หมั่นบริหารกล้ามเนื้อหูรูด เอาอยู่...ภาวะปัสสาวะราด


เพิ่มเพื่อน    

    กรมการแพทย์แนะผู้สูงอายุฝึกปฏิบัติเพื่อให้ระบบขับถ่ายปัสสาวะเป็นปกติ โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตทั้งเรื่องอาหารการกิน ฝึกควบคุมการขับถ่ายของกระเพาะปัสสาวะ และบริหารกล้ามเนื้อหูรูดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดีและเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน 
    นพ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ปัญหาที่มักสร้างความกังวลใจให้ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเวลาที่ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านคือ อาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้ โดยผู้หญิงสูงอายุจะประสบปัญหามากกว่าผู้ชายสูงอายุถึงสองเท่า และอาการนี้ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น ปัสสาวะที่ราดออกมาอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ 
    ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้ คือภาวะที่มีปัสสาวะเล็ดราดออกมาโดยไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะและกลั้นได้ ทั้งด้านปริมาณและความบ่อยของการขับถ่ายปัสสาวะ แบ่งออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่ 1.ปัสสาวะเล็ด เกิดจากหูรูดท่อปัสสาวะหดรัดตัวได้ไม่ดี หรือมีการหย่อนตัวของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ทำให้ความดันในกระเพาะปัสสาวะสูงขึ้น ส่งผลให้หูรูดท่อปัสสาวะไม่สามารถควบคุมการไหลของปัสสาวะ 2.ปัสสาวะราด เกิดจากกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวกว่าปกติ จะมีปัสสาวะราดออกมาทันที ไม่สามารถเข้าห้องน้ำได้ทัน 3.ปัสสาวะเล็ดราด เช่น ต่อมลูกหมากโต ทำให้ปวดปัสสาวะบ่อย อาจเล็ดออกมาเองในปริมาณน้อยๆ แต่ออกมาเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีอาการปวดปัสสาวะ 4.ภาวะที่เกิดจากโรคทางกายที่ไม่ใช่ความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง เช่น ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม ผู้สูงอายุที่มีปัญหาโรคข้อเสื่อม เป็นต้น  
    นพ.ประพันธ์ พงศ์คณิตานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ระบบทางเดินปัสสาวะและระบบที่เกี่ยวข้องเสื่อมลง ฮอร์โมนที่ลดลง รวมถึงการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อเชิงกราน การบีบรัดของกล้ามเนื้อหูรูดเสื่อมลง ตลอดจนผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อการกลั้นปัสสาวะ เช่น โรคเบาหวาน เบาจืด โรคความดันโลหิตสูง โรคทางสมอง โรคซึมเศร้า เป็นต้น   
    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ภาวะดังกล่าวจะสร้างความกังวลใจและปัญหาให้แก่ผู้สูงอายุ แต่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ระบบขับถ่ายปัสสาวะทำงานเป็นปกติได้โดยบริหารกล้ามเนื้อหูรูดให้แข็งแรง โดยฝึกขมิบกล้ามเนื้อหูรูดอย่างแรงเหมือนกำลังกลั้นปัสสาวะ และขมิบครั้งละประมาณ 5 วินาที หยุดขมิบ 10 วินาที แล้วทำซ้ำ 10 ครั้ง ในตอนเช้า กลางวัน และเย็น ทุกวัน แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวน ฝึกควบคุมการขับถ่ายโดยยืดระยะเวลาระหว่างการเข้าห้องน้ำแต่ละครั้งให้นานออกไป พยายามกลั้นปัสสาวะให้นานขึ้นอีกเล็กน้อยก่อนที่จะไปถ่ายปัสสาวะ ขณะที่เข้าห้องน้ำไม่ควรเบ่งปัสสาวะอย่างรุนแรง และควรปัสสาวะให้หมด 
    นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่กระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อย ได้แก่ ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม และงดสูบบุหรี่ ไม่ดื่มน้ำมากเกินไป เพราะอาจทำให้สมองบวม ไตทำงานหนัก และเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ด ควรดื่มน้ำ 30-50 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่น หากมีน้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม ควรดื่มน้ำวันละประมาณ 2 ลิตร ซึ่งการดื่มน้ำไม่ควรดื่มในปริมาณมากครั้งเดียวจนหมด หากผู้สูงอายุสามารถปฏิบัติตัวได้ตามคำแนะนำดังกล่าวข้างต้นจะทำให้มีสุขอนามัยที่ดี และเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องกังวลกับภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้อีกต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"