"บิ๊กตู่" ถึงฝรั่งเศส เผยเยือนยุโรปมีนัยสำคัญ มหาอำนาจยอมรับสถานะและความสำคัญของไทยในฐานะหุ้นส่วน เดินหน้าขาย EEC "วีรชน" เผยลงนามสัญญาภาคเอกชน 3 ฉบับ ขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับฝรั่งเศส เพื่อไทยได้ทีโหนไทม์ขย่ม "สฤษดิ์น้อย"
ภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ ในการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 19-26 มิ.ย. เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. เวลา 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง ที่โรงแรม Westin กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีได้หารือกับภาคเอกชนไทยในฝรั่งเศสและนักธุรกิจไทย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การเยือนยุโรปครั้งแรกนี้ มีนัยสำคัญของการที่ประเทศมหาอำนาจของยุโรป เช่น ฝรั่งเศส ยอมรับสถานะและความสำคัญของไทย โดยเฉพาะความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ และหุ้นส่วนความร่วมมือในอีกหลายด้าน ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งเป้าหมายในการเยือนฝรั่งเศสครั้งนี้ คือการมุ่งกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีศักยภาพในการเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนระหว่างกันอีกมาก
นายกฯ เผยว่า ในการพบปะกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส จะได้ย้ำให้เห็นถึงโอกาสการค้าการลงทุนของไทย โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งหลายโครงการฝรั่งเศสมีความเชี่ยวชาญที่จะเข้ามาร่วมมือได้ ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบราง อุตสาหกรรมอากาศยาน เมืองอัจฉริยะ และนวัตกรรม ซึ่งไทยพร้อมเปิดรับการลงทุนจากฝรั่งเศส โดยเฉพาะโครงการสร้างทางรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งฝรั่งเศสให้ความสนใจเป็นพิเศษ
พล.อ.ประยุทธ์เชิญชวนให้เอกชนไทยและฝรั่งเศส ร่วมงาน Transforming Thailand : Thailand-France Partnership ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส และสภานายจ้างฝรั่งเศส ร่วมกับสำนักงาน BOI ร่วมกันจัดงาน เพื่อชี้แจงโอกาสและลู่ทางการค้าการลงทุนของไทยในเขตอีอีซีแล้ว ยังจะได้สร้างเครือข่ายกับสภานายจ้างฝรั่งเศส หรือ MEDEF ซึ่งเป็นสมาพันธ์นายจ้างที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจในฝรั่งเศสต่อไป โดยภาครัฐของไทย พร้อมจะสนับสนุนและผลักดันกิจการให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ทั้งนี้ ที่โรงแรม Westin กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีหารือกับภาคเอกชนไทยในสาธารณรัฐฝรั่งเศสและนักธุรกิจไทย เช่น ประธานสภาอุตสาหกรรม หอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย Thai Union Food Loxley มิตรผล PTT GC Sea Vlaue Double A Michelin Siam ป่าใหญ่ครีเอชั่น และทวีบูรพา เป็นต้น
ลงนามสัญญา 3 ฉบับ
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณภาคเอกชนที่ร่วมเดินทางมาฝรั่งเศส ที่ผ่านมาความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนของไทยกับฝรั่งเศสได้ช่วยสร้างพลวัตที่สำคัญในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ฝรั่งเศสจะเป็นผู้เล่นรายใหม่ในภูมิภาค เช่น ACMECS CLMV และ ASEAN โดยในการหารือกับประธานาธิบดีฝรั่งเศสวันจันทร์นี้ จะได้หยิบยกเรื่องการสนับสนุนการลงทุนของไทยในฝรั่งเศส และจะได้ขอให้มีการขจัดปัญหา อุปสรรคต่างๆ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ประโยชน์ร่วมกันต่อไป
เขาแถลงว่า ในการเยือนครั้งนี้ยังมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ และลงนามสัญญาระหว่างภาคเอกชนไทยกับฝรั่งเศสด้วยรวม 3 ฉบับ ได้แก่ 1.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาในการพัฒนา SMEs และแลกเปลี่ยนข้อมูลการค้า นโยบายและพิธีศุลกากรระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับ International Chamber of Commerce 2.กรอบความร่วมมือสัญญาว่าจ้างติดตั้งระบบ Ditigalization และ Visualization ในการวิเคราะห์ข้อมูล ระหว่างบริษัท PTT GC กับ Dassault System และ 3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนา Smart City ระหว่างบริษัท Loxley กับ POMA สะท้อนให้เห็นถึงพลังของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับฝรั่งเศส
ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับเชิญให้ไปเยือนประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส อีกทั้งยังเตรียมขึ้นปกนิตยสารไทม์ (Time) ฉบับวันที่ 2 กรกฎาคม 2018 สะท้อนถึงการยอมรับ พล.อ.ประยุทธ์ของต่างประเทศหรือไม่ ว่าตนไม่อยากวิเคราะห์ เพราะอาจถูกกล่าวหาว่าเข้าข้างตัวเอง แต่ขอให้ดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ คสช.เข้ามา สังเกตอาการของต่างประเทศได้ว่าค่อนข้างเฉยๆ กับเรา แต่ปัจจุบันตนเห็นว่าอากัปกิริยาจากต่างประเทศแตกต่างออกไป เขาปฏิบัติต่อรัฐบาลไทยเฉกเช่นเพื่อนสมาชิกด้วยกัน ยอมรับให้ไทยเป็นผู้นำในภาคส่วนต่างๆ ของการประชุม เช่น รับรองให้ไทยเป็นประธานกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นสมาชิกสหประชาชาติ (จี 77) ในปี 2559 รวมถึงจะได้เป็นประธานอาเซียนในปี 2562
“โดยเนื้อแท้แล้ว วิธีการเข้ามาของรัฐบาลนี้เท่านั้นที่คนอื่นรู้สึกติดใจ แต่เราก็ชี้แจงแล้วว่าเป็นเพราะเหตุจำเป็นจริงๆ เมื่อครั้งเหตุการณ์ปี 2557 ไม่ใช่อยู่ดีๆ หุนหันพลันแล่นแล้วมายึดอำนาจ แต่ได้ทอดเวลากว่า 6-7 เดือน ทุกคนเห็นแล้วว่าสิ่งที่อยู่ในครรลองไม่สามารถแก้ปัญหาได้ นี่จึงเป็นวิธีเดียวเท่านั้น และวันนี้นายกฯ ก็ย้ำหลายครั้งแล้วว่า เรากำลังจะเดินไปสู่การเลือกตั้งประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ที่สำคัญที่สุดคือวิธีการปฏิบัติของรัฐบาลนี้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและดูแลพี่น้องประชาชน ไม่มีอะไรเลยที่ผิดหลักธรรมาภิบาล หรือทำลายกลไกตลาดหรือเสียวินัยการเงินคลัง ทุกอย่างมีตัวเลขที่ดีขึ้นทั้งหมด”
พวกหน้าเดิม
เมื่อถามว่า ขณะเดียวกันไทม์ก็ชี้ว่าอนาคตของไทยยังมืดมัว เพราะยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การจับกุมผู้ชุมนุม การตัดสินคดีในศาลทหาร พล.ท.สรรเสริญตอบว่า เป็นมุมมองของเขา เขาวิพากษ์ได้ แต่ในมุมของคนไทย ต้องไปถามว่าคนไทยส่วนใหญ่คิดอย่างไรกับการชุมนุมที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ มันมีนัยแอบแฝงอยู่ ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ไม่พึงพอใจการทำงานของรัฐบาลนี้ เขาออกมาแล้ว ไม่มีทางอยู่ได้
"การเคลื่อนไหวที่ผ่านมา มาจากกลุ่มหน้าเดิม พอเห็นหน้าก็รู้ว่าอะไร ผมกลับมองว่ารัฐบาลนี้ตั้งใจที่จะดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชน เช่น การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวโดยให้มีการจดทะเบียนพิสูจน์สัญชาติ รวมถึงดูแลสิทธิสวัสดิการของการเป็นแรงงานตามหลักสากล หรือเรื่องกองทุนยุติธรรมที่ทำให้คนที่มีเงินน้อยสามารถต่อสู้คดีความได้ เหล่านี้ต่างหากที่เป็นการเคารพสิทธิมนุษยชน"
โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า การเคลื่อนไหวต้องการให้มีการเลือกตั้ง เขาก็บอกอยู่แล้วว่าจะให้มีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ถ้าอนุญาตให้เลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ จะทำได้หรือ ทำไม่ได้ เพราะกลไกกระบวนการยังไม่พร้อม และเรื่องสิทธิมนุษยชนต้องแยกให้ออกกับการเคารพกฎหมาย สิทธิมนุษยชนอยู่บนพื้นฐานของการเคารพกฎหมาย ไม่ใช่เอาสิ่งที่ตัวเองอยากทำโดยไม่สนใจกฎหมาย
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงการหารือกับนายวอร์เรน อีสต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโรลส์-รอยซ์ ในประเด็นทิศทางของอุตสาหกรรมซ่อมบำรุงและผลิตชิ้นส่วนอากาศยานว่า โรลส์-รอยซ์อยู่ระหว่างพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี (EEC) เพื่อเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนและซ่อมบำรุงหลักในภูมิภาคเอเชียทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวเป็น 1 ใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลมุ่งส่งเสริมให้มีการลงทุน รวมถึงการขยายโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานครบวงจรที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งโรลส์-รอยซ์ร่วมมือกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อรองรับการขยายตัวของการเดินทางทางอากาศที่ขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเตรียมการพัฒนาซัพพลายเชน (Supply chain) เพื่อเข้าสู่ยุคอากาศยานไฟฟ้า นอกจากนี้ โรลส์-รอยซ์ได้แสดงความเชื่อมั่นในยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 และทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยด้วย
ขย่ม "สฤษดิ์น้อย"
สำหรับภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อค่ำวันที่ 22 มิ.ย. ได้เดินทางถึงสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยก่อนเข้าโรงแรมที่พัก ประธานชมรมสตรีไทยและคนไทยในปารีสได้มาให้การต้อนรับ เพื่อให้กำลังใจและถ่ายรูปร่วมกับนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีอยู่ต่อไปนานๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับคนไทย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบว่า ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และขอให้ช่วยกันดูแลคนไทยในฝรั่งเศสด้วย หากมีปัญหาก็ขอให้แจ้งผ่านเอกอัครราชทูตไทยเพื่อรับการช่วยเหลือต่อไป และถ้ากลับเมืองไทย อาจจำไม่ได้ เพราะเมืองไทยได้พัฒนาไปมากแล้ว เนื่องจากโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กำลังจะเกิด
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปอ่านบทสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์เอง พร้อมบทวิเคราะห์ในนิตยสารไทม์ ที่เป็นสื่อหลักระดับโลก ที่วิพากษ์วิจารณ์สับเละ ถึงขนาดขึ้นรูปหน้าปก และยังถามชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นประชาธิปไตยหรือเป็นเผด็จการ โดยไทม์พาดหัวชัดเจนว่า ผู้นำไทยสัญญาว่าจะฟื้นฟูประชาธิปไตย แต่กลับกระชับอำนาจ
ทั้งนี้ ไทม์ได้ระบุชัดเจนถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง การจับกุมและดำเนินคดี ผู้ชุมนุมประท้วง และการข่มขู่ผู้สื่อข่าว อีกทั้งให้สื่อถามคำถามกับสแตนดี้รูปของตัวเอง และไทม์ยังกล่าวว่า การคืนอำนาจให้ประชาชนของ พล.อ.ประยุทธ์ หมายถึงการคงอำนาจของกองทัพไว้ ถึงขนาดเปรียบเทียบ พล.อ.ประยุทธ์ว่าเป็นเหมือนสฤษดิ์น้อย ซึ่งทำให้ภาพพจน์ประเทศไทยเสื่อมถอยย้อนหลัง 60 ปี กลับไปสมัยยุคเผด็การจอมพลสฤษดิ์ และเชื่อว่าไทยยังห่างไกลกับการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย
นายพิชัยกล่าวว่า ไทม์ยังลงรายละเอียดเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้สนใจความเดือดร้อนของประชาชน และสอนประชาชนแบบงงๆ เช่น สอนวิธีแก้จนว่าให้ทำงานหนัก และแก้หนี้โดยการหยุดช็อปปิ้ง อีกทั้งยังเชื่อว่าฝ่ายตรงการทำมนตร์ดำและสาปแช่งตน และถึงขนาดมีรูปพูดกับกบ (ในช่วงที่ถูกวิจารณ์เรื่องวิกฤติกบต้ม) จากข้อมูลที่ไทม์ลงแสดงให้เห็นว่าสื่อหลักระดับนานาชาติได้รับข้อมูลของไทยอย่างครบถ้วน และวิเคราะห์แบบไม่ไว้หน้า ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนให้สัมภาษณ์เอง ทำให้ไทยกลายเป็นตัวตลกของโลกไปแล้ว ที่ผู้นำมีพฤติกรรมและแนวคิดแบบนี้ และถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์เที่ยวบ่นว่าโดนโซเชียลฯ เล่นงาน
และยังเชื่อว่าข้อมูลข่าวสารและการวิพากษ์วิจารณ์ที่กระจายในโลกโซเชียลฯ ว่าเป็นข้อมูลที่เลื่อนลอย พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ได้รับข้อมูลที่แท้จริง เพราะทั้งโลกทราบดีว่า เสียงจากโลกโซเชียลฯ ในปัจจุบันเป็นเสียงที่แท้จริงของประชาชนจำนวนมาก ที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในภาวะกดดันที่ประเทศไทยห้ามแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี ซึ่งหากผู้นำยังปฏิเสธข้อมูลเหล่านี้เพราะไม่ถูกใจตนเอง ก็จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์หลงทางและเข้าใจผิด ปฏิเสธไม่รับรู้ปัญหาที่แท้จริงได้ จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์เปิดใจกว้างรับฟังทุกด้าน ว่าประชาชนคิดอย่างไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ในปัจจุบัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |