9 ต.ค.64 - นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส. พิษณุโลก นักการเมืองที่อ้างตัวเป็นฝ่ายประชาธิปไตย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ดังนี้
ก้าวย่าง สู้ต่อไป สู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศ และจัดทัพเพื่อโค่นเผด็จการทรราชในศึกเลือกตั้งที่จะถึง
ผ่าน 6 ตุลา ครบ 45 ปี แม้จอมทรราช ที่ตายไปแล้ว ทายาทของจอมทรราช และองคาพยพ ลิ่วล้อบริวาร จะพยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์ ปิดบัง ความจริง เพียงใด แต่ด้วยพลวัตร การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ของเทคโนโลยีการสื่อสาร พวกเขามิอาจปิดบังความจริง มิอาจหลอกลวงประชาชนได้
ความจริงจึงปรากฏ จอมเผด็จการทรราชที่ใช้ IO สร้างภาพให้ตนเองเป็นเทวดา ความเป็นปีศาจที่แท้จริง ก็ปรากฏ
เหล่าวีรชน ที่บาดเจ็บ ล้มตาย สูญหาย ที่ถูกใส่ร้าย ทำลาย ถูกสร้างภาพให้เป็นปีศาจคอมมิวนิสต์ คิดล้มล้างสถาบัน ก็กลายเป็นวีรบุรุษ วีรสตรี และจะเป็นเช่นนี้ ตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง เพราะนี่คือความจริง
พัฒนาการของสงคราม ฝ่ายประชาธิปไตย กับ ฝ่ายเผด็จการ ผ่านมาเท่าชีวิตคน จาก เจนเนอเรชั่นเก่า มาสู่เจนเนอเรชั่นใหม่ ต่างฝ่ายต่างปรับกลยุทธ์ เทคนิค วิธีการการต่อสู้
ฝ่ายเผด็จการฟาสซิสต์ พยายามรักษารูปแบบเดิมไว้เพราะตนเองและพวกพ้องได้ประโยชน์สูงสุด
ฝ่ายประชาธิปไตยพยายามต่อสู้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ให้ได้ประชาธิปไตย เพื่ออนาคตที่ดีกว่า โดยไม่มีการจับอาวุธ หรือตั้งกองกำลังประหัตประหารกันเหมือนเก่า หากแต่ประยุกต์การต่อสู้ บนความคิด ความรู้ ความจริง ด้วยสติ ปัญญา เหตุผล และ ระบอบการปกครองว่า คนส่วนใหญ่ ต้องการระบอบอะไร ระหว่าง ประชาธิปไตย ที่ทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ เสมอภาค มีสวัสดิการเท่าเทียม เป็น อารยะ เช่นโลกที่เจริญแล้ว
หรือ คนส่วนใหญ่ยังต้องการระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ เช่นปัจจุบัน ที่สร้างความเหลื่อมล้ำมากที่สุด มองคนที่ยศศักดิ์ ชาติตระกูล ให้คนไทยหมอบคลาน กราบไหว้ยากจน ไร้อนาคต ไร้สวัสดิการต้องอยู่แบบ อนาถา เผชิญภัยพิบัติน้ำท่วม ฝนแล้ง ไม่มีที่ดินทำกิน มีหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นทาส ไพร่ ตลอดไป เช่นนี้
เชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่ ตาสว่างแล้ว รู้ความจริงแล้ว และตัดสินใจแล้วว่า ต้องการประชาธิปไตยไม่ใช่เผด็จการ
ส่วนพวกที่ยังหลงงมงายเลือกฝ่ายเผด็จการ ก็ไม่อาจห้ามพวกเขาได้ ต้องปล่อยให้กาลเวลากลืนกินพวกเขาไป ซึ่งนับวันจะมีจำนวนน้อยลงๆ
สิ่งที่ต้องทบทวน ประเมินสถานการณ์ ในทุกบริบท
1. 3 ป ทรราช แม้จะขัดแย้ง ก็เพียงเพราะแย่งชิงอำนาจ และผลประโยชน์ แต่ทุกคนก็อยู่ภายใต้การกำกับ สั่งการของจอมเผด็จการ ถึงเวลาทำศึก พวกเขาก็ยังเป็นพวกเดียวกัน สมประโยชน์กัน และร่วมกันปล้นประเทศ ปล้นประชาชนกันต่อไป
พวกเขามี ลิ่วล้อบริวาร ทั้ง นายทุน ขุนศึก ศักดินา อำมาตย์ ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม สมาชิกวุฒิสภาแต่งตั้ง และพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล เป็นนั่งร้าน เป็นเสาค้ำยัน ให้พวกเขาเหนือฝ่ายประชาธิปไตยหลายขุม
2. ฝ่ายประชาธิปไตย พ่ายแพ้มาตลอด แม้ตัวผู้เขียนเอง ก็มิอาจต้านทานอำนาจเงิน อำนาจรัฐ เต็มรูปแบบ แม้จะชนะการเลือกตั้งบางเวลาในยุคสมัย ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ แต่ก็ไม่อาจต้านทานอำนาจตระกูลปรสิต จอมเผด็จการได้ ตามทฤษฎีสมคบคิด ทำการสร้างสถานการณ์ทำรัฐประหารปล้นอำนาจจนสำเร็จ และครองอำนาจมาถึงทุกวันนี้
บริบทของสังคม ภายใต้รัฐบาลเผด็จการฟาสซิสต์นี้
-หนี้สินของประเทศ สูงกว่า 9 ล้านล้าน
- หนี้สินของประชาชน สูงกว่า 14 ล้านล้าน
-แรงงานตกงานกว่า 10 ล้านคน
- บริษัทต่างชาติ ย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น
- แผนบริหารจัดการน้ำ ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถูกล้มทิ้ง หลังรัฐประหาร
วิกฤติน้ำท่วมจึงหนักหน่วง ทั้งที่มวลน้ำ มีเพียงเสี้ยวเดียวของมวลน้ำป 54
- ปัญหาที่ดินทำกิน ของประชาชนไม่เคยได้รับการแก้ไข ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และยังออกนโยบายขายแผ่นดินให้ต่างชาติ อีก
- การทุจริต คอรัปชั่น ทุกวงการ ทุกกระทรวง ทบวง กรม หนักหน่วง รุนแรงสูงสุด จนอันดับคอรัปชั่นไทยสูงสุด ในยุคนี้
- ยาเสพติด ทุกชนิด แพร่ระบาดอย่ารุนแรง นักโทษล้นคุก
- การบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโควิด 19 ล่าช้า ด้อยคุณภาพ คนไทยตายเกือบจะ 20,000 ศพ
ทุกเรื่องเกิดจากความไร้ศักยภาพ ไร้วิสัยทัศน์ ไร้ความสามารถของรัฐบาลภายใต้การนำของประยุทธ์
แต่จุดแข็งของเผด็จการทรราช นี้คือ มีอำนาจรัฐ มีเงิน มีเครือข่าย มีระบบราชการคอยรับใช้ และ เอาเงินมาแจกหาเสียงกับคนที่ยังไม่ตื่นรู้ งมงายกับบัตรประชารัฐและโครงการกู้เงินมาแจก
ส่วนจุดแข็งของฝ่ายประชาธิปไตยคือ จำนวนคนที่มากขึ้น ทั้งปริมาณและคุณภาพ รู้ความจริง มีความรู้ และระบอบที่ดีกว่า ทันสมัยกว่า สอดคล้องกับกระแสโลก
ดังนั้น ก้าวย่าง ในการขับเคลื่อนขบวนทัพฝ่ายประชาธิปไตย หากต้องการชนะ และให้เกิดเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองของเราให้เป็นประชาธิปไตยจริงแท้จำเป็นต้อง
1. จะต้องเร่งดำเนินการจัดตั้ง องค์กรนำปฏิวัติประชาชน โดยยึดถือ อุดมการณ์สูงสุด เป็นที่ตั้ง ไม่ยึดติดตัวบุคคล เช่นในรูปแบบสภาประชาชน
2. มีพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย เช่น เพื่อไทย ก้าวไกล เป็นแนวรบในสภา เป็นพันธมิตร
พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย จะต้องพูดคุยกัน ไม่ทำลายกันทั้งทางตรงและ ทางอ้อม ไม่ชิงดีชิงเด่นกัน และรู้จักหลีกทางให้กันในบางเขตเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้ตัดคะแนนกันเอง ให้มี ส ส ฝ่ายประชาธิปไตยในสภาให้มากที่สุด ต่อให้ วุฒิสภาแต่งตั้ง ก็มิอาจทัดทานเสียงของประชาชนได้
3. การร่วมทำสัตยาบัน กันของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย จำเป็นต้องมี
4. ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ที่ไม่มีอุดมการณ์ที่ชัดเจน ขอร่วมรัฐบาลอย่างเดียว เช่น ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา อาจเป็นตัวแปรสำคัญ หากเสียงก้ำกึ่ง ให้ดึงมาร่วมได้ ส่วนพรรคการเมืองที่รับใช้เผด็จการมาตลอด อย่าได้คิดเอามาร่วม เพราะจะมาทำลายขบวนการฝ่ายประชาธิปไตย
5. พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ต่างมีมวลชนของตน ขอให้หยุดโจมตีกันเอง แต่เกื้อหนุนกัน จัดขบวนทัพกันอย่างสอดคล้องประสาน ตามแผนยุทธศาสตร์ปฏิวัติประชาชน
6. ทุกคน ทุกองค์กร ทุกเครือข่าย ทุกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย จะต้องขอความช่วยเหลือมวลชนให้โน้มน้าว ญาติ พี่ น้อง เพื่อน พวก ที่รับราชการทุกหน่วยงาน ภาครัฐ และ รัฐวิสาหกิจ ให้มาร่วมขบวนการฝ่ายประชาธิปไตย
7. เชิญผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีกำลัง มาร่วมคิด ร่วมทำ ระดมสมอง ระดมทุน เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์หลัก ยุทธศาสตร์รอง และแผนปฎิบัติ ตั้งแต่ระดับจุลภาคทุกหมู่บ้าน ชุมชน จนถึง มหภาคระดับประเทศ
8. แยกบริษัท ห้างร้าน ดารา สินค้า องค์กรใด ที่สนับสนุนเผด็จการทรราช จะต้องแบน ทุกรูปแบบอย่างจริงจัง
บริษัท ห้างร้าน ดารา สินค้าที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ให้สนับสนุน ส่งเสริม เต็มที่ ด้วยจำนวนมวลชนที่เหนือกว่า
9. บอยคอทข้าราชการ ตำรวจ ทหาร องค์กรอิสระ และศาล ที่รับใช้เผด็จการ
ถือเป็นภารกิจสำคัญยิ่งใหญ่ ที่ทุกคน ทุกองค์กร ทุกพรรคการเมือง ฝ่ายประชาธิปไตย ต้องผนึกกำลัง ด้วยความเสียสละ ไม่ชิงดีชิงเด่น จนกว่าจะชนะสงคราม
เมื่อขบวนทัพฝ่ายประชาธิปไตยพร้อมเพรียง หนักแน่น มั่นคง การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศจะเกิดขึ้น ชัยชนะจึงของประชาชน นี่จึงเป็น “การปฏิวัติประชาชน” อย่างแท้จริง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |