นัดหมายสำคัญทางการเมืองในต้นสัปดาห์หน้าคือวันจันทร์ที่ 25 มิ.ย. ที่ตัวแทนฝ่าย คสช.และรัฐบาลจะเปิดห้องสโมรสรกองทัพบกพูดคุยกับตัวแทนพรรคการเมือง ถือได้ว่าเป็นการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ ฝ่ายรัฐบาลและ คสช.กับนักการเมือง พรรคการเมือง ในรอบกว่า 4 ปีของ คสช.

    เพราะก่อนหน้านี้วงพูดคุยที่สโมสรกองทัพบกจะเป็นฟลอร์การเมืองที่ คสช. โดยเฉพาะ พล.อ
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ใช้ประชุมพูดคุยกับเฉพาะแค่แม่น้ำห้าสายในอดีต  เช่น กรธ.-สนช.-สปช. แต่ คสช. ก็ยังไม่เคยเปิดห้องคุยกับตัวแทนพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ  ด้วยเหตุนี้นัดหมายดังกล่าวจึงอยู่ในกระแสความสนใจสูงไม่ใช่น้อย
    คาดว่าผลการหารือดังกล่าว โดยเฉพาะ ประเด็น-ข้อเสนอ-ข้อเรียกร้อง ที่ตัวแทนพรรคการเมือง สะท้อนให้ที่ประชุมฟัง จะถูกสรุปไปเป็นประเด็นชงให้ที่ประชุมบอร์ด คสช.และ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาตัดสินใจว่าจะดำเนินการทางการเมืองอย่างไรในช่วงรอยต่อก่อนเข้าสู่ โรดแมปการเลือกตั้ง 
    โดยเฉพาะในช่วงที่จะมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ในอนาคต แต่ตัวร่าง พ.ร.บ.บัญญัติให้การบังคับใช้ต้องทำหลังประกาศใช้เป็นกฎหมายไปแล้ว 90 วัน จนทำให้พรรคการเมืองเกรงว่าการดำเนินการต่างๆ ตามกฎหมายเลือกตั้งและตามกฎหมายพรรคการเมืองอาจไม่ทันการณ์ หากสุดท้าย คสช.ยังยื้อไม่ยอม ปลดล็อก ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้
      การคุยกันแมตช์นี้ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกหนังสืออย่างเป็นทางการไปถึงทุกพรรคการเมืองแล้ว เรื่อง ขอเชิญผู้แทนพรรคการเมืองเข้าร่วมพบปะหารือและรับฟังข้อคิดเห็น ซึ่งวงดังกล่าวจะเกิดขึ้นวันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน 2561 เวลา 14.00-16.00 น. ที่สโมสรทหารบก (ส่วนกลาง) วิภาวดี  โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรองหัวหน้า คสช.เป็นประธาน พร้อมด้วย  วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และ ศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
      เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าฝ่ายพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่จะไม่ส่งตัวแทนไปร่วมประชุมหารือด้วย ขณะที่พรรคการเมืองอื่นพบว่าส่วนใหญ่แสดงท่าทีพร้อมจะไปเข้าร่วมหมด ที่ล่าสุดถึงช่วงสายวันที่ 22 มิ.ย. พล.อ.ประวิตรเผยว่ามีพรรคการเมืองตอบรับเข้าร่วมวงพูดคุยแล้วร่วมกว่า 30 พรรค
      สำหรับรูปแบบการหารือดังกล่าว รัฐบาล-คสช. ตั้งเป้าหมายไว้ว่าต้องการรับทราบความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมการเลือกตั้งทั่วไปของพรรคการเมืองต่างๆ และเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะได้ชี้แจง ทำความเข้าใจ และตอบข้อซักถามในประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการเมือง ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 
    พรรคที่เคาะตัวบุคคลออกมาแล้วก็เช่น พรรคชาติไทยพัฒนา จะนำทีมโดย วราวุธ ศิลปอาชา  ว่าที่หัวหน้าพรรค และ นิกร จำนง ส่วนภูมิใจไทยส่ง ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคไปประชุม  ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ให้ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค และ น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผอ.พรรคไปร่วมถก
    ขณะประเด็นที่แต่ละพรรคการเมืองต้องการเห็นในการประชุมนัดนี้ คงมีมากกว่าแค่การไปฟังคำยืนยันจากรัฐบาลในเรื่อง ปฏิทินการเมือง-การเลือกตั้ง ที่นายกรัฐมนตรีย้ำหลายรอบ โดยเฉพาะล่าสุดในการเดินทางเยือนประเทศอังกฤษว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในต้นปีหน้า แต่คงต้องการส่งเสียงสะท้อนต่างๆ ไปยังรัฐบาล-คสช.ในเรื่องปัญหาและข้อติดขัดต่างๆ ในเรื่องการเลือกตั้ง 
    โดยเฉพาะเรื่องกรอบเวลาที่หาก คสช.ยังคงดึงดันไม่ยอมปลดล็อกพรรคการเมือง ไม่ยกเลิกการห้ามชุมนุมการเมืองเกินห้าคน ซึ่งต้องการให้ คสช.คลายล็อกให้พรรคการเมืองเตรียมตัวเลือกตั้งได้ทัน และไม่แน่อาจจะมีบางพรรคเสนอสูตรแบบแปลกๆ ให้ คสช.นำไปพิจารณา
    อาจเป็นไปได้ที่อาจมีบางพรรคพรรคจี้ถามความชัดเจนจาก บิ๊กป้อม-วิษณุ-ประธาน กกต. ว่าเป็นไปได้หรือไม่หากจะคลายล็อกด้วยการใช้มาตรา 44 เช่น การงดเว้นไม่ต้องทำไพรมารีโหวตในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ซึ่งหากทำแบบนี้ทุกพรรคจะมีเวลาเตรียมตัวทันแน่แม้ต่อให้ คสช.ไม่ปลดล็อก
     แต่ถ้าใช้วิธีการดังกล่าวแม้พรรคการเมืองจะพอใจ ไม่โวยวายเสียงดัง แต่บิ๊กตู่และ คสช.ก็อาจมีความเสี่ยงในการถูกมองว่าใช้มาตรา 44 พร่ำเพรื่อ โดยเฉพาะการไปงดเว้น-งดใช้กฎหมาย ทำให้หลักกฎหมายบ้านเมืองขาดความศักดิ์สิทธิ์ หรืออาจมีการเสนอความเห็นสนับสนุนการออกมาตรา 44 เพื่อให้ กกต.ประกาศเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ 350 เขตออกมาก่อนหลังกฎหมายเลือกตั้งประกาศใช้ ไม่ต้องรอให้ครบ 90 วันตามกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. จากนั้น กกต.ค่อยขยับ เพราะอย่างน้อยจะได้ทำให้พรรคการเมืองพอเห็นเขตเลือกตั้งแต่ละจังหวัดได้ล่วงหน้า จะได้มีเวลาเตรียมตัวหาคนลงเลือกตั้ง การทำไพรมารีโหวต การเตรียมหัวคะแนน
        ผลหารือระหว่างรัฐบาล-คสช.-กกต.-ตัวแทนพรรคการเมือง จันทร์ที่ 25 มิ.ย.จะนำไปสู่การ "คลายล็อกพรรคการเมือง" ที่เป็นรูปธรรมออกมาอย่างไร สุดท้ายก็อยู่ที่การตัดสินใจของ "บิ๊กตู่-พลเอกประยุทธ์" ในชั้นสุดท้าย.