เมื่อครั้งผมโอนย้ายจากตำรวจไปเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีเพื่อนและคนที่รู้จักสงสัยและสอบถามผมว่า ทำไมรับราชการเป็นตำรวจมา 39 ปี เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงโอนย้ายไปเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 1 ปี ก็เกษียณอายุราชการ สมัครใจโอนย้ายไปหรือไม่ มีเบื้องหน้า-เบื้องหลังอะไรหรือเปล่า ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่อะไรบ้าง วันนี้จะขอเล่าให้ฟังครับ
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อย ยึดอำนาจปกครองและเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศ ผมเป็นรอง ผบ.ตร. เป็นช่วงเวลาที่จะแต่งตั้ง ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2557
ผมได้รับการคาดหมายจะเป็นผู้ที่ได้รับการพิจารณาขึ้นเป็น ผบ.ตร.ด้วย เพราะเป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโส อันดับ 1 และมีเวลาปฏิบัติราชการอีก 2 ปี (จะเกษียณ ปี พ.ศ.2559) แต่ผลการพิจารณา ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.อาวุโส อันดับ 3 และเหลืออายุราชการ 1 ปี ขึ้นเป็น ผบ.ตร.
นายกฯ ประยุทธ์ ได้กรุณาสอบถามผมจะสมัครใจโอนย้ายไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ DSI หรือไม่ ซึ่งผมได้ตอบขอบพระคุณและขอทำงานเป็นตำรวจต่อไป
ต่อมาปี พ.ศ.2558 วาระการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ผมยังคงได้รับการคาดหมายอีกเช่นเดิมว่าจะได้เป็น ผบ.ตร.อีกครั้ง เพราะยังคงเป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโส อันดับ 1 และมีผลงานสำคัญจากการเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ทำคดีสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้ต้องหาส่งพนักงานอัยการฟ้องศาลได้จำนวนมาก ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ ต่างชาติให้การยอมรับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ผมได้รับรางวัลและคำชื่นชมมากมาย
แต่ปรากฏว่าผู้บังคับบัญชาพิจารณาแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.อาวุโสคนที่ 5 (คนสุดท้าย) ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.
หลังจากการประชุมแต่งตั้งเสร็จ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมการแต่งตั้งนั้น ได้เรียกผมเข้าพบเป็นการส่วนตัว
พล.อ.ประวิตร กรุณาปลอบใจและให้กำลังใจผมตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ต่อไป อีกทั้งยังให้ความกรุณาจะเสนอแต่งตั้งผมให้ไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นข้าราชการพลเรือนระดับ 11 (เทียบเท่าปลัดกระทรวง) เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ ทำงานเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ ต้องเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีทุกครั้ง
ผมพิจารณาแล้วว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว จึงตอบปฏิเสธไป และก็ยอมรับดุลยพินิจการพิจารณาแต่งตั้งของผู้บังคับบัญชาโดยดุษฎี กลับไปตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตำรวจอีก 1 ปี จนกว่าจะเกษียณอายุราชการ
ประมาณเดือนกันยายน เป็นช่วงที่จะมีการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนระดับสูงทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายน 2558 ผมได้รับความกรุณาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยการติดต่อประสานงานและสนับสนุนจาก ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้ไปดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ผมทราบภายหลัง เดิมมีการกำหนดตัวข้าราชการผู้หนึ่งไว้แล้ว)
ครั้งนี้ผมพิจารณาแล้วได้ตอบรับไปเป็นปลัดสำนักนายกฯ เพราะผมสามารถทำงานในตำแหน่งนี้ได้ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำงานเป็นฝ่ายเลขาฯ ของนายกรัฐมนตรี ติดต่อประสานงานทั่วไปกับหน่วยงานราชการต่างๆ ผมเคยมีประสบการณ์การทำงานลักษณะนี้ในตำแหน่งเลขานุการกรมตำรวจ
ผมตอบตกลงวันอาทิตย์ วันจันทร์ทำเอกสารการโอนย้าย วันอังคารนำเข้าที่ประชุมแต่งตั้งผมจากรอง ผบ.ตร.เป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีข้าราชการพลเรือน ระดับ 11 ด้วยระยะเวลาอันรวดเร็ว
ชีวิตผมไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะได้เป็นข้าราชการพลเรือน ซี 11 ระดับปลัดกระทรวง ที่สำคัญยังได้เป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นหน่วยงานสำคัญภาครัฐ ได้ทำงานใกล้ชิดผู้บริหารประเทศ ทั้งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ทุกท่าน ได้ทำงานภายในทำเนียบรัฐบาล สถานที่ราชการที่สำคัญที่สุดของบ้านเมือง
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี Office of the Permanent Secretary Prime Minister s Office มีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าส่วนราชการ มีภารกิจเกี่ยวกับราชการทั่วไปของนายกรัฐมนตรี ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติราชการ ปฏิบัติภารกิจพิเศษ และราชการที่คณะรัฐมนตรีมิได้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการใดโดยเฉพาะ ฯลฯ
ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองบอกว่า ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ มีความสำคัญในการปฏิบัติราชการอย่างยิ่ง เป็นซูเปอร์ปลัดกระทรวง เพราะปลัดกระทรวงต่างๆ ผู้บังคับบัญชาเป็นรัฐมนตรี แต่
ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีผู้บังคับบัญชาคือนายกรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน่วยงานสำคัญๆ เช่น ศูนย์บริการประชาชน สำนักตรวจราชการ สำนักคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร สำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจ สำนักงานคณะกรรมการกำกับ ติดตามการปฏิบัติราชการส่วนภูมิภาค ฯลฯ และหน่วยงานระดับกรมอีก 2 หน่วยงาน คือ กรมประชาสัมพันธ์ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
อาคารสำนักงานเป็นอาคารด้านหลังตึกสันติไมตรี ที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี ภายในทำเนียบรัฐบาล มีชื่อว่าตึกพัฒนา เป็นอาคาร 3 ชั้น แบบสากลนิยม สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2500 สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็น
นายกรัฐมนตรี เพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุมขององค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (องค์การซีอาร์โต) เมื่อสำนักงานนี้ย้ายออกไป จึงใช้เป็นที่ทำการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจนถึงปัจจุบัน
นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 มีการแต่งตั้งปลัดบัญชาการสำนักนายกรัฐมนตรีคือ หลวงวิจิตรวาทการ ต่อมาจึงเรียกชื่อตำแหน่งว่าปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีคนแรกคือ หลวงอรรถไกลวัลวที ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่ง มีทั้งอดีตนายทหาร นายตำรวจ ข้าราชการพลเรือนจากหน่วยงานอื่นๆ ผู้ว่าราชการจังหวัด และอาจารย์มหาวิทยาลัย เช่น พล.อ.เนตร เขมะโยธิน นายสุธี อากาศฤกษ์ นายเอนก สิทธิประศาสน์ นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ
หลายท่านผมรู้จักและคุ้นเคยมาก่อน เช่น พี่ผาณิต อาจารย์ธงทอง ผมไปรับตำแหน่งต่อจาก ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ที่ได้รับการแต่งตั้งไปเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ผู้สนับสนุนและประสานงานในการดำเนินการแต่งตั้งผมไปเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คือ ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ท่านเคยเป็นอาจารย์สอนหนังสือผม เมื่อครั้งผมเรียนปริญญาโท คณะนิติศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์วิษณุเป็นคณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งผมได้ทำงานร่วมด้วย ทุกครั้งเมื่อมีปัญหาสำคัญเรื่องการปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายเกี่ยวกับการทำงานของตำรวจ ผมจะหารือขอคำแนะนำจากท่านทุกครั้งไป
อาจารย์วิษณุ เป็นผู้มีคุโณปการกับตำรวจมากมายหลายเรื่อง ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นอาจารย์ที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับเชิญเป็นพิธีกรบรรยายการถ่ายทอดสด เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 พระบิดาตำรวจไทย ที่หน้ากรมตำรวจ ปทุมวัน นับเป็นเหตุการณ์วันประวัติศาสตร์ของตำรวจวันหนึ่ง
อาจารย์วิษณุ มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นตำรวจทั่วประเทศ เพราะรับเชิญจากตำรวจ เป็นองค์ปาฐกไปพูด บรรยายพิเศษ สอนหนังสือตำรวจ หลักสูตรต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ แม้จะมีภาระหน้าที่งานบ้านงานเมืองในตำแหน่งสำคัญต่างๆ
อาจารย์วิษณุคอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที่ปลัดสำนักนายกฯ ของผมตลอดเวลา
ระยะเวลา 1 ปีที่ดำรงตำแหน่งปลัดฯ ผมรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะทำงานอย่างสนุกสนาน บางครั้งทำงานกลางคืน บางครั้งในวันหยุดราชการได้ทำงานระดับชาติ ในบทบาทฝ่ายเลขานุการของนายกรัฐมนตรี
ผมได้ทำงานหลายอย่าง ซึ่งตอนเป็นตำรวจไม่เคยทำมาก่อน ประสานงานกับทุกส่วนราชการเดินทางไปตรวจราชการต่างจังหวัด เป็นผู้แทนประเทศไทยไปประชุมที่องค์การสหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา ได้รับเชิญเป็นแขกของรัฐบาลเดินทางไปร่วมประชุมและศึกษาดูงานต่างประเทศหลายประเทศหลายครั้ง
เป็นฝ่ายเลขาของนายกรัฐมนตรี ในการจัดกิจกรรมอันเป็นประวัติศาสตร์ เช่น ปั่นเพื่อพ่อ พิธีสวดมนต์ทั่วประเทศที่วัดพระแก้ว พิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระสังฆราช ฯลฯ
ขอขอบพระคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาจารย์วิษณุที่ได้ให้ความกรุณาแต่งตั้งผม ดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเกียรติประวัติและความภาคภูมิใจของผมและครอบครัว
ขอบคุณเพื่อนข้าราชการทุกคนในสังกัดสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้ช่วยเหลือการทำงานให้สำเร็จลุล่วงเรียบร้อยไปด้วยดี เป็นประสบการณ์ชีวิตข้าราชการพลเรือนสั้นๆ 1 ปี ที่จะประทับไว้ในความทรงจำตลอด
วันที่ 30 กันยายน 2559 วันสุดท้ายของการปฏิบัติราชการ เพื่อนๆ และน้องๆ ข้าราชการสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีส่งผมกลับบ้านด้วยดอกไม้และรอยยิ้มทั้งน้ำตา ด้วยความปีติอย่างยิ่งครับ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |