8ต.ค.64- ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย ว่า ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 ต.ค. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 911,677 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ทั้งสิ้น 58,298,700 โดส
นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวในโซเชียลมีเดียว่า ฉีดวัคซีนชนิด mRNA แล้วจะส่งผลต่อสุขภาพใน 1-2 ปีหลังการฉีดนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง มีการฉีดไปแล้วมากมาย เรามีการศึกษา มีเอกสาร ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อ ให้ติดตามจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสูง ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านักเรียนจะมาฉีดวัคซีน พอถึงเวลาแล้วแจ้งให้กลับโดยยังไม่ได้ฉีดวัคซีนนั้น ขอชี้แจงว่าวัคซีนไฟเซอร์มีเพียง 1.8 ล้านโดส และมีผู้แจ้งประสงค์จะฉีด 3.6 ล้านคน โดยมีการทยอยลงไปเรื่อยๆ แต่อยู่ที่การจัดการของบางพื้นที่ในเรื่องการนัดหมายหากไม่สามารถมาฉีดพร้อมกันในเวลาสั้น อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนไม่ใช่เงื่อนไขที่จะเปิดหรือไม่เปิดโรงเรียน แต่อยู่ที่โรงเรียนทำตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการครบถ้วนหรือยัง เช่น เรื่องสิ่งแวดล้อมที่อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่มีการรวมกลุ่มจัดการแข่งขันกีฬาให้คนหนาแน่นและมาตะโกนใส่กัน ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา บุคลากรได้รับวัคซีน 100% ดังนั้น เป็นเรื่องการจัดการในพื้นที่ ต้องดูในรายละเอียดเหล่านี้ว่าจัดการดีแล้วหรือยัง
เมื่อถามถึงกรณีการเดินทางโดยใช้บริการสายการบินต่างๆ ต้องผ่านการฉีดวัคซีนครบถ้วน หรือ ตรวจ ATK อย่างไร นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในวันเดียวกันนี้ที่ประชุม ศปก.ศบค. ได้มีมติเห็นชอบเรื่องการปรับมาตรการการรับผู้โดยสารบนอากาศยานตามความสามารถของอากาศยาน โดยมีส่วนสำคัญคือ ผู้ที่จะเดินทางได้จะต้องฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์คือ 2 เข็ม หรือ จะต้องมีผลตรวจ ATK หรือ RT-PCR ตรวจไม่พบเชื้อภายใน 72 ชั่วโมง และที่สำคัญในเรื่องการตรวจความพร้อมเหล่านี้ และการคัดกรองตั้งแต่จะเข้าพื้นที่ต้องเคร่งครัดและเข้มงวด หากมีความไม่พร้อมหรือตรวจพบข้อห้ามต่างๆ เช่น มีไข้ หรือไม่เข้าหลักเกณฑ์จะมีเงื่อนไขในการไม่ให้เข้าใช้ในพื้นที่ ดังนั้น พี่น้องประชาชนจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดหรืออาจจะทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ ที่สำคัญจะต้องดูแลสุขภาพตัวเอง หากเจ็บป่วยต้องหลีกเลี่ยงที่จะไม่เดินทางหรือไม่ไปในสถานที่ที่ไม่ควร เช่น สนามบินเพื่อเดินทาง เริ่มต้นที่ตัวเรา ส่วนมาตรการอื่นๆ ที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ในเรื่องของความเข้มงวดในการที่จะไม่ให้เดินไปมาบนเครื่องบิน ปรับระบบการระบายอากาศ จัดที่นั่งให้ถูกต้อง ไม่เสิร์ฟเครื่องดื่มอาหารบนเครื่องบิน การลำเลียงคนไปขึ้นเครื่อง หรือลงจากเครื่องเข้าพื้นที่ ต้องมีระยะห่างไม่หนาแน่นจะต้องดำเนินการไปอย่างเข้มงวด
นพ.เฉวตสรร กล่าวตอนท้ายว่า และขอให้กำลังใจกับประชาชนในทุกพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ที่อาจจะยังฉีดวัคซีนครอบคลุมในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยอยู่ จึงขอเชิญชวนให้ออกมาฉีดวัคซีนกันให้มากๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เพื่อทำให้ทุกมาตรการเราเข้มแข็งมากขึ้น เส้นกราฟลดลง จนสามารถเปิดบ้านเปิดเมืองได้ ท้ายนี้ขอย้ำว่าเราทุกคนต้องการ์ดสูงไว้ตลอดเวลา เพราะในประเทศสิงคโปร์ที่มีการฉีดครอบคลุมมากแล้วยังกลับมามีการติดเชื้อมากอยู่ เราจะต้องอยู่กับโรคโควิด-19 ให้ได้ โดยมาตรการที่เราใส่ใจและร่วมมือกันทุกคน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |