สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงโค้ช-เด็กนักฟุตบอลทั้ง 13 คนที่พลัดหลงอยู่ภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ทรงขอให้ทุกคนปลอดภัย "หน่วยซีล" นำทีมค้นหาตลอดทั้งวัน พบรอยเท้าตามพื้นและฝ่ามือบนผนังถ้ำ แต่ยังไม่เจอใคร ความมืด-ฝนทำระดับน้ำสูงขึ้นจนเป็นอุปสรรคต้องยุติการค้นหาชั่วคราว "บิ๊กป้อม" เชื่อยังมีชีวิตอยู่ "นักภูมิศาสตร์ผู้เคยสำรวจถ้ำหลวง" แนะต้องเร่งสูบน้ำออกลดระดับเพื่อง่ายต่อการเข้าช่วยเหลือ
ตลอดทั้งวันที่ 25 มิ.ย. ปฏิบัติการค้นหาโค้ชและนักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย รวม 13 คน จาก ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่พลัดหลงอยู่ภายในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน เขตวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน พื้นที่บ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานยังคงดำเนินการค้นหาอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น
ตั้งแต่เวลา 02.40 น. น.อ.อนันท์ สุราวรรณ์ ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 พร้อมทีมหน่วยซีล หรือมนุษย์กบ จำนวน 18 นาย เดินทางจากฐานทัพเรือสัตหีบ มาถึงวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ร่วมประชุมกับ น.อ.วุฒิชัย ภู่เจริญยศ ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง, นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.37 และเจ้าหน้าที่กู้ภัยทีมอัมรินทร์ใต้ ปภ.เชียงราย รวมทั้งทีมศิริกรณ์ เพื่อวางแผนการให้ความช่วยเหลือเด็กทีมฟุตบอลที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
เบื้องต้นในปฏิบัติการจะให้ทีมซีลเป็นทีมหลัก และมีทีมอัมรินทร์ใต้ ปภ.เชียงราย และศิริกรณ์เป็นทีมเสริมในช่วงเช้า การเข้าไปปฏิบัติการของทีมซีลเบื้องต้นเพื่อสำรวจพื้นที่ใต้น้ำ หาช่องทางระบายน้ำหาจุดที่ถูกทราย หรือโคลนปิดทางน้ำไหลออกให้สามารถระบายน้ำได้ และดูช่องทางที่จะสามารถมุดเข้าไปยังอีกฝั่งของน้ำ เพื่อหาตัวคนที่ติดอยู่ในถ้ำ รวมถึงหาวิธีการระบายน้ำเป็นช่วงๆ
ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่หน่วยซีลจะมาถึง ทหารจากมทบ.37 ได้เข้าไปสำรวจสภาพการณ์ภายในถ้ำล่าสุด พบว่าน้ำขึ้นมาอีก 10 เซนติเมตร กระแสน้ำแรงขึ้นจากช่วงเย็น และตรวจสภาพโดยรอบเห็นว่าไม่สามารถที่จะดูดโคลนหรือทรายได้ เพราะจะมีโคลนหรือทรายไหลมาแทนที่ จึงต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังและวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบมากๆ
จากนั้นเวลา 04.00 น. บริเวณด้านหน้าถ้ำมีทีมกู้ภัยจำนวน 20 คน ได้มีการรวมพลเพื่อชี้แจงแนวทางการปฏิบัติงาน โดยทีมกู้ภัยทั้งหมดจะคอยสนับสนุนอยู่บริเวณปากถ้ำเพื่อรอคำสั่งจากทีมสำรวจ
โดย น.อ.อนันท์ได้นำลูกทีมและมิสเตอร์เวิร์น อันสเวิร์ส ที่รับเป็นผู้นำทางเป็นรอบที่ 4 และชาวบ้านที่ชำนาญทางนำทีมสำรวจ เพื่อเข้าไปสำรวจเพื่อประเมินสถานการณ์ ก่อนจะกลับออกมาวางแผนการช่วยเหลืออีกครั้งในช่วงเช้าตรู่
เวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ส่งหน่วยซีลชุดแรก จำนวน 4 นาย พร้อมหน่วยสนับสนุนเดินทางเข้าไปภายในถ้ำ เพื่อหาช่องทางระบายน้ำและการน้ำโคลนออก รวมทั้งมีการลากสายสัญญาณสื่อสารเข้าไปภายในถ้ำ เพื่อสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับภายนอก เนื่องจากภายในถ้ำไม่มีสัญญาณสื่อสารใดๆ และติดตั้งสายไฟฟ้าส่องสว่าง
เวลา 09.19 น. หน่วยซีลได้นำกำลังชุดแรก 4 นาย พร้อมอุปกรณ์ ดำเข้าไปจนผ่านโพรงที่มีน้ำปิดลึกกว่า 5 เมตร และกว้างประมาณ 15 เมตรแล้ว หลังจากที่นักประดาน้ำที่พยายามเข้าไปก่อนหน้านี้ ไม่สามารถดำผ่านไปได้ แต่ยังไม่พบกลุ่มเด็กๆ จึงลอดกลับมาเพื่อรอเสบียง
หน่วยซีลค้นหาทั้งวัน
เวลา 09.49 น. ชุดช่วยเหลือ 4 นายดำน้ำลอดข้ามไปอีกฝั่ง พร้อมกับเสบียงอาหารแล้ว โดยคาดว่ากลุ่มเด็กๆ น่าจะพักอยู่ในห้องโถงกว้าง แต่เมื่อไปถึงบริเวณดังกล่าว ก็ยังไม่พบกลุ่มโค้ชและเด็กทั้ง 13 คน
ต่อมาเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่หน่วยซีลได้ดำค้นหาต่อ จนไปถึงโพรงที่ 2 อยู่ใกล้เคียงกัน ซึ่งพบเพียงรอยเท้าของคนอยู่เต็มไปหมด คาดว่าเป็นร่องรอยของกลุ่มเด็กๆ ที่หนีน้ำเข้าไปข้างในอีก ซึ่งหน่วยซีลและหน่วยกู้ภัยอื่นๆ จึงเดินหน้าค้นหากันต่อ พบช่องทางในถ้ำต่อจากโพรงที่ 2 เป็นทางยาวขนานไปกับลำธารในถ้ำ และมีรอยเท้าอยู่เต็มไปหมด คาดว่าเด็กๆ ไม่สามารถออกทางเดิมได้ จึงพยายามเดินทะลุออกไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งจากการสำรวจของเจ้าหน้าที่ และสอบถามคนท้องถิ่น ระบุว่า เส้นทางดังกล่าวมีระยะทางราว 7 กม. บริเวณปากทางเป็นโพรงขนาดใหญ่ แต่ไม่มีทางออกด้านข้าง เพราะไม่ใช่ทางเข้าถ้ำตามปกติ มีแต่ต้นไม้ โขดหิน
ขณะที่ทาง ตชด.32 ได้พิจารณาใช้เฮลิคอปเตอร์ ขึ้นบินสำรวจบริเวณปากโพรงดังกล่าว แต่เนื่องจากฝนตก สภาพอากาศปิด ทำให้ต้องรอประเมินสถานการณ์
เวลา 12.00 น. หน่วยซีลที่เข้าไปก่อนหน้านี้ได้รอชุดสนับสนุนที่นำอาหารและน้ำดื่มตามเข้าไป โดยเบื้องต้นจะใช้การเดินไปตามเส้นทาง 7 กม.ดังกล่าว เพื่อค้นหาต่อไป ซึ่งหากพบก็ยังต้องหารือกันต่อไปว่า จะนำตัวผู้ประสบเหตุทั้งหมดออกมาได้อย่างไร เนื่องจากภายในน้ำยังคงมีน้ำท่วมขังสูงปิดเส้นทางเข้า-ออกอยู่เช่นเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนด้านหน้าถ้ำได้มีการเรียกรถพยาบาล อุปกรณ์ช่วยเหลือ ฯลฯ มาปักหลักรอให้การช่วยเหลืออยู่หน้าถ้ำหลวงอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับพ่อแม่และผู้ปกครองยังคงปักหลักรอที่เต็นท์ด้านหน้าที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ ซึ่งบางคนร้องไห้และเป็นลมล้มพับจนต้องมีการช่วยเหลือปฐมพยาบาลกันหลายครั้ง
พล.ต.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37, นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย, น.อ.อนันท์ สุราวรรณ์ ผบ.กรมรบพิเศษที่ 1 ทหารเรือ, สภ.แม่สาย ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง ฯลฯ ยังคงสั่งการให้และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกในปฏิบัติการค้นหาช่วยเหลือดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.บัญชากล่าวว่า จากการประเมินเชื่อว่าทั้งหมดเดินเข้าไปลึก ประกอบกับเกิดฝนตก จึงทำให้น้ำท่วมปิดทางเข้า-ออก ในช่วงแรกทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้ชุดทีมประดาน้ำของกู้ภัยเข้าไปค้นหา แต่ไม่ชำนาญและมีน้ำขุ่น จึงให้ทีมหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือหรือซีลเข้ามาเสริม ขณะนี้มีการตั้งกองอำนวยการร่วม โดยมีทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการทำงาน ประกอบด้วย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล รส.) จ.เชียงราย, กกล.รส.มทบ.37, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงราย และมูลนิธิหน่วยกู้ภัยต่างๆ
"เราสันนิษฐานว่าเด็กๆ รู้วิธีเอาตัวรอดจากน้ำท่วมได้ เพราะมีบางคนเคยเข้าไปเที่ยวในถ้ำแล้ว และมีประสบการณ์การเอาตัวรอดจากน้ำท่วม ซึ่งถ้ำหลวงฯ มีความยาว 7 กิโลเมตร ภายในมีเนินคล้ายสันดอนที่สูงกว่าระดับน้ำในถ้ำ" พล.ต.บัญชากล่าว
ผบ.มทบ.37 กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบทั้ง 13 คน แต่ขอให้ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง และขอให้คำมั่นว่าเจ้าหน้าที่ทุกนายจะพยายามค้นหาเด็กๆ และโค้ชให้เจอโดยเร็วที่สุด ตอนนี้เจ้าหน้าที่พยายามดำน้ำเอาดินโคลนออก เพื่อเปิดปากถ้ำให้กว้าง นอกจากนี้ยังส่งเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออุดน้ำที่จะไหลมาเติมภายในถ้ำด้วย แต่ฝนก็ยังตกต่อเนื่องบนเทือกเขารอยต่อระหว่างไทย-เมียนมา
"เจ้าหน้าที่พยายามดูแลคนที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกจากพื้นที่ปฏิบัติงาน และอยากขอความร่วมมืองดจุดธูปเทียนใกล้พื้นที่บริเวณปากถ้ำ เพราะจะทำให้เกิดควันลอยเข้าไปในถ้ำ ส่งผลให้อากาศหรือออกซิเจนในถ้ำน้อยลง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้นำเครื่องเติมอากาศของ ปภ.เข้าไปในถ้ำ เพื่อเติมอากาศให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายใน และยังจัดตั้งหน่วยแพทย์ โดยความร่วมมือระหว่าง รพ.เชียงรายกับ รพ.ค่ายเม็งรายมหาราช รวมทั้ง มทบ.37 ตั้งชุดครัวสนามสำหรับประกอบอาหารให้แก่เจ้าหน้าที่ รวมถึงวางระบบการสื่อสารทางทหาร เนื่องจากในพื้นที่จะติดต่อลำบาก" ผบ.มทบ.37 กล่าว
นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าทีมแรกสามารถเบิกทางที่จะเข้าไปถึงอีกฝั่งได้แล้ว เมื่อเข้าไปได้แล้วก็กลับออกมา เพื่อส่งต่อให้ทีมชุด 2 เพราะคาดว่าเด็กน่าจะอยู่ในโถงกลาง และชุดที่ 2 ได้นำอาหาร น้ำดื่ม ตามเข้าไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจ
"ระบบทุกอย่างได้จัดเอาไว้รองรับแล้วทั้งไฟฟ้าภายในถ้ำและการสื่อสาร ล่าสุดทราบว่าหน่วยทหารเรือได้ดำเข้าไปถึงห้องโถงกลางภายในถ้ำลึกเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตรแล้ว และมีทีมสนับสนุนรออยู่ แต่ก็พบอุปสรรคในการเชื่อมต่อถึงกัน เพราะน้ำขวางกั้นอยู่ กรณีจะต้องให้การช่วยเหลือเรื่องน้ำและอาหาร แต่เชื่อว่าทหารหน่วยซีลมีความสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ หากว่าพบเด็กๆ อยู่ในนั้น" รองผู้ว่าฯเชียงรายกล่าว
เวลา 14.30 น. มีรายงานว่า ชุดดำน้ำหน่วยซีลต้องดำน้ำลึก 5 เมตร เข้าสู่ห้องโถงใหญ่ แต่ยังไม่พบเด็กๆ พบเพียงร่องรอยฝ่ามือตามผนังถ้ำ เจ้าหน้าที่จึงเดินหน้าค้นหาลึกเข้าไปภายในถ้ำอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ฝนได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำในถ้ำสูงขึ้นเรื่อย ประกอบกับภายในถ้ำเริ่มมืดลง
กระทั่งเวลา 17.47 น. น.อ.อนันท์ สุราวรรณ์ ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 หัวหน้าชุดหน่วยซีล ได้สั่งถอนกำลังออกจากถ้ำ พร้อมประกาศยุติการค้นหาชั่วคราว เนื่องจากภายในถ้ำมืดลง และระดับน้ำสูงขึ้น จนอาจเป็นอันตรายต่อทีมค้นหาทั้งหมด จึงจำเป็นต้องถอนกำลังออกมาเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง รวมทั้งประชุมวางแผนการตรวจค้นอีกครั้ง
ร.10 ทรงห่วงทั้ง 13 คน
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (รมว.มหาดไทย) กล่าวว่า ทางราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แจ้งว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงติดตามการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเด็กและโค้ชฟุตบอลจำนวน 13 ราย ที่ยังติดอยู่ในภายในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ทรงห่วงใยกลุ่มผู้ประสบภัยทุกคน และทรงให้กำลังใจไปยังครอบครัวผู้ประสบภัยทุกคน ขอให้ทุกคนปลอดภัย รวมถึงทรงให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการติดตามค้นหาขอให้ประสบความสำเร็จ
"ในส่วนผมได้ให้คำแนะนำไปยังผู้ปฏิบัติในพื้นที่ การเข้าไปช่วยเหลือต้องระมัดระวังเรื่องของอากาศภายในกับฝนที่ตกลงมาเพิ่ม อาจทำให้ระดับน้ำภายในถ้ำสูงขึ้น เชื่อว่าทุกคนน่าจะปลอดภัย ทางเจ้าหน้าที่ก็ทุ่มเทกันเต็มที่ และมีมาตรการในการประสานติดต่อช่วยเหลือ" รมว.มหาดไทยกล่าว
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามข่าวสารสถานการณ์ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด แม้จะปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ต่างประเทศ โดยได้แสดงความเป็นห่วงและภาวนาขอให้ทุกคนกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย
"นายกฯ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทหารและทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังออกค้นหาและให้ความช่วยเหลือเยาวชนและผู้ฝึกสอนทั้งหมดอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งฝากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคน ขอให้ปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยย้ำให้ใช้ความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยของตนเองด้วย" พล.ท.สรรเสริญกล่าว
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งคนเข้าไปช่วยแล้วตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 24 มิ.ย. เมื่อไปถึงในพื้นที่ก็เริ่มทำงานทันที เรามุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอยากให้พบเด็กกับโค้ชทั้ง 13 คน เราพยายามทำเต็มที่ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือหน่วยซีลของกองทัพเรือ อยู่ในพื้นที่แล้ว ขณะนี้ยังไม่ได้รายงานกลับมา
"ทางหน่วยซีลได้ดำเนินการบูรณาการกับทางจังหวัดและหน่วยงานราชการอื่นๆ ในการหาเด็กทั้ง 13 คนให้เจอโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้หน่วยซีลก็เข้าไปแล้ว ซึ่งผมก็ติดตามอยู่ และคิดว่ายังมีชีวิตอยู่" พล.อ.ประวิตรกล่าว
วันเดียวกัน นายอนุกูล สอนเอก นักภูมิศาสตร์ที่เคยสำรวจวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Anukoon Sorn-ek ระบุว่า “ข้อมูลสำคัญสำหรับทีมค้นหาและช่วยเหลือเด็กสูญหายในถ้ำนะครับ ถ้ำนางนอนหลวงเป็นถ้ำที่มีทางเข้าออกทางเดียว ระบบระบายอากาศไม่ดี ถ้าจะใช้วิธีการสูบน้ำออกควรตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ด้านนอก ไม่งั้นปริมาณ Co2 ภายในถ้ำจะสูงขึ้น ทำให้การช่วยเหลือทำได้ยาก และมีความเสี่ยงมากขึ้นนะครับ
ตำแหน่งที่คาดว่าเด็กๆ น่าจะอยู่ (ตำแหน่งวงกลมสีแดง) ลึกที่สุดบริเวณปลายสุดของ Show cave น่าจะประมาณไม่เกิน 1 กม. จากปากถ้ำ ถ้าเลยนี้ไป Section ด้านในที่เป็นเส้นทางเข้า Monk's series เส้นทางแคบและซับซ้อน หาเจอยากมาก คิดว่าคนทั่วไปไม่น่าหาเส้นทางเข้าไปด้านในได้ครับ อีกอย่างในช่วงเวลานี้ ถ้าเด็กๆ ถอดรองเท้าและวางเป้ไว้ แสดงว่า พื้นถ้ำมีน้ำท่วมออกมาถึงด้านนอกแล้ว แต่ยังไม่ลึกมาก นั่นหมายถึง Section ด้านในจะมีน้ำท่วมแล้ว มีโคลนมาก เขาคงไม่เข้าไปลึกมากครับ อาจจะมีปัญหาเรื่องแสงสว่าง ไฟฉายดับ หรือไฟฉายมีน้อย เลยหาทางออกจากถ้ำไม่ได้ และระดับน้ำขึ้นซะก่อน ส่วนอันตรายที่สุดสำหรับทีมดำน้ำที่จะดำเข้าไปเป็น Section แรกที่ผมวงสีน้ำเงินเอาไว้ เนื่องจากเส้นทางเข้าแคบ ต้องมุดเข้าไป และน้ำจะอัดผ่านช่องนี้ออกมา อันตรายสำหรับทีมที่ดำน้ำขาออก แต่ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้แล้วเส้นทางด้านในจะกว้างขึ้น สามารถเดินได้ครับ ข้อมูลเผื่อทีมช่วยเหลือจะนำไปใช้ในการวางแผนได้นะครับ
สำหรับวิธีการช่วยเหลือ ต้องทำให้พื้นที่น้ำที่ท่วมเพดานถ้ำลดลงก่อน ด้วยลักษณะของถ้ำนางนอนหลวง ลำธารที่เกิดขึ้นในถ้ำ ไม่ได้เกิดจากการไหลมาจากด้านนอก แต่เกิดจากฝนตกบนต้นน้ำและไหลซึมตามรอยแตกเข้ามา เวลาน้ำในถ้ำเริ่มขึ้นจะลงค่อนข้างยาก วิธีดีที่สุดจะต้องสูบน้ำออกให้มากกว่าปริมาณน้ำเข้า เราต้องคำนวณปริมาณน้ำที่ไหลในลำธารในถ้ำว่ามีปริมาณกี่ ลบ.ม.ต่อวินาที และระดมเครื่องสูบน้ำให้ปริมาณ น้ำสูบออกมากกว่าปริมาณน้ำธรรมชาติ พื้นที่ส่วนเพดานถ้ำที่จมอยู่ถึงจะลด แต่ต้องไม่มีปริมาณฝนตกบนภูเขามาเพิ่มปริมาณน้ำในถ้ำอีก ดังนั้น ต้องรีบสูบน้ำออกในระดับที่ปลอดภัยต่อผู้ช่วยเหลือ อย่าสูบน้ำออกโดยไม่มีหลักการครับ เวลาแต่ละนาทีที่ผ่านไปมันกลายเป็นเวลาที่สูญเปล่า ตอนนี้ประมาณ 36 ชม. หลังคนเข้าไปติดค้างอยู่ด้านใน เขายังรอดชีวิตและรอการช่วยเหลืออยู่ครับ”
มีรายงานว่า ช่วงเวลา 21.15 น. นักประดาน้ำกู้ภัยในถ้ำจากประเทศสวีเดนจะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ เพื่อร่วมกับชุดซีลในการค้นหาโค้ชและเด็กที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวงในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ด้วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |