อีกเพียงไม่กี่วันก็จะมีการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัวกันแล้ว ในตอนนี้นักท่องเที่ยวเองก็รอความชัดเจนของระเบียบและกฎเกณฑ์ในการเดินทางเข้าประเทศไทย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจอาจจะไม่ได้บูม! หรือกลับมาเติบโตอย่างรวดเร็วได้เสียทีเดียว เพราะยังมีอีกหลายเงื่อนไขที่อาจจะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว หรือการตัดสินใจของนักเดินทาง
ทั้งนี้ การประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม มีข้อสรุปสำคัญ คือ เตรียมพิจารณาแนวทางการเปิดประเทศตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศว่าวันที่ 1 พฤศจิกายน จะเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เดินทางเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว ไม่จำกัดพื้นที่ หากมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด ขณะเดียวกันตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม ปรับลดเวลาเคอร์ฟิวเป็น 23.00-03.00 น. และผ่อนคลายกิจกรรมเพิ่มเติม อาทิ การจัดงาน การประชุม โดยขยายจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมตามแต่ละระดับพื้นที่
โดย วิจัยกรุงศรีรายงานว่า แม้มีการเปิดประเทศต้นเดือนพฤศจิกายนเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัว และผ่อนคลายมาตรการควบคุม แต่คาดว่าระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมภายในสิ้นปีนี้ยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตการระบาดราว 6%
แน่นอนว่า การผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดเพิ่มเติมแม้คาดว่าจะช่วยสนับสนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการมากขึ้น และช่วยลดความเสียหายทางเศรษฐกิจลงได้บ้าง แต่อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการปรับขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ในช่วงที่เหลือของปียังจำเป็นต้องทำด้วยความระมัดระวังไปพร้อมกับการเสริมด้วยมาตรการอื่นๆ อาทิ การสื่อสารที่ชัดเจน การสวมหน้ากาก การใช้ระบบติดตามผู้ป่วย และการเร่งฉีดวัคซีน
วิจัยกรุงศรียังระบุอีกว่า ในส่วนของมาตรการเปิดประเทศที่จะเริ่มขึ้นในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เบื้องต้นทางการระบุประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น สหรัฐ สหราชอาณาจักร เยอรมนี จีน และสิงคโปร์ เป็นต้น โดยจะเปิดรับเข้าสู่ประเทศแบบไม่ต้องกักตัว ภายใต้เกณฑ์ที่กำหนดไว้ อาทิ ฉีดวัคซีนครบโดส มีการตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางและเมื่อถึงไทย
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการหรือนโยบายของประเทศต้นทางเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวหลักจากจีนที่นับว่ามีสัดส่วนสูงเกือบ 28% ของภาคท่องเที่ยวไทย ทั้งในด้านจำนวนและการสร้างรายได้แก่ประเทศ ซึ่งปัจจุบันทางการจีนยังคงมีมาตรการคุมเข้มการเดินทางระหว่างประเทศ โดยไม่อนุญาตให้เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ
ขณะที่ สหรัฐและสหภาพยุโรปประกาศเตือนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาไทยเนื่องจากเป็นพื้นที่การระบาดยังมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น มาตรการหรือนโยบายของประเทศต้นทางจึงอาจเป็นข้อจำกัดต่อการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะอันใกล้นี้
วิจัยกรุงศรีประเมิน แม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดเพิ่มเติม และมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัว แต่คาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมภายในสิ้นปีนี้จะยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 อยู่ประมาณ 6% โดยคำนวณจากการใช้ข้อมูลความถี่เร็ว ได้แก่ ความเข้มงวดของมาตรการ ความเข้มงวดของมาตรการที่เกิดขึ้นจริง เครื่องชี้เร็วด้านการเดินทาง และความนิยมในการค้นหา เพื่อสะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการคาดการณ์ทิศทางของการค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และกิจกรรมท่องเที่ยว
โดยพบว่าภายในสิ้นปีนี้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและการค้าปลีกจะกลับมาอยู่ที่ 94.9% และ 92.3% ของระดับก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ตามลำดับ ขณะที่กิจกรรมท่องเที่ยวจะอยู่เพียงแค่ 57.9% ของระดับก่อนวิกฤตโควิด-19 เท่านั้น และเมื่อคำนวณดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมแล้วพบว่า ณ สิ้นปีนี้จะมีค่าอยู่ที่ 94.4% ของระดับก่อนเกิดวิกฤตโควิดอีกด้วย.
รุ่งนภา สารพิน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |