8 ต.ค.64 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ศาลอาญามีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีความผิดต่อชีวิต จ้างวานฆ่า เอ็กซ์ จักกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อายุ40 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ หมายเลขดำ อ.383/57 ที่อัยการศาลจังหวัดมีนบุรี และนายมานพ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ บิดา เป็นโจทก์ร่วมฟ้อง นายจีรศักดิ์ หรือจี กลิ่นคล้าย อายุ 50 ปี มือปืนผู้ลั่นกระสุน ที่ 1 น.ส.สุรางค์ ดวงจินดา อายุ 79 ปี มารดา พญ.นิธิวดี ที่ 2 พญ.นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม ภู่เจริญยศ อายุ 45 ปี ที่ 3 นายสันติ หรืออิ๊ด ทองเสม อายุ 35 ปี ทนายความที่ 4 และนายธวัชชัย หรืออ้น เพชรโชติ อายุ 38 ปี คนขี่ จยย . ร่วมกันเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ฯ , จ้างวานฆ่าผู้อื่นฯ พ.ร.บ.อาวุธปืน ขณะที่นางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม มารดา เอ็กซ์ จักกฤษณ์ ได้ยื่นคำร้อง ขอให้พวกจำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 4.4 ล้านบาทด้วย
โดยโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างเดือน ส.ค. - 19 ต.ค.56 จำเลยที่ 2- 4 ร่วมกันจ้างวานให้ จำเลย 1 กับพวกที่หลบหนี ใชัอาวุธปืนยี่ห้อลูเกอร์ รุ่นโตโกเรฟ ขนาด 7.62 มม.ฆ่านายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 40 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ ตามร่างกายหลายนัด ขณะอยู่บนรถยนต์หรูยี่ห้อปอร์เช่ สีดำ จนถึงแก่ความตาย บริเวณหน้าวัดบางเพ็งใต้ ถ.สุขาภิบาล3ถ. สุขาภิบาล3 (รามคำแหง) แขวง - เขตมีนบุรี กทม. ก่อนพากันหลบหนีไป
ชั้นสอบสวนและชั้นศาล พญ.นิธิวดี น.ส.สุรางค์ มารดา และนายสันติ ทนายความ ให้การปฏิเสธ
ต่อมาวันที่ 19 ธ.ค. 59 ศาลจังหวัดมีนบุรี (ขณะนั้น) ได้อ่านคำพิพากษาให้ประหารชีวิต สถานเดียวพญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม จำเลยที่ 3 และนายสันติ หรือทนายอี๊ด จำเลยที่ 4 ฐานร่วมกันใช้จ้างวานฏ่าผู้อื่น ขณะที่จำเลยที่ 1และ5 มือปืน และคนขี่ จยย. ให้ จำคุกตลอดชีวิต ส่วนน.ส.สุรางค์ มารดา หมอนิ่ม พิพากษายกฟ้อง และให้จำเลยที่ 1 และ จำเลยที่3-5 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน2.5 ล้านบาทแก่ผู้ร้องด้วย
ต่อมาศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งให้พญ.นิธิวดี ประกันตัว2.5 ล้านบาทระหว่างอุทธรณ์
โจทก์ และ จำเลยต่างยื่นอุทธรณ์
ต่อมาวันที่ 7 ส.ค. 61 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 แต่ให้ลงโทษประหารชีวิต น.ส.สุรางค์ มารดา ฐานใช้จ้างวานให้ฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 2 เนื่องจากศาลเห็นว่า น.ส.สุรางค์ ยังโกรธแค้นที่ผู้ตาย ที่มักทำร้ายร่างกาย พญ.นิธิวดี ซึ่งเป็นบุตรสาวคนเดียว และทำร้ายหลานสาวได้รับบาดเจ็บหลายครั้งหลายหน และเชื่อว่า ผู้ตายไม่สามารถแก้ไขพฤติกรรมได้
ทั้งนี้ คำให้การของน.ส.สุรางค์ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้างลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุกตลอดชีวิต
ส่วนพญ.นิธิวดี ศาลเห็นว่า ยังมีความรักใคร่ผู้ตาย โดยระหว่างที่เกิดเรื่องก็ยังเคยมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้ง เคยพาบุตรสาวไปเยี่ยมที่เรือนจำทหาร และไม่คัดค้านการประกันตัวผู้ตายของศาลทหาร ที่ทำร้ายร่างกายหมอนิ่มคดีเสพยาเสพติดด้วย
และให้จำเลยที่ 1,2, 4, และ5 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 2.5 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีให้กับโจทก์ร่วมและผู้ร้องด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ต่อมาศาลอนุญาตให้น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา โดยตีราคาประประกัน 1 ล้านบาท
อัยการโจทก์ โจทก์ร่วม และนายจิรศักดิ์ หรือจี มือปืนจำเลยที่ 1 และน.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ยื่นฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษา หารือแล้ว เห็นว่า ฎีกาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ที่ต่อสู้ในประเด็นการร่วมจำเลยที่ 4 และที่ 5 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 2.5 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระเสร็จให้กับโจทก์ร่วมและผู้ร้องนั้น ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมชดใช้ตามจำนวนดังกล่าวนั้นชอบด้วยเหตุผลแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย และฎีกาข้ออื่นที่ต่อสู้ประเด็นการรับฟังคำให้การพยานที่มาลงโทษจำเลย ก็ฟังไม่ขึ้น
ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 มานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพฤติการณ์การกระทำผิดของน.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแม่ยายผู้ตาย ศาลฎีกาเห็นว่าเกิดจากการที่ผู้ตายกระทำต่อพญ. นิธิวดี จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรคนเดียวของจำเลยที่ 2 ครั้งแล้วครั้งเล่า และบางครั้งยังกระทำต่อหน้าหลานเล็ก ๆ ของจำเลยที่ 2 อีกอันเนื่องมาจากปัญหาการควบคุมอารมณ์ของผู้ตาย โดยก่อนเกิดเหตุมีความไม่แน่นอนว่า ผู้ตายซึ่งเป็นนักกีฬายิงปืน มีอาวุธปืนอาจใช้อาวุธปืนของตนกระทำต่อจำเลยที่ 3 และครอบครัวในขณะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็เป็นได้เพราะก่อนเกิดเหตุเพียง 2 เดือน ผู้ตายยังใช้อาวุธปืนยิงไปทางคนรับใช้และบุตรคนเล็กจนผู้ตายถูกจับและถูกควบคุมตัวที่เรือนจำและเพิ่งได้รับการประกันตัวมาไม่นาน
การกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 ที่ขณะเกิดเหตุเป็นหญิงมีอายุถึง 72 ปีและบัดนี้มีอายุเกือบ 80 ปีแล้ว และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน จึงเข้าลักษณะของผู้กระทำความผิดที่ตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ที่ศาลอาจลดโทษได้ให้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง และตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52 ในการลดโทษประหารชีวิตไม่ว่าจะเป็นการลดมาตราส่วนโทษหรือลดโทษที่จะลง ให้ลดดังต่อไปนี้โดยถ้าจะลดกึ่งหนึ่งให้ลดเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือโทษจำคุกตั้งแต่ 25 ปีถึง 50 ปีที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้น.ส.สุรางค์จำเลยที่ 2 เพียงหนึ่งในสามและคงจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิตด้วยเหตุเพียงคำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลฎีกายังไม่เห็นพ้องด้วย เห็นควรลดโทษให้จำเลยที่ 2 อีก
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้เป็นว่า คำให้การชั้นสอบสวนของน.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และกระทำความผิดเพราะตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) คงลงโทษจำคุกไว้ จำเลยที่ ไว้ 25 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |