ค่อยๆ คิดค่อยๆ อ่านไปตามสถานการณ์


เพิ่มเพื่อน    

คงต้องถือเป็น สไตล์ เป็น ลีลา อะไรประมาณนั้น...อย่าถึงกับต้องไปถือสาหาความอะไรกันมากมาย สำหรับการเด้งเชือก-ฉากหลบ-แฉลบตัดเวที-ออกมาเต้นย็อกๆ แย็กๆ ตามแบบฉบับเดิมๆ ของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ในเรื่องการมอบหมายกรมโน้น กรมนี้ ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้กับ ปอ.ชอ.ปอ. หรือ ปอ.บิ๊กป้อม ก็แล้วแต่...
                                                           ---------------------------------------------------
    คือโดยปกติท่านก็เป็นของท่านยังงี้มานานแล้ว...ไม่ใช่เพิ่งมาเป็น!!! เรียกว่า...เมื่อไหร่ที่ถูกรุก ถูกต้อน ใกล้จะเข้ามุม ใกล้จะหมดมุก ชายชาติตะหานอย่างท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านก็มักงัดเอาลูกแอ่นหลัง-พิงเชือก-เด้งหน้า-เด้งหลัง พรวดๆ พราดๆ มุดหลัง มุดไหล่ มุดจั๊กกะแร้ฝ่ายตรงกันข้าม ออกมาเต้นฟุตเวิร์กย็อกๆ แย็กๆ อยู่กลางเวที ได้อย่างน่าตื่นตะลึงพรึงเพริดเอามากๆ หรืออย่างแทบไม่น่าเชื่อ แต่ก็คงต้องเชื่อนั่นแหละ ส่วนจะถือเป็น ชั้นเชิง หรือ มวยเชิง แบบประเภท บ๊อกเซอร์ ที่ออกจะแตกต่างไปจากพวก ไฟเตอร์ หรือจะถือเป็นการ ลื่นไหล-เถลือกไถล แบบประเภทพ่อปลาไหลฉาบวาสลีน หรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องไปตัดสินเอาเองก็แล้วกัน!!!
                                                           -----------------------------------------------------
    แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยลีลา หรือสไตล์ทำนองนี้ อาจมีส่วนก่อให้เกิดความอึดอัด-ขัดข้องใจ หรือความ ม่าย-ล่าย-ลาง-จาย ต่อบรรดาขาเชียร์ ขาไอโอ หรือขา ติ่งบิ๊กตู่ อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน คืออุตส่าห์แหกปากตะโกน ระดับปากฉีกแทบไปถึงรูหูว่า ราวี...ราวี...ราวี หรือ ตี...ตี...ตี มาประมาณ 7 ปี เกือบ 8 ปีเข้าไปแล้ว แต่สุดท้าย...ยังดันหนักไปทางย็อกๆ แย็กๆ เอาขาเขี่ยไป-เขี่ยมากับคู่ต่อสู้ แทบไม่มีโอกาสได้เห็นหมัดหนัก หมัดน็อกใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย มีแต่แย็บซ้าย แย็บขวา แย็บโน่นแย็บนี่ เพื่อรอเวลาระฆังหมดยก หรือรอเวลากรรมการรวมคะแนน ที่ยังไงๆ...ย่อมหนีไม่พ้นที่ต้องชูมือให้กับ ฝ่ายน้ำเงิน อยู่แล้วแน่ๆ...
                                                            --------------------------------------------------------
    การเชียร์ไป-เชียร์มา ตะโกนไป-ตะโกนมา ในตลอด 7 ปี เกือบ 8 ปีเข้าไปแล้ว...จึงส่งผลให้หลายต่อหลายราย หรือโดยส่วนใหญ่ ออกจะคอแหบ คอแห้ง ไม่ก็ คอแตก เอาเลยก็ยังมี แต่โดยสรุปรวมความแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่ายังคงเป็นไปในแบบ มวยหลังวัด หรือ มวยวัด อยู่เช่นเดิม คือขณะที่ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น-ฝ่ายมุมแดง ออกอาการกางมือ-กางไม้ วืดๆ-วาดๆ ฟืดๆ-ฟาดๆ ว่ายน้ำอยู่บนเวทีมาโดยตลอด ต่อยยังไงก็ต่อยไม่ถูก ไม่เข้าเป้า เข้าร่อง เอาเลยแม้แต่น้อย ฝ่ายน้ำเงินอย่าง บิ๊กตู่ ก็ยังคงเต้นไป-เต้นมา ฟุตเวิร์กซะจนขาแข็งเป็นท่อนไม้ ถูกไล่ ถูกต้อนเข้ามุมขึ้นมาเมื่อไหร่ ถึงค่อยเด้งเชือก-ฉากหลบ-ตัดเวที-ออกมาเต้นย็อกๆ แย็กๆ ไปตามสภาพ...
                                                                 ------------------------------------------------------
    อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้บรรดา ขาเชียร์ ทั้งหลาย เลยออกอาการสาละวันเตี้ยลง...เตี้ยลง ไปตามลำดับ เรียกว่า เตี้ย มาตั้งแต่ยุค ป๋าเปรม โน่นเลย ถึงขั้นต้องติงๆ เตือนๆ เอาไว้ประมาณว่า ใช้กองเชียร์ไปเยอะแล้ว หรือแทบไม่เหลือกองเชียร์อีกต่อไปแล้ว แถมบางกลุ่ม บางราย ยังพลิกไปเป็น กองหลอน ซะอีกต่างหาก คือแทนที่จะเลิกยุ เลิกเชียร์ ออกจากเวทีราชดำเนินไปนั่งกินไก่ปิ้ง ให้อร่อยลิ้นไปตามเรื่อง ตามราว กลับหันมาตะโกนด่า บิ๊กตู่ ซะแทนที่ แม้ไม่ถึงกับจะหันไปเชียร์ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น-หรือฝ่ายมุมแดง ก็ตาม...
                                                                 -------------------------------------------------------
    แต่ทำไงได้ล่ะทั่นเอ๋ย!!!...ในเมื่อมันได้เท่านี้ ได้แค่นี้ ไม่ได้มีอะไรมากมายเกินไปกว่านี้ สำหรับมวยที่ติดสไตล์และลีลาของตัวเอง ในการถอยเข้า-ถอยออกมาโดยตลอด และอาจต้องถือเป็น โชคดี ที่ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น-และฝ่ายแดง ยังไม่ถึงกับ เป็นมวย ไม่งั้นอาจต้องควักแบงก์ร้อย จ่ายกันเป็นร้อยๆ เพื่อแลกกับ อุจจาระสุนัข แค่ 1 กอง การประคับประคองตัวเองมาได้โดยตลอด 7 ปี เกือบ 8 ปีของ บิ๊กตู่ จึงต้องถือเป็นพระคุณ เป็นพระบารมี ของ พระสยามเทวาธิราช อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ส่วนนับจากนี้ในอนาคตเบื้องหน้า ที่ ฉากสถานการณ์ ต่างๆ มันอาจเปลี่ยนแปรไปเป็นอื่น อันนั้น...คงต้องค่อยๆ ว่ากันอีกที...
                                                                    -------------------------------------------------------
    เพราะอย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละ...ด้วย สถานการณ์ นั่นเอง ที่จะเป็นตัวก่อสร้าง เป็นตัวกำหนด ความเป็น วีรบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นประเภท ขวาตาย-ซ้ายสลบ หรือประเภท หมัดทะลวงไส้ อย่างคุณน้า เขาทราย หรือแม้แต่ประเภทออกหมัดแย็บซ้าย-แย็บขวา ได้ไม่ต่างไปจากใบมีดโกน อย่างคุณทวด โผน กิ่งเพชร ฯลฯ อะไรประมาณนั้น ยิ่งความเป็นไปของฉากสถานการณ์มันยิ่งน่าห่วง น่ากังวล ยิ่งขึ้นไปเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้เห็นประเภท โป้งเดียวจอด แบบคุณปู่ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ยิ่งมีความจำเป็นยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
                                                                      --------------------------------------------------------
    ดังนั้น...แม้ว่าท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านจะมุดจั๊กกะแร้ใครต่อใคร กลับมาเต้นย็อกๆ แย็กๆ อยู่กลางเวที ณ บัดนี้ ก็อย่าถึงกับต้องไปถือสา ถือเป็น อารมณ์ อะไรกันมากมาย ปลีกตัว ปลีกเวลา ออกไปกินไก่ปิ้งหน้าสนามมวยราชดำเนิน น่าจะยังเข้าท่ากว่า ไม่ต้องเสียเวลาเมื่อยปาก เมื่อยลิ้น คอแหบ คอแห้ง อีกต่อไป รอจังหวะ มวยคู่เอก ได้เวลาขึ้นเวที อันนั้นนั่นแหละ...ค่อยกลับมาส่งเสียงเชียร์ ส่งเสียงตะโกน ราวี...ราวี...ราวี ตี...ตี...ตี กันอีกครั้ง คงไม่น่าจะถึงกับ สาย จนเกินไป...
                                                                       -------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Lorraine Hansberry... “Never be afraid to sit awhile and think. – อย่ากลัวที่จะนั่งพักสักครู่เพื่อ...คิด”
                                                                           ---------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"