่าตัวเองถูกขอให้กลับมา ที่พูดนี้หมายถึงทุกคน ไม่ได้หมายถึงใครคนใดคนหนึ่ง เพราะสิ่งที่ผมทำวันนี้นั้น ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแม้แต่สักนิดเดียว ผมไม่เคยได้ประโยชน์จากสิ่งที่ทำในวันนี้เลย ประโยชน์จะตกกับคนข้างหลัง”
    นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนและคณะรัฐมนตรีเหนื่อยกันทุกคน ไปต่างประเทศก็ไม่ได้ไปแบบสบายๆ จะต้องเตรียมข้อมูลและแสดงออกให้เห็นว่าเราคือมิตรประเทศ ไม่ใช่ให้เขามองเราเพียงว่าเป็นตัวแทนของประเทศที่มีความขัดแย้ง ซึ่งเขาก็ไม่อยากคุยด้วย วันนี้ทุกคนต้อนรับและให้เกียรติตนเป็นอย่างดี มีทั้งรถนำ รปภ.ทหารกองเกียรติยศ ได้รับการตอบรับอย่างดี ขอร้องอย่าเอาบ้านเราไปประจานให้คนต่างชาติเห็น
    "มีคนบางประเภทที่ไม่ยอมเข้าใจอะไร แต่กลับออกมาประกาศว่ารักประเทศไทย รักประชาธิปไตย ซึ่งมันไม่ใช่ ทุกประเทศมีความเป็นมาคล้ายเรา ผมเข้ามาทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น แต่บางคนกลับทำให้ทุกอย่างวุ่นวายต่อไปอีก ขอถามอีกว่า เราจะอยู่กันอย่างไรต่อไป ในเมื่อไม่มีความสุข จึงขอให้ช่วยกันอีกครั้ง วันนี้ถือเป็นวันมงคล วันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งผมจะเดินทางไปกราบขอพรให้กับคนไทย เพราะไม่อยากให้ปัญหาเก่าๆ เกิดขึ้นอีก ผมพยายามสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น ขอร้องอย่าเอาการเมืองมาเป็นเรื่องเดียว  เพราะประเทศอื่นใช้เศรษฐกิจเป็นตัวนำ ไม่ใช่การเมือง  ไทยเรามีสภาเหมือนประเทศอื่นๆ ซึ่งผมไม่สามารถสั่งการได้ ถ้าสั่งได้คงไม่เป็นเช่นนี้ ผมไม่สามารถสั่งการสภาหรือศาลได้ทั้งนั้น แม้จะมีอำนาจตามมาตรา 44 ก็ตาม แต่ก็ไม่ควรสั่ง ดังนั้นใครก็ตามที่มีอำนาจเหมือนผมในวันนี้ ให้กลับไปคิดดูว่าหากมีอำนาจจริงๆ แล้วจะทำอะไร เพราะมีหลายคนต้องการให้ผมทำตามใจฝ่ายตัวเอง ซึ่งไม่สามารถทำได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว  
    ด้าน ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์อารมณ์เสียและพาลหาเรื่องด่ากราดนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมทั้งคนไทยที่หนีการกวาดล้างทางการเมืองไปพำนักในต่างประเทศ สงสัยเพราะ พล.อ.ประยุทธ์หัวเสียที่ถูกนิตยสารไทม์ตั้งฉายาว่าเป็นจอมเผด็จการ แล้วตีพิมพ์ไปทั่วโลก แถมภาพที่นิตยสารไทม์เลือกเป็นหน้าปกก็เป็นภาพที่ พล.อ.ประยุทธ์มีสีหน้าหม่นหมอง สื่อถึงความเป็นผู้นำที่เหี่ยวเฉา หดหู่และไร้อนาคต จนไม่สามารถเป็นความหวังหรือที่พึ่งให้ประชาชนได้ ที่สำคัญ ทีมทำสกู๊ปของนิตยสารไทม์คงไม่ยอมเขียนเนื้อหาตามแนวทางที่ทีมงานของ พล.อ.ประยุทธ์กำหนด และไม่ยอมให้เซ็นเซอร์ทั้งเนื้อหาและรูปภาพ เพราะสื่อต่างประเทศมีความเป็นมืออาชีพ และจะไม่ยอมให้นักการเมืองแทรกแซงการทำงานง่ายๆ จึงทำให้แผนการของรัฐบาลที่หวังจะใช้นิตยสารไทม์ฉบับนี้โปรโมต พล.อ.ประยุทธ์ ต้องล้มเหลว โดยบทสัมภาษณ์ดังกล่าวกลายเป็นการประจานความเป็นเผด็จการของ พล.อ.ประยุทธ์ไปทั่วโลก
        "สื่อต่างๆ ยังรายงานข่าวคนไทยในต่างแดนเดินทางไปประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ขณะเดินทางเยือนอังกฤษและฝรั่งเศส ในขณะที่คนไทยที่มาต้อนรับ ส่วนใหญ่คือนักเรียนทุนรัฐบาลที่ถูกเกณฑ์มาโดยสถานทูต เหตุที่บังคับนักเรียนทุนได้ เพราะนักเรียนทุนต้องแบมือรับเบี้ยเลี้ยงจากสถานทูตทุกเดือน จึงกลัวได้รับผลกระทบ ในการเข้าพบผู้นำอังกฤษ ฝรั่งเศสครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ถูกบีบให้ต้องประกาศว่าจะเลือกตั้งต้นปี 2562 ต่อหน้าผู้นำของประเทศมหาอำนาจ คำพูดเหล่านั้นจะกลายเป็นเชือกที่ย้อนมารัดคอ พล.อ.ประยุทธ์แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการเบี้ยวเลือกตั้ง ก็คงต้องชดใช้ค่าเสียหายในการตระบัดสัตย์ครั้งนี้ในราคาที่แพง แบบนี้ไง พล.อ.ประยุทธ์ถึงได้อารมณ์เสีย แต่ทำไมต้องมาลงที่อดีตนายกฯ ทักษิณและยิ่งลักษณ์ รวมทั้งคนไทยในต่างแดนคนอื่นๆ ด้วย" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว 
    ขณะที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย  โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก กรณีหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า การแสดงออกของอดีตนายกฯ ทั้งสองคือการไม่ยอมรับว่ามีส่วนในการก่อปัญหาพาประเทศมาสู่จุดอับ หากพรรคเพื่อไทยยังอยู่ในความครอบงำ หรือยังมีปัญหาเรื่องประโยชน์ของครอบครัวชินวัตรก็จับมือกันไม่ได้ว่า ปัญหาของประเทศคือการอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการที่เกิดจากการสมคบคิดกันระหว่างทหารกับคนของพรรคการเมืองหนึ่งที่แบ่งหน้าที่กันทำ ฝ่ายหนึ่งปิดบ้านปิดเมืองพร้อมกับเป่านกหวีดส่งสัญญาณ อีกฝ่ายนำกำลังออกมายึดอำนาจจนทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย ประชาชนได้รับความทุกข์ยากจากพิษเศรษฐกิจและการใช้อำนาจตามอำเภอใจ มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง รวมถึงจับกุมคุมขังผู้บริสุทธิ์ที่ออกมาเรียกร้องสิทธิเลือกตั้ง เพราะไปขัดขวางการสืบทอดอำนาจ นั่นต่างหากที่เป็นจุดอับของประเทศ
    "สำหรับอดีตนายกฯ ทั้งสองที่ได้กระทำไปเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในอังกฤษ เช่น การจัดงานวันเกิด รวมถึงการให้สัมภาษณ์เรื่องที่อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยถูกดูดและพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง ถือเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคนที่พึงกระทำได้โดยชอบ และมิได้สร้างปัญหาให้กับใคร ดังนั้น ใครก็ตามหากพอมีความเป็นคนอยู่บ้าง จะต้องให้ความเคารพและไม่ก้าวล่วง ส่วนคนของพรรคเพื่อไทยก็ไม่เคยถือเป็นการครอบงำอะไรทั้งสิ้น ที่บอกว่าจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยนั้น ขอให้สบายใจได้ เพราะพรรคเพื่อไทยจะยอมจับมือเฉพาะกับพรรคการเมืองที่มีแนวทางประชาธิปไตยเท่านั้น ส่วนพรรคที่เคยบอยคอตและขัดขวางการเลือกตั้งจนเกิดการยึดอำนาจถึงสองครั้ง ไม่เคยอยู่ในความคิด ยิ่งคนในพรรคชอบทำหล่อ แต่ขี้ขลาด ไม่เคยแม้แต่จะปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ถูกยัดข้อหา เพราะการเรียกร้องสิทธิเลือกตั้ง คนพวกนี้จึงเป็นได้เพียงกากเดนเผด็จการ ก็ขนาดเผด็จการพรรคเพื่อไทยยังไม่จับมือด้วย กากเดนยิ่งไม่ต้องพูดถึง บอกได้คำเดียวว่าเพ้อเจ้อ" นายวัฒนาระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"