ไม่นอยด์ "เสี่ยป้อม" หลังพิงฝา! เปิดปากนาฬิกา 24 เรือนยืมเพื่อนมา คืนหมดแล้ว ลั่นถ้าป.ป.ช.ชี้ว่าผิดก็ออก ส่วน "บิ๊กตู่" มาแนวประชาธิปไตยไทยนิยม อุ้มกันต่อไป อ้างรอ ป.ป.ช.ตรวจสอบก่อน ตีปากนักการเมืองขอร้องช่วงนี้อย่าใช้วาทกรรมสร้างประโยชน์ทางการเมือง
    หลังถูกเปิดเผยนาฬิกาข้อมือเรือนที่ 24 ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้แจ้งในรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ พล.อ.ประวิตรตอบคำถามสื่อมวลชนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว 
    "เป็นการวนเอาเรือนเก่าออกมา ไม่เป็นไร ขอให้ทางป.ป.ช.ตรวจสอบ ถ้าชี้ว่าผิด ก็ออก"
    รองนายกฯ กล่าวว่า การทำงานของ ป.ป.ช.ไม่สามารถไปแทรกแซงได้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามขั้นตอน รอตรวจสอบให้เสร็จสิ้น ชี้แจง ป.ป.ช.ไปแล้ว 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการออกมาเปิดเผยเช่นนี้ รู้สึกนอยด์ อารมณ์เสีย เสียความรู้สึกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า “ไม่นอยด์ สภาพจิตใจไม่มีอะไร”
    ซักว่าปกติเป็นคนชอบสะสมนาฬิกาใช่หรือไม่ รองนายกฯ ปฏิเสธว่า ไม่มีหรอก "ผมมีเพื่อน เพื่อนเอามาให้ผมใส่ แค่นั้นเอง คืนเขาทั้งหมดทุกเรือน"
    ถามย้ำอีกว่า ที่มีและชอบจริงๆ มีกี่เรือน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ขอพูดแล้ว เมื่อซักต่อไปว่ามีการระบุถึงหุ้นนาฬิกา รองนายกฯ ยืนยันว่า ไม่มี ไปเอาที่ไหนมา 
    เมื่อถามถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุหากชี้แจงเรื่องดังกล่าวไม่ชัดเจน จะกระทบกับภาพลักษณ์นายกฯ และรัฐบาล พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า พูดกันไป จะพูดอย่างไรก็พูดได้
    ก่อนหน้านั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ข้อเสนอการให้พักงาน ปัญหาเรื่องนาฬิกาต่างๆ ที่นักการเมืองออกมาพูด ขอให้กลไกป.ป.ช.ได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความชัดเจน ขอร้องว่าช่วงนี้อย่าใช้วาทกรรมเหล่านี้มาสร้างประโยชน์ทางการเมือง และ พล.อ.ประวิตรก็พร้อมที่จะตอบเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเอง ขอร้องว่าอย่ามาถามตน
    นายกฯ ยังแจงกรณีที่สื่อโซเชียลฯ วิพากษ์วิจารณ์กระเป๋าถือของนางนราพร จันทร์โอชา ภริยาของตนเอง ว่าเป็นกระเป๋าแอร์เมส ราคาสูงถึง 2 ล้านบาท ว่า “ก็เป็นกระเป๋าของศูนย์ศิลปาชีพไง”
    พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถูกตั้งคำถามว่ามีหลายฝ่ายเรียกร้องให้พล.อ.ประวิตรแสดงความรับผิดชอบจากกรณีนาฬิกาหรู และแหวนเพชร โดยการลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งเขา ปฏิเสธการตอบคำถามดังกล่าว พร้อมถอนหายใจและส่ายหน้า แล้วเดินเลี่ยงขึ้นรถไปทันที
    นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ประวิตร จะพูดอย่างไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช.จะเชื่อหรือไม่ ถ้าหาก ป.ป.ช.เชื่อแค่คำพูดของ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ควรมี ป.ป.ช.เลย เพราะเพียงแค่คำพูดไม่สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองได้ ถ้าสิ่งที่ พล.อ.ประวิตรพูดตรงกับที่ได้ยื่นชี้แจงต่อ ป.ป.ช. ว่าเป็นของเพื่อนนั้น ก็เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ในการไปตรวจสอบว่านาฬิกานำเข้ามาถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ มีอยู่จริงหรือไม่ ต้องเรียกเพื่อนที่อ้างเป็นเจ้าของนาฬิกามาพิสูจน์ว่ามีความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตรอย่างไร เป็นเพื่อนร่วมรุ่น เป็นนักธุรกิจหรือไม่ ซึ่ง ป.ป.ช.ต้องสืบต่อให้กระจ่างชัด ถ้าอ้างแค่คำพูดของ พล.อ.ประวิตรแล้วจบก็ไม่ควรมี ป.ป.ช.
    เขากล่าวว่า ขณะนี้สาธารณชนส่วนใหญ่ได้ตัดสินกันไปแล้วว่านาฬิกาน่าจะเป็นของ พล.อ.ประวิตรเอง โดยไม่รายงานต่อ ป.ป.ช.มาตั้งแต่ต้น กลายเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อตัว พล.อ.ประวิตรและรัฐบาล คสช. ดังนั้นทางออกที่ดี พล.อ.ประวิตรควรมีสปิริตลาออก จะช่วยให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลดีขึ้น เป็นทางเดียวที่จะกู้ศรัทธาคืน หากเล่นลิ้นพลิกไปมาคนไทยไม่เชื่อ ป.ป.ช.ก็คงไม่เชื่อง่ายๆ กับคำพูด เรื่องนี้จึงเป็นการพิสูจน์ตัว พล.อ.ประวิตรและ ป.ป.ช.เองว่าจะเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันเพียงใด
    ขณะที่พรรคเพื่อไทยออกมาซ้ำในจุดอ่อนของรัฐบาล โดย ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่บุคคลใน คสช.ระบุว่า พล.อ.ประวิตรไม่ได้ทำอะไรผิดเรื่องนาฬิกาหรู ไม่จำเป็นต้องลาออกว่า พล.อ.ประยุทธ์เห็นด้วยหรือไม่ แล้วแบบนี้ถือเป็นประชาธิปไตยแบบไทยนิยมที่พูดถึงหรือเปล่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ปฏิเสธ สังคมก็อาจมองว่าท่านยอมรับ เป็นเรื่องจริง
    เธอบอกว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์หลีกเลี่ยงที่จะแสดงจุดยืน ไม่อยากพูดถึงเพราะวันนี้เป็นวันครูนั้น ท่าทีแบบนี้จะกระทบต่อศรัทธาของประชาชนที่มีต่อนโยบายปราบโกงของรัฐบาล ก่อนหน้า พล.อ.ประยุทธ์เคยบอกให้สังคมลดราวาศอก ก็ขอเตือนให้ระวัง ประชาชนจะหมดศรัทธา พอเป็นเรื่องของคนอื่น ทำท่าขึงขังและใช้อำนาจเล่นงาน พอเป็นเรื่องของพรรคพวกตัวเองกลับวางเฉย ทำเป็นมองไม่เห็น
    ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า คสช.กับสนิมเหล็กที่เกิดแต่เนื้อในตน กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร้ำ บาปเกิดแต่ตน คนเป็นบาป บาปย่อมทำโทษซ้ำ ใส่ผู้บาปเอง ปรากฏการณ์ แหวนมารดา นาฬิกาเพื่อนนั้นเกิดขึ้นจากผู้กุมอำนาจเอง แล้วยังหลงลำพองใจว่าไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อพวกเขาแน่นอน เพราะองค์กรที่จะจัดการกับพวกเขานั้น เป็นองค์กรที่ตั้งโดยพวกเขา และได้รับการต่ออายุสืบเนื่องก็จากอำนาจของพวกเขา ดังนั้นไม่เห็นจะต้องไปเดือดเนื้อร้อนใจอะไร แม้ว่าจนถึงขณะนี้จะปรากฏต่อหน้าสายตาประชาชนจำนวนมากถึง 24 เรือนโดยที่ราคาแต่ละเรือนก็กว่าล้านหรือเกือบล้านทั้งสิ้น
          แกนนำเสื้อแดงรายนี้บอกว่า การประกาศอย่างมั่นอกมั่นใจว่าประเทศไทยต้องใช้ประชาธิปไตยไทยนิยม  ซึ่งเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยต้องเป็นประชาธิปไตยแบบเผด็จการซ่อนรูป ก็เป็นการมองข้ามอำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชาวไทยไปอย่างไม่เห็นหัวประชาชนเลยแม้แต่น้อย แล้วท่านไม่คิดหรือว่าประชาชนทั้งประเทศที่เคยได้ลองลิ้มชิมรสประชาธิปไตยแท้จริงมาแล้วจะรู้สึกนึกคิดอย่างไร
         "การประกาศตนเป็นนักการเมืองพร้อมกับอธิบายว่าการเลือกคนนอกเป็นนายกฯ นั้นเป็นการปิดประตูรัฐประหารในอนาคต โดยไม่เฉลียวใจว่าเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 เกิดขึ้นด้วยเรื่องต่อต้านนายกฯ คนนอก แม้รัฐธรรมนูญจะไม่ห้ามก็ตาม"
       นพ.เหวงกล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ก็คือความอัดอั้นไม่พอใจของประชาชนกลุ่มต่างๆ เริ่มขยายตัวและแสดงออกอย่างไม่อาจจะปิดกั้นได้อีกต่อไป แม้ว่าในขณะนี้อำนาจของผู้กุมอำนาจยังกร้าวแกร่งอยู่ก็ตาม.