โฆษกฯอัยการ แจงยิบสั่งไม่ฟ้อง 'อดีตเลขาฯคุณหญิงอ้อ-สามี' ฟอกเงิน


เพิ่มเพื่อน    

7 ต.ค.64 - ที่สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารเอ ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษในฐานะรองโฆษกฯ ร่วมกันแถลงข่าว กรณีพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง นางกาญจนาภา หงษ์เหิน อดีตเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิง พจมาน ณ ป้อมเพชร  และ นายวันชัย หงษ์เหิน  สามี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน  
       
โดยสำนักงานอัยการสูงสุดขอชี้แจงเกี่ยวกับการสั่งคดีดังนี้ว่า
      
คดีนี้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 ได้รับสำนวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ.) เมื่อวันที่ 26 ก.ค  2561 คดีระหว่างสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยนายสุนทรา  พลไตร ผู้กล่าวหา นางเกศินี จิปิภ  นางกาญจนาภา หงษ์เหิน  นายวันชัย หงษ์เหิน และ นายพานทองแท้ ชินวัตรผู้ต้องหาที่1- 4 ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินช่วงระหว่างวันที่ 30 ธ.ค  2546 ถึงวันที่ 17 พ.ค  2547 ต่อเนื่องกัน    โดยมีมูลเหตุเกี่ยวพันกับคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดีหมายเลขดำที่อม. 3/2555 คดีหมายเลขแดงที่อม. 55/2558 อัยการสูงสุดฟ้องนายทักษิณ ชินวัตรเป็นจำเลยที่ 1 พร้อมกับพวกอีกหลายคน  ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการยักยอก ความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐความผิดต่อพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยมูลคดีสืบเนื่องจากธนาคารกรุงไทยฯ ปล่อยเงินกู้ให้กับ บริษัท กฤษดานครมหานคร จำกัด (มหาชน) นายวิชัย กฤษดาธานนท์และนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ บุตรชาย กับพวก  โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ฯหมายเลขดำที่อม. 3/2555 หมายเลขแดงที่อม. 55/2558 พิพากษาเมื่อวันที่ 30 ส.ค  2562 โดยให้ยกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตรจำเลยที่ 1 โดยวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของโจทก์ที่ไต่สวนมายังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่านายทักษิณ  กระทำความผิดตามฟ้อง จึงมีคำพิพากษายกฟ้อง

สำหรับคดีที่กล่าวหานางกาญจนา ภาหงษ์เหินและนายวันชัย หงษ์เหิน  สามี  พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 พิจารณาแล้วมีคำสั่งไม่ฟ้องนางเกศินี จิปิภพผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งอธิบดี ดีเอสไอ . เห็นพ้องกับการสั่งไม่ฟ้องของอัยการดังกล่าว คดีในส่วนนางเกศินีจึงเสร็จเด็ดขาดแล้ว

ส่วนนางกาญจนาภา นายวันชัยหงษ์ และนายพานทองแท้ชินวัตร  พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินตามข้อกล่าวหา แต่ยังไม่ได้ยื่นฟ้องนางกาญจนา และนายวันชัย  เพราะหลบหนี 

สำหรับนายพานทองแท้ ชินวัตร  พนักงานอัยการสำนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 ได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินเรียบร้อยแล้วต่อมาศาลมีคำพิพากษายกฟ้องนายพานทองแท้ พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่อุทธรณ์ ซึ่งอธิบดี ดีเอสไอ. เห็นพ้องด้วยคดี จึงถึงที่สุดแล้ว 

ต่อมาในวันที่ 30 ก.ค  2563 นางกาญจนาภา และ นายวันชัย สามีได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 เพื่อขอให้ทบทวนคำสั่งฟ้องนางกาญจนาภา และสามี โดยอ้างว่า ข้อเท็จจริงรูปแบบพฤติการณ์ที่กล่าวหาเป็นกรณีเดียวกันกับที่กล่าวหานายพานทองแท้ ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดยกฟ้องไปแล้วอีกทั้งมูลเหตุก็เป็นกรณีสืบเนื่องจากการกล่าวหานายทักษิณ ชินวัตรและเป็นเหตุให้ถูกฟ้องที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่ไต่สวนฟังไม่ได้ว่านายทักษิณชินวัตรกระทำความผิดตามฟ้องและพิพากษายกฟ้องและคดีถึงที่สุดแล้วเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีการกล่าวอ้างว่า เช็คที่นายวิชัยกฤษดาธานนท์ สั่งจ่ายเงิน 26 ล้านบาท ที่เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาทั้งสองถูกกล่าวหาคดีนี้ก็เป็นเรื่องธุรกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นของ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) ในตลาดหลักทรัพย์ผ่าน บริษัท หลักทรัพย์ธนชาติ จำกัด และต่อมามีการขายหุ้นและได้คืนเงินลงทุนพร้อมกำไรรวมแล้วประมาณ 27 ล้านบาทเศษไปแล้วข้อเท็จจริงนี้มีทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารสนับสนุน

ทั้งนี้พนักงานอัยการได้พิจารณาข้อเท็จจริงที่ได้จากการร้องขอความเป็นธรรมเห็นว่าคดีมีข้อเท็จจริงใหม่ตามที่ผู้ต้องหาทั้งสองร้องขอความเป็นธรรมเพราะคดีที่ฟ้องนายทักษิณ และนายพานทองซึ่งศาลต่างยกฟ้องและคดีถึงที่สุดแล้วอีกทั้งตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2547 (ซึ่งเป็นระเบียบที่บังคับใช้ในขณะนั้น) ข้อ 58 ก็วางหลักเกณฑ์ให้เป็นแนวทางปฏิบัติของพนักงานอัยการทั่วประเทศในการดำเนินคดีอาญาไว้ด้วยว่าในคดีที่มีผู้ต้องหาหลายคนกระทำความผิดในคดีเดียวกันและได้ฟ้องผู้ต้องหาบางคนไว้แล้ว แต่ต่อมาศาลยกฟ้องในเหตุลักษณะคดีและคดีเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ฟ้องแล้วให้พนักงานอัยการทบทวนความเห็นหรือคำสั่งสำหรับผู้ต้องหาที่สั่งฟ้องและยังจับตัวไม่ได้ไว้ด้วย

โดยพนักงานอัยการยังเห็นว่า  คดีไม่มีพยานหรือข้อเท็จจริงใด ๆ ว่าผู้ต้องหาทั้งสองเข้าไปเกี่ยวข้องกับการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยฯหรือมีบทบาทหรืออำนาจใด ๆ ในการบีบบังคับธนาคารตลอดจนไม่มีส่วนรู้เห็นถึงกระบวนการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มนายวิชัย กฤษดาธานนท์ กับพวกดังกล่าว
    
พนักงานอัยการเห็นว่าการร้องขอความเป็นธรรมมีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงความเห็นและคำสั่งจึงมีคำสั่งกลับความเห็นเดิมที่สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองเป็นสั่งไม่ฟ้องนางกาญจนาและนายวันชัย สามี ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินขณะนี้สำนวนคดีพร้อมความเห็นและคำสั่งดังกล่าวได้ส่งไปยังอธิบดี ดีเอสไอ .เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายว่าจะเห็นพ้องหรือแย้งคำสั่งของพนักงานอัยการหากเห็นพ้องคำสั่งไม่ฟ้องเป็นอันเสร็จเด็ดขาด แต่ถ้าอธิบดีดีเอสไอ.เห็นแย้งก็จะนำเสนออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาชี้ขาดตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"