"บิ๊กตู่" ลงพื้นที่อุบลฯ ยันจะดูแลปัญหาน้ำท่วมและการเยียวยา ปากหวานฝากหัวใจไว้กับทุกคน ขอเวลาทำสัญญาให้สำเร็จ วอนคนไทยรักสามัคคีไม่แบ่งแยก ปลุกชาวอีสานรักกันไว้เถิดพร้อมสู้ไปด้วยกัน "บิ๊กป้อม" อ้างแยกลงพื้นที่กับนายกฯ ดีกว่า ได้แยกกันทำงาน ยัน "บิ๊กตู่" แคนดิเดตนายกฯ ไม่ต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรค "ธรรมนัส” ไม่ติดใจตั้ง “พีระพันธุ์” นั่งที่ปรึกษาฯ “จุรินทร์” เปิดตัว "เมธี ลาบานูน-เจะอามิง" ผู้สมัคร ส.ส.ชายแดนใต้ "พิธา" นำทีมปักธงขอนแก่น ลั่นจะเป็นนายกฯ คนไทยต้องชนะใจชาวอีสาน "นิกร" เห็นแย้ง "วิษณุ" ชี้​ จำเป็นแก้ พ.ร.ป.พรรคการเมืองด้วยเพราะขัดร่างแก้ไข รธน.
    เมื่อวันศุกร์ ฝ่ายการเมืองลงพื้นที่กันอย่างคึกคัก โดยช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน 21 ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจราชการ โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน, นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ, นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ, นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 
    โดยเวลา 10.40 น. นายกฯ เดินทางด้วยรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีขาว เลขทะเบียน กฉ 1111 ศรีสะเกษ มายังวัดป่าศรีแสงธรรม ต.ห้วยยาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจเยี่ยมแหล่งเรียนรู้พลังงานทดแทน “โคกอีโด่ยวัลเล่ย์” ณ โรงเรียนศรีแสงธรรม และศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบโคกหนองนา โดยมีพระครูวิมลปัญญาคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม ต้อนรับ พร้อมนำชมแหล่งเรียนรู้ “โคกอีโด่ยวัลเล่ย์”
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นการสืบสาน รักษา ต่อยอด ตามพระราโชบายของในหลวงรัชกาลที่ 10 ตามพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำให้ดี ทำให้ต่อเนื่องและทันสมัย ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ส่วนความเดือดร้อนปัญหาต่างๆ จะมอบหมายให้ รมว.มหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแล โดยตนจะประสานให้ทั้งหมด ขอชื่นชมเด็กนักเรียนที่ได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อที่เกาหลีใต้ซึ่งมีหลายคนไปเกาหลีอย่าง "ลิซ่า" รัฐบาลจะดูแลและขับเคลื่อนให้ฐานการเรียนรู้นี้ขยายต่อ 
    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์พบปะและมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนโรงเรียนศรีแสงธรรม โดยมีตัวแทนนักเรียนอ่านกลอนต้อนรับ จากนั้นนายกฯ กล่าวขอบคุณพร้อมกล่าวว่า วันนี้ทุกเรื่องที่เป็นปัญหาตนรับไปแล้ว ยืนยันจะดูแลให้ดีที่สุด เพราะเราเป็นรัฐบาล แต่ต้องทำให้ถูกต้อง เพราะมีกฎระเบียบกฎหมายต่างๆ ย้ำว่ารัฐบาลมีจุดมุ่งหมายทำอย่างไรให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า สิ่งที่วางไว้ยุทธศาสตร์ 20 ปีต้องเดินไปทุกปี ไม่ใช่วางไว้ 20 ปีจะอยู่กับที่ตามที่นายกฯ พูด มีแผนแม่บทและแผนงานโครงการที่ต้องทำต่อเนื่องทุกปี รวมผลงาน 5 ปีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง 
    ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ได้เยี่ยมชม พร้อมพบปะกับชาวบ้านในบูธกิจกรรมต่างๆ และถ่ายรูปอย่างอารมณ์ดี และรับปากว่าจะทำถนนต่างๆ ให้กับชาวบ้าน  นายกฯ ได้สวมงอบชาวนาและหาบสาแหรกโพสท่าถ่ายรูป รวมทั้งกล่าว “ขอบคุณนะจ๊ะ” หลังชาวบ้านบอกให้สู้ๆ พร้อมกล่าวว่า ขอให้ช่วยกันดูแลประเทศชาติและครอบครัว รวมทั้งต่อยอดหนองนาโมเดล ก่อนที่นายกฯ จะขึ้นรถรางเพื่อเยี่ยมชมฐานการเรียนรู้ต่างๆ ภายในศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบโคกหนองนา โดยช่วงหนึ่งเจ้าอาวาสวัดศรีแสงธรรมระบุว่า ได้ปลูกทุเรียนไว้ประมาณ 50 ต้น คาดว่าอีก 5 ปีคงจะได้กินผล แล้วจะเอาไปฝากนายกฯ ซึ่งเชื่อว่าคงจะได้เจอกันอีก 5 ปีแน่นอน 
    นอกจากนี้ ได้มีกลุ่มชาวบ้านมาถือป้ายสนับสนุนและให้กำลังใจ อาทิ “ลุงตู่สู้ๆ”, “เรารักลุงตู่” ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์มีสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูและมินิฮาร์ท กล่าวขอบคุณชาวบ้าน
นายกฯ มาพายุสลายหมด
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ของนายกฯ ครั้งนี้ นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ในฐานะรองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำ ส.ส.พปชร. ร่วมต้อนรับจำนวนหนึ่ง  
    ต่อมา เวลา 13.20 น. ที่เขื่อนสิรินธร ต.นิคมลำโดมน้อย อ.สิรินธร พล.อ.ประยุทธ์ตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการน้ำและการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าโดยใช้นวัตกรรม “โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดกับพลังน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และรับฟังการบริหารจัดการน้ำมูลจากนายจักริน ประเสริฐสุวรรณ ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 7 ซึ่งรายงานว่าแม่น้ำมูลขณะนี้อยู่ในเกณฑ์ดี ช่วงหนึ่งนายจักรินระบุด้วยว่า "นายกฯ ไปไหนพายุหายหมดเลย สลายหมด" ทำให้นายกฯ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี จากนั้นได้เยี่ยมชม “เส้นทางเดินชมธรรมชาติ หรือ Nature Walkway” เป็นจุดเช็กอินและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งใหม่
    จากนั้น เวลา 15.20 น. ที่ศาลาประชาวาริน ต.วารินชำราบ พล.อ.ประยุทธ์ ตรวจเยี่ยมการบรรเทาภัยและการฟื้นฟูผู้ประสบภัยในพื้นที่ ทันทีที่มาถึงตัวแทนชาวบ้านได้ผูกผ้าขาวม้าให้นายกฯ และครม.ที่ร่วมคณะ โดยนายกฯ ได้ขอบคุณชาวบ้านพร้อมกล่าวว่า “รักกันไว้เถิด” จากนั้นพบปะผู้ประสบอุทกภัย และกล่าวว่า วันนี้รัฐบาลและนายกฯ ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการน้ำมาโดยตลอด หากมีความสูญเสียอะไรก็ตาม ตนต้องขอแสดงความเสียใจด้วย แต่รัฐบาลจะดูแลให้ดีที่สุด รวมทั้งการเยียวยาต่างๆ วันนี้ให้สำรวจไปแล้วในเรื่องความเสียหาย 
    "ผมทราบดีถึงปัญหาของชาวนา ข้าว มันสำปะหลังทั้งหมด ขอเวลาให้ผมระยะหนึ่ง ผมจะพยายามทำสำเร็จให้ได้มากที่สุด วันนี้มายืนยันกับทุกคนว่า ตราบใดที่นายกฯ ยืนอยู่ตรงนี้ สัญญากับประชาชนไว้แล้วจะทำให้ดีที่สุด วันนี้เตรียมเปิดประเทศ เตรียมการท่องเที่ยว การค้าขายก็จะดีขึ้น"
    เมื่อถึงช่วงนี้นายกฯ ถามประชาชนว่า พร้อมจะไปกับนายกฯ หรือไม่ ซึ่งประชาชนตะโกนตอบว่า "พร้อม" นายกฯ จึงกล่าวว่า ไปด้วยกัน นายกฯ รัฐบาล ส.ส. และข้าราชการทั้งหมดเป็นกระบวนการบริหารราชการแผ่นดินทั้งสิ้น ทุกคนต้องร่วมมือกัน เมื่อมาถึงช่วงนี้ นายกฯถามชาวบ้านอีกว่า รับฝากหัวใจนายกฯหรือไม่ ซึ่งชาวบ้านตอบว่า "รับ" นายกฯ จึงกล่าวว่า "ฝากหัวใจไว้กับทุกคน หัวใจของพวกเราคือประชาชนสำคัญที่สุด" 
    จากนั้นนายกฯ เดินพบปะประชาชนพร้อมมอบถุงยังชีพ และกล่าวตอนหนึ่งว่า  "อีสานคนสู้ คนอีสานยอมแพ้ที่ไหน" พร้อมกล่าวว่า "ถ้าพวกเราสู้ นายกฯ ก็สู้ สู้ไปกับนายกฯ นายกฯ สู้คนเดียวไม่ได้"
    ในช่วงนายกฯ เดินพบปะประชาชนได้มีการเปิดเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” นายกฯ จึงถามชาวบ้านว่ารู้จักเพลงนี้ไหม บ้านเกิดเมืองนอนของเราอยู่ที่ไหนประเทศไทย ประเทศไทยเป็นของใคร เป็นของคนไทยทุกคน คนไทยทุกคนต้องรักกันและสามัคคีกัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เราถอยหลังไปไหนไม่ได้อีกแล้ว ประเทศไทยอยู่แค่นี้แล้ว อย่าแบ่งแยกกัน เราเหมือนครอบครัว คนไทยต้องเป็นครอบครัวเดียวกัน และเดินหน้าไปด้วยกัน
     ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่จ.ขอนแก่น ในเรื่องการจัดการน้ำไม่มีอะไรน่าห่วงใช่หรือไม่ ว่าไม่มีอะไรน่าห่วง ทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ เมื่อถามว่าการลงพื้นที่มีผู้ชุมนุมมาต่อต้าน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ไม่เห็นเลย ผมไม่เห็นเลย ผมไม่เห็น ไม่มีการชุมนุม"   เมื่อถามอีกว่า มีโอกาสจะเห็น พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่พร้อมกับนายกฯ หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็มีโอกาส ถ้าตนเดินตามทัน แต่ลงไปพร้อมกันทำไม แยกกันทำงานไม่ดีกว่าหรือ 
ย้ำ"บิ๊กตู่"แคนดิเดตนายกฯ
    ถามว่ากรณี พปชร.จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ จะต้องสมัครสมาชิกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่จำเป็น ทุกอย่างให้ทำตามกฎหมาย กฎหมายว่าอย่างไรก็ทำอย่างนั้น เมื่อถามว่าตอบได้ชัดเจนหรือไม่ว่าวันนี้ 3 ป.ไม่มีการแยกออกจากกัน พล.อ.ประวิตรส่ายหน้าพร้อมระบุว่า ไม่ตอบแล้ว ขี้เกียจตอบ
    เมื่อถามว่า เรียกนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯ ปทุมธานี หรือผู้ว่าฯ หมูป่า เข้าพบที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้เชิญ เขามาหา และแค่เข้ามาคุยเรื่องหลังรับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี
    ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร. พร้อมคณะ ลงพื้นที่ เยี่ยมให้กำลังใจมอบถุงยังชีพให้ประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในชุมชนวัดแจ้งศิริสัมพันธ์ จ.นนทบุรี โดยมีนางเจริญ เรี่ยวแรง ส.ส.เขต 1 พปชร. จ.นนทบุรี พร้อมด้วยอดีต ส.ส.นายฉลอง เรี่ยวแรง และทีมงาน รวมถึงนายทศพล เพ็งส้ม อดีตผู้สมัคร เขต 5 ให้การต้อนรับ โดยร.อ.ธรรมนัสให้สัมภาษณ์กรณีแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร ว่าเคารพการตัดสินใจของหัวหน้าพรรค ซึ่งการลงพื้นที่ในช่วงนี้ทุกครั้ง ไม่ใช่การวัดพลังอะไร จึงอยากให้ทำใจให้เป็นกลางสำหรับความพร้อมการเลือกตั้งเป็นธรรมชาติของการเมืองที่นักการเมืองจะเริ่มขยับเมื่อเข้าสู่ปีที่ 3 การหาบุคคลที่จะเป็นผู้สมัครและสมาชิกของพรรค 
    ทางด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)  พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดนราธิวาส ประกอบด้วย นายเมธี อรุณ นักร้องดังวงลาบานูน, นายเจะอามิง โตะตาหยง อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่กลับเข้า ปชป.อีกครั้ง และนายกูอาเซ็ม กูจินามิง อดีต ส.ส.ปชป. พร้อมมอบเสื้อแจ็กเกตตราสัญลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ให้กับผู้สมัคร
    นายจุรินทร์กล่าวว่า วันนี้นายเมธี ลาบานูน ตัดสินใจเข้าร่วมอุดมการณ์กับพรรค ปชป. ในฐานะคนรุ่นใหม่ที่เดินเข้าพรรค หรือเป็นเลือดใหม่ที่ไหลเข้ามาสู่ปชป. ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความเหมาะสม ส่วนนายเจะอามิง ตัวแทนของเลือดเก่าไหลกลับนั้น เป็นผู้ร่วมอุดมการณ์กับพรรคมายาวนาน เพียงแต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้ลาออกและไปลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคการเมืองอื่น ครั้งนี้ได้ตัดสินใจแล้วชัดเจนว่าจะขอเป็นเลือดเก่าไหลกลับ 
    นายเมธีกล่าวว่า ประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมือง มีอุดมการณ์ มีจุดยืน สามารถสร้างประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้ พร้อมกับเชื่อมั่นในตัวนายจุรินทร์ หัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เป็นผู้มีความซื่อสัตย์ มีสัจจะ หากได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ จะสามารถนำพาประเทศเดินหน้าได้ 
    ด้านนายเจะอามิงกล่าวว่า เหตุผลที่กลับเข้ามาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีความมั่นใจในตัวนายจุรินทร์ หัวหน้าพรรค ว่าจะสามารถนำพาพรรคก้าวหน้าไปได้ พร้อมกับมีคุณสมบัติ
จี้แก้ พรป.พรรคการเมือง
    ที่ จ.ขอนแก่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดขอนแก่น สักการะศาลหลักเมืองจังหวัดขอนแก่น พร้อมประกาศปักธงอีสานหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่น โดยนายพิธากล่าวว่า จังหวัดขอนแก่นถือเป็นประตูสู่อีสาน วันนี้พรรคก้าวไกลมีนายวีรนันท์ ฮวดศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ขอนแก่น ซึ่งเป็นทนายด้านสิทธิมนุษยชนที่อาสาเข้ามาเป็นตัวแทนของชาวขอนแก่น เป็นทนายความที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นทนายความให้กับทนายอานนท์ นำภา 
     “อย่างที่พวกเราพรรคก้าวไกลยืนยันมาโดยตลอดว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้ ต้องชนะใจคนอีสานให้ได้ ด้วยอุดมการณ์ที่แน่วแน่และความจริงใจทั้งหมดที่เรามี เราจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะชนะใจคนขอนแก่นและประชาชนทั้งหมดในภาคอีสานต่อไป”นายพิธากล่าว
    ด้านนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า​ขณะนี้พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคภูมิใจไทย ได้ยกร่างแล้วเสร็จแล้ว มีเนื้อหาที่แก้ไข ไม่เกิน 10 มาตรา โดยแก้ไขรายละเอียดให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเท่านั้น ส่วนกรณีที่ กกต.รายงานกับนายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกฯ ว่ามีการแก้ไข 30 มาตรานั้น เชื่อว่าจะแก้ไขในประเด็นอื่นๆ ที่มีปัญหากับการบริหารงานในฐานะองค์กรอิสระที่ดูแลการเลือกตั้ง หากเสนอแล้วมีเหตุผลพรรคการเมืองยินดีสนับสนุน
    นายนิกร​กล่าวว่า​ การเสนอแก้ไขกฎหมายลูกนั้น เชื่อว่าจะใช้เวลาพอสมควร เพราะร่างกฎหมายลูก มีสถานะเป็นกฎหมายการเงิน เมื่อพรรคการเมืองเสนอให้ประธานรัฐสภาแล้ว ประธานรัฐสภาต้องส่งให้นายกฯ อนุมัติก่อน และเมื่อนายกฯ อนุมัติแล้ว จึงจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาวาระแรก และต้องจัดการรับฟังความเห็นด้วย ​ส่วนกรณีที่นายวิษณุระบุว่ายังไม่มีความเร่งด่วนที่จะแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองนั้นความเห็นตนคือ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมีความจำเป็นต้องแก้ไข เพราะมีเนื้อหาที่ขัดแย้งกับร่างแก้ไข รธน.ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง 
    "โดยเฉพาะมาตรา 51(2) ที่กำหนดเนื้อหาต่อการส่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อที่กำหนดให้มี 150 คน ทั้งที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่รัฐสภาเห็นชอบกำหนดให้มี 100 คน นอกจากนี้​กรณีที่กำหนดให้มีผู้แทนพรรคการเมืองประจำเขตเลือกตั้ง เพื่อให้มีส่วนร่วมต่อการพิจารณาส่งผู้สมัคร ส.ส. เนื่องจากมีการปรับจำนวน ส.ส.แบบเขตเลือกตั้งเป็น 400 เขต ทำให้ต้องแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด เพราะของเดิมกำหนดให้มี 350 เขต ดังนั้นต้องมีการขีดเส้นแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ดังนั้นจึงควรแก้ไข" นายนิกรกล่าว.