บันทึกหน้า 4


เพิ่มเพื่อน    

แล้วก็เวียนมาบรรจบครบรอบ 45 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 แล้ว ซึ่งบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์จนถึงวันนี้ส่วนใหญ่ก็อายุอานามใกล้เลข 60 บางรายก็ลาโลกไปแล้ว จึงทำให้ การจัดงานรำลึกในปีนี้ดูเหมือนจะมีแต่บรรดาหน้าใหม่ๆ ไปร่วมโหน ร่วมเชื่อมโยง ให้ดูเหมือนอยู่ในเหตุการณ์อย่างไรอย่างนั้น โดยเฉพาะบรรดาระดับหัวของพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้าที่ทำตัวเสมือนฝาแฝดอย่างไรไม่รู้ ...๐ ที่ขำไม่ออกคือ ไล่มาตั้งแต่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล รวมถึง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า และ “พรรณิการ์ วานิช” แกนนำคณะก้าวหน้า พยายามโยงใยเหตุการณ์ 6 ตุลา เชื่อมโยงกับม็อบ 3 นิ้วให้ได้ โดยเฉพาะการอ้างเรื่อง “นิติสงคราม” ...๐

ที่หนักมากที่สุดคือ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้าที่ร่วมเสวนา ในกิจกรรมครบรอบ 45 ปีเหตุการณ์ดังกล่าวที่เชื่อมโยงไปถึงการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ตามข้อเรียกร้องของม็อบ 3 นิ้ว (หรือตามที่ผู้อยู่เบื้องหลังสอนสั่ง) พร้อมทั้งเรียกร้องให้เริ่มดำเนินการโดยถือเอาฤกษ์ 45 ปี 6 ตุลา เสียด้วย ซึ่งก็ สอดรับกับแถลงการณ์ขององค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ที่เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยอมรับผิด ขอโทษต่อสาธารณชน และชดเชยให้กับผู้เสียหาย ในกรณีการสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือเหตุการณ์ 6 ตุลา!!! สะท้อนชัดเจนว่ายามนี้ในหมู่คนรุ่นใหม่หรือเจเนอเรชั่น Z หรือ Gen Z นั้นอยู่ในกำมือของ “ก้าวหน้า” แล้ว เพราะคำเรียกร้องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ไม่ว่าจะเหตุการณ์ 14 ตุลา หรือ 6 ตุลา จะเวียนมาบรรจบครบรอบเมื่อใด ...๐

แล้วยิ่งหากสังเกตเหตุการณ์ที่แทบไม่เป็นข่าวอย่างกรณี “กลุ่มทะลุฟ้า” ที่ได้นำบันไดมายังโดมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อ เปลี่ยนธงชาติ โดยชักธงสีแดงซึ่งมีข้อความเขียนว่า “ปฏิรูปสถาบัน” เข้าไปอีก ก็ยิ่งสะท้อนชัดว่าใครเป็นใครกันแน่ เพราะกลุ่มทะลุฟ้าและทะลุแก๊สทุกวันนี้ก็มีแต่ “ปิยบุตร” ที่ถือหางอย่างเอาเป็นเอาตาย และหากคิดไปไกลเหมือนดูละครก็จะเห็นว่า วันนี้ “น้องช่อ” ที่ไปร่วมงานก็ใส่ชุดสีแดงสด แหม! ช่างสอดรับกับธงคอมมิวนิสต์ของกลุ่มทะลุฟ้าอย่างไรอย่างนั้น ...๐

งานนี้เลยทำให้ ดร.แรมโบ้ “เสกสกล อัตถาวงศ์” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีถึงกับทนไม่ไหว ต้องออกมาจัดหนัก “ดร.ปิยบุตร” ว่าหายใจเข้าหายใจออกก็มีความคิดบั่นทอนสถาบันตั้งแต่เป็นอาจารย์จนมาเป็นนักการเมือง แต่ไม่กล้าออกหน้า อาศัยคนอื่น ขอสาปแช่งให้ชีวิตจงมีแต่ความวิบัติ อกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด พร้อมไล่ให้ย้ายประเทศไปเลยจะได้จุดประทัดฉลอง เพราะแผ่นดินไทยคงสูงขึ้นกว่านี้อีกมาก เรียกว่าจัดเต็มไม่มีกั๊กกันเลย ...๐

หันมาดูทิศทางลมทางการเมืองกันบ้าง หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเล่นขายของว่าด้วยการให้รองนายกฯ ดูแล 4 กรมในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสร็จสิ้นไปแล้ว งานนี้ ปชป.ก็ได้แต่เฮ แต่ก็เรียกว่าตงิดอย่างมากเมื่อ “ชัยชนะ เดชเดโช” ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์บอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกและเป็นการลบล้างคำครหาที่ว่าเป็น “เผด็จการ” ได้พอสมควร นี่หมายความว่าหาก “บิ๊กตู่” ไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่งก็จะถือเป็นเผด็จการหรืออย่างไร สงสัย “ชัยชนะ” จะลืมไปว่า ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 28 ก.ย.นั้น “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ และ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ปชป.ก็ประชุม ครม.อยู่ นั่งเป็นหัวหลักหัวตอหรืออย่างไรจ๊ะ นึกว่า ปชป.ที่หมด “เทพไท เสนพงศ์” ไปแล้ว มธุรสวาจาในการร่วมทำงานจะดีขึ้น ที่ไหนได้ดันจะมี “ชัยชนะ” มาเป็นตัวตายตัวแทนอีก ...๐

หันมาเรื่องภายในพรรคพลังประชารัฐกันบ้าง เมื่อล่าสุด “บิ๊กป้อม" เซ็นแต่งตั้ง "สมศักดิ์ เทพสุทิน” และ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี มาเป็นที่ปรึกษาหัวหน้า  พปชร.แล้ว หลังดอดเข้าพรรคสมัครสมาชิก พปชร.เรียบร้อย งานนี้ต้องบอกว่า “พี่ป้อม" ลุยเต็มตัว ส่วน “น้องตู่” จะเดินหน้าเป็นนายกฯ สมัย 3 หรือไม่ อีกไม่นานก็คงรู้ แต่อยากเตือนสติ “ลุงตู่” ให้มองตัวอย่าง “พล.อ.เปรม  ติณสูลานนท์” อดีตรัฐบุรุษและประธานองคมนตรีที่บอกว่า “ผมพอแล้ว” ให้มากๆ ไม่เช่นนั้น “บิ๊กตู่” อาจหาทางลงจากหลังเสือลำบาก และอาจไม่ได้ลงอย่างสบายๆ เพราะอย่าลืมว่าคนไทยไม่ชอบให้นักการเมืองนั่งรากงอกในเก้าอี้นานๆ ...๐

ท.ศักดิ์


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"