'รังสิมันต์'ค้นพ้นวิธีแก้ปัญหาให้เกษตรกร ต้องคืนอำนาจให้ประชาชนแล้วจบที่รุ่นเรา


เพิ่มเพื่อน    


11 ต.ค.64- นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่าวันที่ 10 ตุลาคม 2564 คุณ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล, คุณ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล, ผม รังสิมันต์ โรม และทีมงานพรรคก้าวไกลพื้นที่ภาคตะวันออก ได้ลงพื้นที่เดินทางไปรับฟังและติดตามปัญหาของพี่น้องประชาชนกันต่อในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี

โดยในช่วงเช้า เราได้เดินทางไปยัง ต.เกาะลอย อ.ประจันตคาม พบปะกับเกษตรกรกลุ่มนาแปลงใหญ่ ที่รวมกลุ่มกันเพื่อขอการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ ตั้งแต่พันธุ์ข้าว ปุ๋ย รถเกี่ยวข้าว ไปจนถึงโดรนที่ใช้พ่นปุ๋ยและสารเคมี ปัญหาของพี่น้องชาวบ้านที่นี่มีส่วนคล้ายคลึงกับปัญหาของพี่น้องเกษตรกรอีกหลายที่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหนี้สินที่มีกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ปัญหาราคาต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูง ทั้งปุ๋ยและน้ำมัน ในขณะที่ราคาผลผลิตกลับตกต่ำ หรือปัญหาเรื่องน้ำ ที่แหล่งน้ำกักเก็บต่างๆ ที่มีอยู่ไม่เคยให้ความสำคัญกับการนำน้ำมาให้กับการเกษตร ในขณะที่แหล่งน้ำธรรมชาติ เช่นหนองบึงหรือลำน้ำ ก็ถูกนายทุนจากภายนอกเข้ามาซื้อที่ดินเพื่อทำโรงงานหรือพืชเศรษฐกิจอื่นแล้วส่งผลกระทบ เช่น ซื้อที่ล้อมรอบแหล่งน้ำไว้หมด หรือสร้างถนนขวางกั้นไว้

ต่อมาในช่วงบ่าย เราได้เดินทางไปยังเทศบาลตำบลกรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ พบกับพี่น้องชาวบ้านที่ประสบกับปัญหามลภาวะจากบ่อขยะที่ตั้งอยู่ในท้องที่ข้างเคียง แต่ส่งผลแพร่มาถึงชุมชนแห่งนี้ กระทบต่อทั้งสุขภาพ ส่งกลิ่นเหม็น สร้างความเจ็บป่วยต่อเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว และกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความเสียหายต่อพืชผักที่ชาวบ้านเพาะปลูก และทำลายระบบนิเวศที่มีกุ้งหอยปูปลาที่ชาวบ้านจับมาเป็นอาหาร ครั้นจะเข้าไปตรวจสอบก็ถูกกีดกัน โดยชาวบ้านหวังเพียงว่าอยากให้บ่อขยะไปตั้งอยู่ในที่ที่เหมาะสม ไม่ใช่มาอยู่ใกล้กับชุมชนแบบนี้

ถัดมาอีกที่หนึ่ง เราได้เดินทางไปยัง ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี ก็พบกับปัญหาที่ดินทำกินเช่นเดียวกันกับที่ระยอง โดยชาวบ้านเคยได้รับการออกโฉนดที่ดิน (นส.3ก) ในปี 2517 แต่พอมาในปี 2554 กลับเปลี่ยนสภาพที่ดินที่ออกโฉนดนั้นกลายเป็น สปก.4-01 ทั้งยังมีขบวนการนอมินีของนายทุนที่ไม่ใช่คนในพื้นที่เข้ามาจับจองสิทธิกันคนละ 50 ไร่ (ตามข้อจำกัดของกฎหมาย) นอกจากนี้ยังมีประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการประกอบอาชีพต่างๆ เช่น การคุ้มครองแรงงาน การขอสินเชื่อเพื่อทำไร่อ้อย เกณฑ์จำกัดน้ำหนักบรรทุกสินค้า การเกษตรอินทรีย์ ฯลฯ

ต่อประเด็นปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ทั้งผมกับคุณชัยธวัชและคุณวิโรจน์เห็นตรงกันว่าปัญหาใหญ่เบื้องหลังที่เป็นจุดร่วมในทุกปัญหา นั่นคือเครือข่ายผลประโยชน์ระหว่างนักการเมืองระดับชาติ นักการเมืองท้องถิ่น นายทุนใหญ่ และระบบราชการ โดยอาศัยประโยชน์จากกลไกรัฐที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ที่สร้างสมกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 มาจนถึงปัจจุบัน เช่นการออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 4/2559 ยกเว้นกฎหมายผังเมืองในการสร้างโรงงานบางประเภท การเปิดช่องให้นำเข้าขยะมาจากต่างประเทศ การเปิดช่องให้ใช้งานที่ดิน สปก.4-01 ในทางที่เอื้อประโยชน์กลุ่มทุน การตั้งคณะกรรมการ EEC ที่มีตัวแทนบริษัทยักษ์ใหญ่อยู่ในนั้น

แล้วเครือข่ายผลประโยชน์เหล่านี้ก็มาหากินด้วยการขูดรีดประชาชน พี่น้องเกษตรกรต้องแบกรับหนี้ ธกส. ดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 7 ในขณะที่กลุ่มธุรกิจต่างๆ ได้สินเชื่อดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 2 ขยะที่โรงงานผู้สร้างมันขึ้นมาควรจัดการอย่างมีสำนึกรับผิดชอบ ก็เอามาทิ้งให้ชาวบ้านในที่ห่างไกลรับเคราะห์ พอจะออกมาคัดค้านก็ต้องเจอกับการข่มขู่ด้วยกฎหมาย อิทธิพล และการคุกคามหมายจะเอาชีวิต ทุกวันนี้จังหวัดปราจีนบุรีกำลังกลายเป็นจุดหมายต่อไปของขยะจาก EEC และหากปล่อยไปเรื่อยๆ วันหนึ่งประเทศไทยอาจกลายเป็นถังขยะของโลกได้

ผมยังเห็นด้วยว่าอันที่จริงแล้วพี่น้องชาวบ้านประชาชนเองก็พยายามต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีของพวกเขามาตลอด บ้างทำเกษตรอินทรีย์เพื่อพึ่งพาตัวเอง บ้างรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้กับตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วทั้งทรัพยากรเพื่อหาเลี้ยงชีพ ทั้งสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี สิ่งเหล่านี้เคยอยู่รอบตัวพวกเขาให้ใช้ได้ฟรีๆ แต่มาวันนี้กลับถูกทำลาย ถูกดูดกลืนไปให้กับคนกลุ่มเดียว และที่ผ่านมาแม้จะมีผู้พยายามเข้ามาแก้ปัญหาในวงการเมือง ก็ถูกเอาไปเป็นเหตุในการสร้างวิกฤต จนเกิดรัฐประหาร แล้วทหารที่เข้ามาก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะแท้จริงแล้วพวกนี้ก็คือส่วนหนึ่งของเครือข่ายผลประโยชน์ที่ว่านั่นเอง

หนทางที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างยั่งยืนมีแต่ต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ที่มีทรัพยากรมหาศาลแต่ไม่เคยช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนได้จริงเพราะติดระเบียบเยอะแยะไปหมด ให้ชุมชนได้บริหารจัดการแหล่งน้ำในพื้นที่ ให้เกษตรกรได้มีกองทุนไว้พัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและบริหารความเสี่ยงในอาชีพด้วยมันสมองและฝีมือของพวกเขาเอง ให้สิทธิในที่ดินเป็นของประชาชนที่ลงแรงได้ลงหลักปักฐาน ให้ชาวบ้านได้มีส่วนร่วมตัดสินใจว่าจะยอมรับให้มีบ่อขยะหรือสิ่งที่ก่อมลพิษตั้งอยู่ในละแวกบ้านพวกเขาหรือไม่ หากมีแล้วจะเยียวยาความเดือดร้อนและช่วยฟื้นฟูสภาพแวดล้อมให้กับพวกเขาได้อย่างไร ให้ประชาชนได้กำหนดชะตากรรมของตัวเองจริงๆ เสียที ไม่ใช่ให้ใครที่ทำตัวเหมือนรู้ดีมาคอยชี้นิ้วสั่ง แล้วสุดท้ายลงเอยก็กอบโกยกันในเครือข่ายตัวเองเสียหมด

ต่อการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนนั้น แม้พรรคก้าวไกลจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน ไม่มีอำนาจอะไรไปสั่งการรัฐบาลหรือข้าราชการโดยตรงได้ แต่ในสภาเรายังมีกลไกของการปรึกษาหารือปัญหาชาวบ้านให้ออกอากาศทั่วประเทศ การตั้งกระทู้ถามเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบจากรัฐมนตรี แล้วใช้ไปกดดันหน่วยงานราชการต่ออีกที (หรือฟ้องศาลต่อไปหากยังไม่ปฏิบัติตามอีก) รวมถึงคณะกรรมาธิการต่างๆ ที่เป็นเวทีในการเรียกเอกสารของราชการมาตรวจสอบ เรียกตัวเจ้าหน้าที่มาซักถาม คอยรวบรวมหลักฐานมาเพื่อผลักดันประเด็นต่างๆ ให้คืบหน้า ซึ่งเคยมีการใช้จนประสบผลมาบ้างแล้ว เช่น กรณีสืบหาตัวผู้ก่อเหตุยิงผู้ชุมนุมทางการเมือง โดยการทำงานของคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ ที่ ส.ส. พรรคก้าวไกลเป็นประธาน

และมากไปกว่าการรับฝากกรณีปัญหาต่างๆ พรรคก้าวไกลอยากเป็นอีกพื้นที่ให้กับพี่น้องประชาชนได้มาร่วมเป็นเจ้าภาพในการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปด้วยกัน ผ่านทีมงานของเราในจังหวัดต่างๆ และบุคคลที่เราไว้วางใจในศักยภาพและอุดมการณ์ที่จะเสนอให้เป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชนต่อไปในอนาคตหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น รวมถึงผู้ที่จะขออาสาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในส่วนของจังหวัดปราจีนบุรี ที่ได้แนะนำตัวกับพี่น้องชาวบ้านในพื้นที่วันนี้ด้วย 

ผมและพรรคก้าวไกลขอฝากพวกเขาเหล่านี้ไว้ให้พี่น้องประชาชนโปรดได้พิจารณา มาร่วมกันทำให้ทั้งปัญหาการเมืองและปัญหาในชีวิตของพี่น้องชาวบ้านประชาชน มันจบที่รุ่นเราครับ.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"