จังหวะแห่งการเปลี่ยนแปลง!!!


เพิ่มเพื่อน    

เห็นพวก กูรู-กูรู้ ในทางเศรษฐกิจ...เค้าคาดการณ์ ประมาณการณ์ เอาไว้ทำนองว่า น่าจะเป็นซักช่วงไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ของปีหน้านั่นแหละ ที่แรงกระเพื่อมจาก คลื่นยักษ์สึนามิ หรือผลกระทบต่างๆ นานา ไม่ว่าจากเรื่องการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ดี ไปจนถึงเรื่องน้ำท่ง น้ำท่วม มันน่าจะ โป๊ะเชะ กันในช่วงระหว่างนั้น...
                                                    ---------------------------------------------
    จริง-ไม่จริง...ก็คงต้องคอยดูกันอีกที แต่โดยแรงกระเพื่อม แรงซัด แรงสาด ในลักษณะที่ว่า จะถึงขั้นส่งผลให้รัฐบาลพี่น้อง 3 ป. เอาอยู่-เอาไม่อยู่ หรือไม่? อย่างไร? อันนี้นี่แหละ...ที่น่าสนใจเอามากๆ!!! เพราะเท่าที่ดูจากลักษณะอาการ ไม่ว่าจะเป็น ป.บิ๊กตู่ หรือ ป.ประยุทธ์ ไปจน ป.บิ๊กป้อม หรือ ป.บิ๊กป๊อก ท่านน่าจะยังคงเรื่อยๆ มาเรียงๆ นกบินเฉียงไปทั้งหมู่ซะเป็นหลัก คือยังคงมั่วๆ อยู่กับเรื่องลงไปเพชรบุรี ขึ้นไปอยุธยา สนุกสนานเมามันซ์ซ์ซ์อยู่กับเรื่อง แป้งมันตราปลามังกร อะไรทำนองนั้น หรือเรื่องปัญหาในมุ้ง นอกมุ้ง ทางการเมืองซะล่ะมากกว่า...
                                                      --------------------------------------------------------
    ส่วนในเรื่องเศรษฐกิจนั้น...จะเป็นเพราะพื้นฐานทางเศรษฐกิจประเทศไทย ค่อนข้างดีในสายตาใครต่อใครมาโดยตลอด หรือเพราะการเคยผ่านประสบการณ์แรงๆ ระดับ ต้มยำกุ้ง ระดับ วิกฤตเงินบาท มาอย่างเคี่ยวกรำพอประมาณ หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ชัดเจน บรรดา แรงกระเพื่อม ต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เศรษฐกิจไทย จึงอาจไม่ได้ถือเป็นเรื่องคอขาด-บาดตาย เท่ากับเรื่อง แป้งมันตราปลามังกร เอาเลยก็ว่าได้ แม้ว่าล่าสุด...องค์กรระดับโลกอย่าง ธนาคารโลก ท่านเพิ่งจะ ปรับลด ตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศไทย จากที่เคยแย่ๆ อยู่แล้ว หรือจากประมาณ 2.2 เปอร์เซ็นต์ ลงมาเหลือแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง...
                                                          ---------------------------------------------------------
    คือการโตในระดับ 2.2 เปอร์เซ็นต์นั้น...ถ้าหากเอาไปเทียบกับช่วงภาวะ ปกติ ก็น่าจะยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเทียบกับภาวะที่ต้อง ติดลบ เพราะท่านเชื้อไวรัสโควิด แบบชนิดแทบตกจากหอคอย่น ก็ต้องถือเป็นการโตที่ออกจะ น่าเกลียด เอามากๆ เรียกว่า...แทบไม่ได้ออกอาการเงยหน้า-อ้าปากใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น...ถ้าหากจาก 2.2 เปอร์เซ็นต์ยังดันต้องลดลงมาเหลือแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง บรรดาความน่าเกลียด ทั้งหลาย ทั้งปวง จะไปไกลถึงขั้น น่าทุเรศ หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่จะลองไปคิดกันเอาเอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ถ้าหากมันส่งผลให้เห็นแบบชัดเจน หรือแบบเป็นจริง-เป็นจัง ขึ้นมาเมื่อไหร่ อันนี้นี่แหละ...ที่น่าจะทำให้ พี่น้อง 3 ป. ไม่น่าจะ ลั้นลา ได้แบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว...
                                                            --------------------------------------------------------
    อีกทั้งการหาทางออก ทางไป หรือทางแก้ต่อบรรดา ปัญหา ในทำนองนี้...ออกจะเป็นอะไรที่ยากเย็นแสนเข็ญ ยิ่งกว่าการแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง น้ำรอระบาย ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า คือไม่ใช่แค่การขุดบ่อ ลอกคู ลอกคลอง หาพื้นที่รับน้ำ เก็บกักน้ำระบายน้ำ กันไปตามสภาพ แต่อาจถึงขั้นต้องลงมือ ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง เปลี่ยนทิศทาง หรือเปลี่ยนพื้นฐานเศรษฐกิจ ซะใหม่!!! เอาเลยถึงขั้นนั้น คือจะจมอยู่กับ รายได้ จากการส่งออก การ รับจ้างทำของ หรือการท่องเที่ยว เดินทาง ฯลฯ ไปโดยตลอด โอกาสที่จะ เจ๊ง...กับ...เจ๊ง ในวันใด-วันหนึ่ง ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...
-------------------------------------------------------
    ยิ่งโดยเฉพาะใครต่อใครต่างหันไป เว้นระยะห่าง หันไปงด ไปชะลอ การท่องเที่ยว เดินทาง เปลี่ยนไป ซูม ไป วิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ซะแทนที่ ฯลฯ กว่าจะมั่นอก-มั่นใจว่าจะไม่ทำให้เกิดการแพร่เชื้อ ติดเชื้อก็อาจลากยาวเป็นปีๆ เอาเลยถึงขั้นนั้น โอกาสแห่งการเงยหน้า-อ้าปากของเศรษฐกิจไทย จึงอาจพอๆ กับ เพลงไทยเดิม หรืออาจต้อง เอ่อ...เอ้อ...เอิง...เงย ชนิดแมลงวันบินเข้าปากเอาง่ายๆ และภายใต้ความเชื่องช้าแบบไทยๆ หรือแบบไทยเดิมนี่แหละ ย่อมนำมาซึ่ง รายจ่าย ซึ่งมีแต่จะทับทวีคูณยิ่งเข้าไปทุกที อันเนื่องมาจาก ความไม่ลงตัว ระหว่าง สภาพโครงสร้างทางเศรษฐกิจ กับ สภาพความทันสมัยทางสังคม นั่นเอง...
                                                     -----------------------------------------------------
    ว่ากันว่า...แค่เฉพาะ รายจ่าย ที่รัฐบาลต่างๆ ทั่วทั้งโลก ต้องนำมาใช้เยียวยา รักษาสภาพ หรือฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ก็น่าจะปาเข้าไปไม่ต่ำกว่า 15 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกี่ร้อยล้านล้านบาทก็ลองเอา 30 ไปคูณดูอีกที และแม้จะพยายาม แก้ปัญหา ในวิธีการเดียวกัน ตาม สูตรสำเร็จ เดียวกัน แต่สุดท้ายกลับน่าจะนำมาซึ่งการ สร้างปัญหา ให้ยิ่งแก้ยาก แก้เย็น เข้าไปใหญ่ หรือแบบที่เรียกๆ กันว่า Cobra Effect อะไรประมาณนั้น เกิดแนวโน้มภาวะเงินเฟ้อ ภาวะขาดแคลนพลังงาน ไปจนถึงภาวะวิกฤตการณ์การเงิน ที่อาจไม่น้อยไปกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ หรือวิกฤตซับไพรม์ ในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้ ฯลฯลฯ...
                                                               ----------------------------------------------------------
    ดังนั้น...ภายใต้การมาถึงของ คลื่นยักษ์สึนามิ ทางเศรษฐกิจ ในอีกปี-สองปีข้างหน้า อาจถือเป็นช่วงจังหวะ เวลาแห่งการ ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง หรือเปลี่ยนพื้นฐาน เปลี่ยนทิศทางเศรษฐกิจเอาเลยก็ไม่แน่!!! และงานนี้...คงไม่อาจหันไปพึ่งบริการ พี่น้อง 3 ป. ผู้เชี่ยวชาญด้านแป้งมันตราปลามังกรได้อีกต่อไปแล้ว มีแต่ต้องมองหาอะไรใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ หรือคนใหม่ๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีความ เข้าถึง-เข้าใจ อย่างลึกซึ้งต่อสิ่งที่เรียกว่า เศรษฐกิจพอเพียง อันถือเป็น ทางรอด ที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 ท่านได้ชี้แนะ ชี้นำ เอาไว้ก่อนล่วงหน้านั่นเอง...
                                                              -------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Epictetus (อีกครั้ง...และอีกครั้ง)...“Fortify yourself with contentment. For this an impregnable fortress. – จงสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวท่านด้วยความสันโดษ (พอเพียง) เพราะนี่คือป้อมปราการที่มิมีผู้ใดจะตีแตก...”
                                                                ---------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"