8ต.ค.64- ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11,140 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 11,052 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 10,080 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 972 ราย มาจากเรือนจำ 72 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 16 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,689,437 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 9,933 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,561,790 ราย อยู่ระหว่างรักษา 110,113 ราย อาการหนัก 3,003 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 682 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 116 ราย เป็นชาย 56 ราย หญิง 60 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 93 ราย มีโรคเรื้อรัง 18 ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ใน กทม. 28 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 17,534 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 237,545,619 ราย เสียชีวิตสะสม 4,849,332 ราย
นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 8 ต.ค. ได้แก่ กทม. 1,255 ราย ยะลา 776 ราย ชลบุรี 687 ราย นราธิวาส 592 ราย สมุทรปราการ 576 ราย ปัตตานี 503 ราย สงขลา 444 ราย นครศรีธรรมราช 395 ราย ระยอง 342 ราย จันทบุรี 284 ราย อย่างไรก็ตาม ภาพรวมสถานการณ์โลกมีแนวโน้มลดลง แต่หากดูเป็นรายประเทศจะพบว่าบางประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วอย่างกว้างขวางยังมีการติดเชื้อใหม่ เราจึงจำเป็นต้องตั้งการ์ดให้สูง ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทย มีการพบการติดเชื้อในกลุ่มผู้เข้าร่วมงานศพ โดยระหว่างวันที่ 21 ก.ย. – 7 ต.ค. มีผู้ติดเชื้อ 838 ราย ใน 30 จังหวัด 87 งาน 30 คลัสเตอร์ ที่มากสุดคือ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พบผู้ติดเชื้อ 148 ราย โดยมีปัจจัยหลักมาจากการสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ ไม่สวมหน้ากากอนามัย มีการรับประทานอาหารร่วมที่ต้องถอดหน้ากาก มีการดื่มสุรา และเล่นการพนันหลังงานศพ ซึ่งมีการล้อมวง ส่งเสียง สัมผัสใกล้ชิด ละเลยเปิดหน้ากากออก ขอเรียนว่า สำหรับผู้ที่รู้ว่าเป็นผู้ติดเชื้อหากจำเป็นต้องไปร่วมงานศพขอให้มีมาตรการป้องกัน นอกจากนี้ ยังพบคลัสเตอร์ต่างๆ ในต่างจังหวัด อาทิ พบที่ล้งผลไม้ ร้านทำป้าย จ.จันทบุรี วงหมูกระทะที่ จ.ลำปาง หอพักที่ จ.เชียงใหม่ ร้านเบเกอรี่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
เมื่อถามถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันยังอยู่ที่หลักหมื่น ทั้งที่จะมีการผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆ ศบค.จะต้องบริหารจัดการอย่างไรให้ความสำคัญต่อเรื่องใด เพื่อไม่ให้กลับมาเกิดการระบาดระลอกใหม่ นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้พูดถึงเรื่องเรามาถึงทางแยกคือผลของการล็อกดาวน์ที่ผ่านมา น่าจะจางลงหรือหมดไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ แนวโน้มจากกราฟดูเริ่มลดลง แต่ถ้าเราไม่มีมาตรการที่ดีพอกราฟอาจพุ่งกลับสูงขึ้นไปอีกครั้ง ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดขึ้น หากดำเนินการไม่ดีการติดเชื้อรายใหม่อาจจะไปถึงวันละ 25,000 คน หรือใกล้ 30,000 คนก็ได้ อย่างไรก็ดี มาตรการที่เราใช้อยู่ขณะนี้ขอย้ำว่า เรื่องของการฉีดวัคซีนถ้าเราฉีดกันได้อย่างกว้างขวางทุกพื้นที่ เข้มมาตรการครอบจักรวาล ป้องกันตัวแบบสูงสุดตลอดเวลาให้เสมือนหนึ่งว่า เราอาจจะเจอคนใกล้ชิดหรือไม่ใกล้ชิดก็ตามที่มาในสถานที่เดียวกันอาจจะมีเชื้อโควิด-19 อยู่ในตัวหรือแม้แต่ตัวเราเองอาจจะมีเชื้ออยู่ในตัวได้ ดังนั้น การสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ และมาตรการอื่นๆจะต้องเต็มที่อยู่ตลอดเวลา และ ATK เป็นเครื่องมือที่ถ้าเรามีความเสี่ยง หรือสงสัยว่ามีความเสี่ยงก็สามารถใช้ตรวจได้ เช่น ไปร่วมงานบุญ ไปตลาดเจอผู้คน ควรรีบใช้อย่าได้ทิ้งไว้ เดี๋ยวจะหมดอายุเสียก่อน ซึ่งการใช้ประโยชน์ดังกล่าวจะเป็นตัวชี้บอกให้เราปฏิบัติตัวได้ดี
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |