4ปีปิดทองหลังพระ บิ๊กตู่ลั่นโลกรู้ปูดคิด6ด.ก่อนยึดอำนาจ/แม้วปลุกสมุน


เพิ่มเพื่อน    

 "ประยุทธ์" น้อมนำพระบรมราโชวาท ร.9  เรื่อง "การปิดทองหลังพระ" ยัน 4 ปี คสช.นำความสุขคืนสู่ชาวไทยได้ตามที่มุ่งหวังจนประชาคมโลกได้เห็นประจักษ์ ได้ขึ้นปกนิตยสารไทม์ ยอมรับกังวลปัญหาความขัดแย้งหลังเลือกตั้งช่วงเปลี่ยนยุคสมัย ยังกั๊กอนาคตโบ้ยขึ้นอยู่กับสถานการณ์และ ปชช. "ป้อม" เผย 30 พรรคการเมืองตอบรับร่วมหารือ 25 มิ.ย.นี้  "นช.ทักษิณ" แสดงความเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย คุยวิดีโอคอลปลุกสมาชิกสู้พลังดูด จวกอดีต ส.ส.ทิ้งพรรคมีคดีและเป็นหนี้แช่งสอบตกแน่ ฟุ้งเลือกตั้งชนะที่ 1 มากกว่าเดิม 

      เมื่อวันศุกร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ตอนหนึ่ง ซึ่งเป็นการบันทึกเทปในระหว่างที่เดินทางมาปฏิบัติภารกิจ ณ สหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่า ขอน้อมนำพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานไว้ เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับในเรื่องของการปิดทองหลังพระ ซึ่งในใจความตอนหนึ่งว่า “...การทำงานด้วยใจรัก ต้องหวังผลงานนั้นเป็นสำคัญ แม้จะไม่มีใครรู้ ใครเห็น ก็ไม่น่าวิตก เพราะผลสำเร็จนั้น จะเป็นประจักษ์พยานที่มั่นคง..."
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ต้องนำมากล่าวในวันนี้นั้น ก็เนื่องจากจะบอกว่า ระยะเวลา 4 ปีของ คสช. ที่บริหารราชการแผ่นดินมา สามารถนำความสุขคืนสู่ปวงชนชาวไทยได้ตามที่มุ่งหวังและตั้งใจไว้ในช่วงแรก  ที่มาของ คสช. อาจไม่เป็นที่ยอมรับจากนานาอารยประเทศ
    "ถึงแม้ว่าจะไม่ 100% ก็ตาม แต่ในวันนี้ รัฐบาล และ คสช.ก็ได้พยายามพิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงใจอันบริสุทธิ์ ผลงานที่ผ่านมา ไม่ได้สำเร็จทั้งหมด ก็เป็นธรรมดาของการทำงานที่จะต้องมีอุปสรรค แต่ก็ต้องได้รับการยอมรับ ทั้งจากประชาชนของเราเอง จากประชาคมโลกในที่สุด ทองเนื้อเก้าที่รัฐบาลและ คสช. เพียรติดหลังองค์พระ บัดนี้ก็ได้ล้นมาข้างหน้า จนประชาคมโลกได้ประจักษ์ ที่ผ่านมาผมได้รับเชิญให้ไปเยือนญี่ปุ่น จีน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และอินเดีย อย่างเป็นทางการ ด้วยความเชื่อมั่น ไว้ใจ และจริงใจต่อกัน และวันนี้ภายหลังจากที่สหภาพยุโรปมีมติข้อผ่อนปรนให้แก่ประเทศไทยของเรา ก็ได้เปิดโอกาสให้เรา สามารถเดินหน้าสานต่อความร่วมมือในด้านต่างๆ ได้"
    ช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกฝ่าย รวมทั้งข้าราชการและทุกภาคส่วน เราทุกคนล้วนมีบทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นทางใดทางหนึ่ง การปิดทองหลังพระ หรือการทำหน้าที่ปกติก็ตาม เราไม่สามารถทำให้ถูกใจใครทั้งหมด แต่เราสามารถทำให้ดีที่สุดได้ตราบใดที่เรามีความเชื่อและศรัทธาว่าสิ่งที่เรากำลังทำนั้นถูกแล้ว ควรแล้ว เพื่อประเทศชาติและประชาชนของเรา"
        นิตยสารไทม์ได้สัมภาษณ์พิเศษ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้เปิดเผยภาพหน้าปกไทม์ ฉบับวันที่ 2 ก.ค.ปี 2018 เป็นรูปนายกรัฐมนตรีไทย พร้อมชื่อบทความว่า “ประชาธิปไตย หรือเผด็จการ ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเลือกเส้นทางไหน” ซึ่งสัมภาษณ์โดยชาลี แคมป์เบล เมื่อถามว่า คุณมีอาชีพในกองทัพมายาวนาน วันนี้มาเล่นการเมือง คุณจะรับมือการเปลี่ยนผ่านยังไง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ก่อนที่จะมาบริหารรัฐบาล ตนเป็นผู้บัญชาการกองทัพ พยายามศึกษาความรู้ใหม่นอกเหนือจากการทหาร แต่กองทัพก็เป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศด้วย ไม่ใช่แค่ด้านกลาโหมเท่านั้น ดังที่ระบุในรัฐธรรมนูญหน้าที่หลักของกองทัพ ประกอบด้วยการพิทักษ์ประเทศชาติ รักษาความมั่นคงของชาติ และพัฒนาประเทศ 
กังวลปัญหาหลังเลือกตั้ง
     ถามว่า ทำไมคิดว่ารัฐธรรมนูญจะช่วยให้ประเทศชาติกลับมามีเสถียรภาพ และเป็นประชาธิปไตยดังเดิมได้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในประชาคมโลก ไม่เพียงเท่านั้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้สนับสนุนโดยเสียงจากลงประชามติถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และมีคนไทยเข้าร่วมใช้สิทธิกว่า 16 ล้านคน เชื่อว่ารัฐธรรมนูญมีความชอบธรรมทางกฎหมาย และสาธารณชนให้การยอมรับ โดย เสนอแนวทางแก้ปัญหาหลายอย่างมีกลไกทุกอย่างที่จำเป็นตนไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งอะไรขึ้นอีก
     "เป็นเรื่องปกติที่จะกังวลถึงเรื่องนี้ เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านยุคสมัยของไทยและประชาธิปไตยของไทย ในเรื่องของความขัดแย้งที่อาจเกิดจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คิดว่าประชาชนไม่ได้ให้ความสนใจอย่างจริงจังต่อกฎหมายที่แท้จริง ในกรณีของไทย เราอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่าน เราจำเป็นต้องอดทน และสร้างความตระหนักรู้ สร้างความเข้าใจและความร่วมมือ เพราะก็รู้ดีว่าเกิดอุปสรรคได้เสมอระหว่างการเปลี่ยนผ่าน มีเพียงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งหรือสองกลุ่มเท่านั้นที่ดึงดันจะละเมิดกฎหมาย พวกเขาพยายามใช้ประโยชน์จากกฎหมาย เพื่อสร้างความขัดแย้งในประเทศ" หัวหน้า คสช.กล่าวต่อคำถามที่ว่า ผู้สนับสนุนตระกูลชินวัตรระบุว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อจำกัดเสียงของพวกเขาคุณไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาภายหลังเลือกตั้ง  
    ถามว่ารู้สึกเสียใจไหมที่ทำการยึดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มันเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิตของตน ใช้เวลา 6 เดือนเพื่อตัดสินใจยึดอำนาจ ไม่ใช่ว่าตัดสินใจจะทำเช่นนั้นล่วงหน้าแล้ว แต่ตนปล่อยให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติไปมากกว่านี้ไม่ได้ เกิดความสูญเสียขึ้นมากพอแล้ว และไม่เคยคิดจะเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยวิธีนี้ แต่ประเทศชาติกำลังใกล้จะสูญสลาย และตนจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น
    เมื่อถามว่า ประชาธิปไตยในประเทศไทยจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เริ่มจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราต้องมาดูว่าอะไรที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย เพื่อจัดตั้งรูปแบบการเข้าถึงและการร่วมมือกับประชาชนที่มีศักยภาพ ผ่านกระบวนการที่เหมาะสม นอกเหนือจากเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนแล้ว กระบวนการต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ละเมิดกฎหมาย และสิทธิของประชาชน 
    "นี่เป็นเรื่องของอนาคต ผมไม่สามารถบอกสิ่งที่ผมจะทำ หรือจะไปอยู่จุดไหนได้ มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์และประชาชนด้วย ผมไม่มีอำนาจควบคุมเรื่องนี้ แต่มันจะเป็นกลไกของประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ การเลือกตั้ง และอื่นๆ เราไม่สามารถทำนายเรื่องเหล่านี้ได้ล่วงหน้า" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเมื่อถามว่าจะเกษียณหลังการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์นี้ไหม 
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการเชิญพรรคการเมืองเข้ามาพูดคุยในวันที่ 25 มิ.ย.ว่า ขณะนี้มีพรรคการเมืองตอบรับเข้าร่วมมาแล้วประมาณ 30 พรรค และคาดว่าจะมีการตอบรับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะมีจำนวนมากกว่านี้ เนื่องจากตอนนี้เรามีพรรคการเมืองทั้งหมดประมาณ 70 ถึง 80 พรรคการเมือง ทั้งนี้เราเพิ่งเริ่มส่งหนังสือเชิญไปเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา และอยากให้พรรคการเมืองที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจเข้ามาร่วมพูดคุย แต่ถ้าไม่มาเราจะทำอย่างไรได้ 
    ขณะที่ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้มีพรรคการเมืองตอบรับเข้าร่วมการหารือมาแล้วหลายพรรค และเรายังคงรอการตอบรับอยู่จากพรรคต่างๆ จนถึงวันที่ 24 มิ.ย. ก่อนที่จะมีการหารือกันในวันที่ 25 มิ.ย. โดยการหารือจะมีลักษณะเป็นการชี้แจงทำความเข้าใจ และเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้สอบถามถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกตั้ง รวมถึงข้อปฏิบัติที่พรรคการเมืองสามารถดำเนินการได้ โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีและตนเป็นผู้ชี้แจงด้วย ส่วนพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ เราก็ยังรอ 2 พรรคตอบรับอยู่ เพราะขณะนี้ก็ยังมีเวลา ซึ่งอยากให้ทุกพรรคการเมืองเข้ามาร่วมพูดคุย เพื่อได้รับฟังคำชี้แจง
ถกพรรคการเมือง 25 มิ.ย.
    พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการเข้าร่วมหารือที่สโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต 25 มิ.ย.นี้ว่า ในส่วนของ กกต. จะมีประธาน กกต. กกต.ทุกท่าน และ เลขาธิการ กกต. รวมทั้งรองเลขาธิการ กกต.ดูแลงานพรรคการเมือง ที่จะไปร่วมประชุม ทั้งนี้ เนื่องจากพล.อ.ประวิตรได้มีหนังเชิญ กกต.ทั้งคณะ โดยตอนนี้พรรคการเมืองมีปัญหาหลายอย่าง หลายข้อ ซึ่งทาง กกต.ได้นำเสนอต่อนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ไปครั้งก่อนแล้ว
    นายสิระ พิมพ์กลาง หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคเพื่อนไทย กล่าวถึงกรณี คสช.เชิญพรรคการเมืองต่างๆหารือว่า แม้พรรคเพื่อนไทยเป็นพรรคใหม่ที่เพิ่งยื่นจดแจ้งต่อ กกต. อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร เชื่อว่าพรรคการเมือง 107 พรรค ที่ไปยื่นจดแจ้งต่อ กกต. ล้วนอยากส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเท่านั้น แม้เวลานี้บางพรรคจะผ่านการรับรองแล้ว บางพรรคยังไม่ผ่าน อยากให้ คสช.เชิญทุกพรรคไปร่วมหารือด้วย 
    ส่วนกระแสข่าวการดูด ส.ส.จากบางฝ่ายนั้น นายสิระกล่าวยืนยันว่า การไปทาบทามหากเป็น ส.ส.เกรดเอ ตัวเลขสูงถึง 30-40 หากเป็นกึ่งนกแลพอมีศักยภาพ 10 ขึ้นไป ยิ่งบางพวกที่เอาไป มั่นใจว่าจะพาเพื่อน ส.ส.เข้ามาได้แน่หลายคน เป็นร้อยเขาก็ต้องทุ่ม เพียงแต่สงสัยว่าไปเอาเงินมาจากไหน เป็นเงินคอร์รัปชันหรือเงินทอนหรือไม่ ในวันเปิดตัวบางกลุ่มการเมืองช่วงสัปดาห์หน้า ในวันนั้นถือเป็นการวางมัดจำไปในตัวด้วย 
    นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำ กปปส. ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องพลังดูดนักการเมืองว่า เป็นเรื่องปกติที่พรรคการเมืองต้องการแสวงหาสมาชิกที่มีโอกาสได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. นักการเมืองก็พยายามหาพรรคมีแนวทางอุดมการณ์เดียวกันกับตนเองเป็นสิทธิ ขอให้กำลังใจกับนักการเมืองทุกท่านที่ยังต่อสู้ตามแนวทางระบอบประชาธิปไตย และให้กำลังใจพรรคการเมืองที่จัดตั้งใหม่ อย่าตื่นตกใจ อย่าเสียใจ อย่าตำหนิใคร หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ของตน ถ้านักการเมืองดีๆ ที่คาดว่าจะได้เป็น ส.ส. หรือเรามีอุดมการณ์เดียวกันเชิญครับ ยินดีต้อนรับ
     ผู้สื่อข่าวถามถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรที่ประกาศว่าจะไปร่วมพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการสืบทอดอำนาจหรือไม่ นายถาวรกล่าวว่า ทุกคนที่ไม่ขาดคุณสมบัติมีสิทธิเป็นนายกฯ ไม่เว้นแม้กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ หรือใครก็ตาม เมื่อได้รับเสียงข้างมากในการเลือกของรัฐสภา ก็สามารถเป็นนายกฯ ได้ แต่จะบริหารงานได้ดีหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นอย่าไปตื่นตกใจ แต่อย่าใช้วิธีการที่ผิดรัฐธรรมนูญเท่านั้น ขอให้ระมัดระวัง ไม่เช่นนั้นแล้วบ้านเมืองเราจะถูกรัฐประหารอีก
     ขณะที่เว็บไซต์บีบีซีไทยเผยแพร่คลิปบทสัมภาษณ์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลังจากงานวันเกิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยนายทักษิณตอบคำถามถึงการเลือกตั้งจะมีขึ้นในปี 2562 หรือไม่ว่า สาธุ ขอให้เกิดเถอะ เพราะสงสารประชาชน เพื่อไทยจะชนะที่หนึ่งแน่นอน เมื่อเข้าคูหาแล้วประชาชนคิดอย่างไร อย่าประเมินประชาชนต่ำไป ประชาชนคนไทยเป็นคนพุทธส่วนใหญ่ อาจยอมอดทน อดกลั้น นั่งนิ่งเฉย รอไปก่อน คิดว่าวันหนึ่งเขาจะมีพลังแสดงอำนาจของเขาอย่างสุจริต แล้ววันนั้นเราจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าลูกผู้ชายก็อย่าไปโกง เป็นลูกผู้ชายโดยเฉพาะชาติทหารนี่อย่าไปคิดโกงเลือกตั้งเด็ดขาด อายเขา ไม่อายใคร ก็อายตัวเอง
    "ยังติดต่อกับประชาชนเป็นระยะๆ โทร.หากำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นระยะๆ ทำให้รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ สังเกตดู ส.ส.ที่ออกจากเพื่อไทยมีน้อย ส่วนใหญ่ก็มีคดี จะได้หลุดคดีซะที ไปเหอะ ไปเข้าข้างนั้นเหอะ เพราะเขาเอาคดีมาขู่แล้ว กับอีกประเภทคือเป็นหนี้เป็นสิน อยู่ๆ เอาเงินก้อนใหญ่มาให้ ก็น่าสนใจอยู่ กับอีกประเภทคืออาจจะมั่นใจตัวเองว่าตัวเองเป็นที่นิยมดี และคิดว่าได้ตังค์เยอะด้วย ก็น่าจะไป แต่เป็นเรื่องที่ผมต้องแสดงความยินดีกับพรรคเพื่อไทย ที่บุคคลเหล่านี้ออกไปจากพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทยได้คัดนักการเมืองรุ่นใหม่เข้ามาบ้าง เป็นเรื่องที่ดี" นายทักษิณกล่าว
นช.ทักษิณบงการเพื่อไทย
    อดีตนายกฯ หนีคดีทุจริตยังกล่าวถึงการชนะเลือกตั้งของนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกฯ วัย 92 ปีว่า "ผมอายุ 69 อ่อนกว่ามหาเธร์ 23 ปี เพราะฉะนั้นเรียกว่ามันเกิดขึ้นได้ถ้าเรายังแข็งแรงอยู่ สติปัญญายังดีอยู่ แต่ถ้าเราไม่แข็งแรงแล้ว สติปัญญาไม่ดีแล้ว ก็ไม่ควรจะไปอาสาทำงานที่เป็นสาธารณะ งานประชาชน แต่ว่าผมก็ 69 เดือนหน้า ก็ยังคิดว่าแข็งแรงอยู่ จะพยายามให้แข็งแรงเหมือนมหาเธร์ 92
     แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า ภายหลังจากออกรอบตีกอล์ฟร่วมกันของแกนนำพรรคเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ช่วงค่ำมีงานเลี้ยงระหว่างแกนนำ อดีตรัฐมนตรีและอดีต ส.ส.ที่ไปร่วมตีกอล์ฟ ช่วงหนึ่งได้มีการฉลองวันเกิดให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ได้วิดีโอคอลไปหานายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่พำนักอยู่ที่ประเทศอังกฤษ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยอบอุ่น แกนนำและสมาชิกพรรคต่างอวยพรวันเกิดให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้กล่าวขอบคุณ ขณะที่นายทักษิณนั้น ภายหลังจากที่ได้พูดคุยทักทายกับทุกคนแล้ว ยังพูดถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ที่พรรคเพื่อไทยกำลังเจอกับพลังดูดด้วยว่า "มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง น่าจะได้ ส.ส.เยอะกว่าเดิม คนที่ออกไปนั้นมีโอกาสสอบตกสูง เพราะโพลที่สำรวจกันนั้นพรรคยังคงมาเป็นอันดับ 1 กำลังจะทวิตเตอร์ขอบคุณคนที่ออกจากพรรคไป เพราะเป็นคนที่เสียสละอย่างยิ่งที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มาเป็นผู้แทนฯ"
     “ใครที่อยากจะออกจากพรรคไปมี 2 ประการคือ 1.ไปเก็บสตางค์แล้วเลิกเล่นการเมือง เพราะพวกนี้หน้าโง่ จ่ายแพง ก็เก็บสตางค์ไปแล้วก็ไปพักผ่อนซะ  2.มั่นใจในตัวเอง ลืมไปว่าคะแนนตัวเองสู้คะแนนพรรคไม่ได้มาโดยตลอด มาเที่ยวนี้ก็คงได้เอาเด็กรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมาแทนบ้าง เดี๋ยว จ.เลย จ.นครราชสีมา ต้องมีคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทน ดีมากเลย ผมมันเป็นพวกไมค์ ภิรมย์พร ไปดีเถอะนะ พี่ขออวยพร” แหล่งข่าวอ้างคำพูดนายทักษิณ 
     แหล่งข่าวยังกล่าวถึงกรณีที่อดีต ส.ส.ของพรรค ระบุว่า ปัจจัยสนับสนุนรายเดือนนั้นไม่ได้รับมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อดีต ส.ส.บางคนตัดสินใจย้ายออกไปด้วยว่า ผู้บริหารของพรรครับทราบปัญหานี้ และมีการพูดคุยในเรื่องนี้กันมากขึ้น เพราะเข้าใจว่าอดีต ส.ส.มีค่าใช้จ่ายมากในการดูแลพื้นที่ จะต้องมีการช่วยเหลืออดีต ส.ส. เพราะต้องเตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง เพียงแต่ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะเริ่มจ่ายได้เมื่อไหร่ และขณะนี้เริ่มมีแรงกระเพื่อมจากพื้นที่ภาคกลางและเหนือมากขึ้น ทราบมาว่ามีความพยายามเดินเครื่องอย่างหนักจากอีกซีกทางการเมือง ในการติดต่อ เล็งไปพื้นที่ที่เป็นของพรรคเพื่อไทยเหนียวแน่น โดยมีการรุกคืบไปทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย 
    ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมสั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบการเดินทางของบุคคลที่เดินทางไปร่วมอวยพรวันเกิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า เป็นความคิดที่ไม่เข้าท่า คนไทยทุกคนมีเสรีภาพที่จะเดินทางไปไหนมาไหนได้เสมอ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน หากสถานที่แห่งนั้นไม่ใช่พื้นที่หวงห้ามตามกฎหมาย การที่ใครจะเดินทางไปพบใคร จึงเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลหรือ คสช.จะไปก้าวก่าย อย่ามาใส่เกือกเลย แสดงว่ารัฐบาลกำลังใช้อำนาจเกินขอบเขต และใช้อำนาจในทางที่ผิดหรือมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองแอบแฝง และไม่ควรมีโอกาสสืบทอดอำนาจ 
      วันเดียวกัน ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ อ.1805/2558 ที่นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, นายอานนท์ นําภา กับพวก ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง กลุ่มพลเมืองโต้กลับ รวม 15 คน เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และพวกรวม 5 คน  ในความผิดต่อความมั่นคงต่อรัฐ ฐานร่วมกันกบฏ ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หรือล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ หรือแบ่งแยกราชอาณาจักรโดยใช้กำลังประทุษร้าย และสะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบเป็นกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 และ 114 กรณียึดอำนาจ เมื่อ 22 ก.ค.2557
     โดยศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 พ.ค.2558 ไม่รับฟ้องคดีดังกล่าว จากนั้นโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องเช่นกัน จากนั้นโจทก์ได้ยื่นฎีกาอีก ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่า "สภาพของรัฐใดรัฐหนึ่งประกอบด้วยดินแดนที่แน่นอน ประชาชน รัฐบาล และอำนาจอธิปไตย กฎหมายต้องใช้บังคับได้ แม้จะอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวไม่ชอบ แต่ต้องตีความกฎหมายให้เกิดผลบังคับใช้ได้ ให้คงอยู่เป็นรัฐ มิฉะนั้นบ้านเมืองเสียหาย การยึดอำนาจในขณะนั้น คสช.ใช้อำนาจเป็นรัฏฐาธิปัตย์ แม้ว่าการได้มาซึ่งอำนาจจะไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย ก็เป็นกรณีว่ากล่าวกันในด้านอื่น คสช.มีอำนาจในเชิงข้อเท็จจริง ดังนั้นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวจึงมีสภาพเป็นกฎหมาย ตามที่มาตรา 48 ได้บัญญัติไว้ และต่อมารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 279 ก็ได้รับรองการกระทำของจำเลยทั้งห้าจึงพ้นผิดโดยสิ้นเชิง" ศาลฎีกาเห็นชอบแล้ว พิพากษายืนยกฟ้อง.
     


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"