คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือกำลังเล่นเกมแยกระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐออกจากการกดดันและต่อรองกับเปียงยาง
    ขณะที่อัดอเมริกาว่ายังมีนโยบายที่มุ่งร้ายต่อเปียงยาง คิมก็ประกาศฟื้นสายด่วน hotline กับเกาหลีใต้ หลังจากที่ “ตัดสาย” ที่เชื่อมตรงระหว่างเหนือกับใต้ไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
    แต่ขณะเดียวกันก็บอกวอชิงตันว่าเมินเสียเถอะ อย่านึกว่าจะมาพบปะเจรจากันเลย
    ตราบที่ โจ ไบเดน ยังไม่เห็นความสำคัญของคิม จองอึน เหมือนกับที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยทำเอาไว้
    คิมไม่เพียงแค่เล่นเกมการทูตกับสหรัฐและเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ยังสำแดงแสนยานุภาพทางทหารด้วยการยิงขีปนาวุธถี่ๆ ลงในทะเลญี่ปุ่นให้เพื่อนบ้านมีความเกรงอกเกรงใจตนมากขึ้นอีกด้วย
    ญี่ปุ่นกำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่วันที่ 31 ตุลาคมนี้ เกาหลีใต้ก็จะมีการเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ในปีหน้า
    เป็นจังหวะที่คิมใช้ลีลาการทูตและการทหารเพื่อเตือนให้ 2 ประเทศรอบๆ ตัวเองว่าอย่าได้ลืมความสำคัญของเกาหลีเหนือในสมการแห่งอำนาจในคาบสมุทรเกาหลีเป็นอันขาด
    คิมปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐ ที่ต้องการกลับสู่การเจรจากับเพื่อหาทางยุติโครงการนิวเคลียร์ 
    แต่ยืนยันว่ายินดียกระดับความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้
    ประธานาธิบดีมูน แจอิน แห่งเกาหลีใต้ ประกาศในคำปราศรัยต่อหน้าที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติปีนี้ว่าต้องการให้ 2 เกาหลีมาลงนามสันติภาพอย่างถาวรเสียที
    เพราะที่ผ่านมาแม้สงครามเกาหลีจะสงบลงตั้งแต่ปี 1953 หรือ 68 ปีแล้ว แต่ก็ไม่มีการตกลงสันติภาพอย่างจริงจัง
    เมื่อผู้นำเกาหลีใต้แสดงเจตนามุ่งหาการเจรจากับเปียงยางอย่างนี้ คิมก็ถือโอกาสนี้แสดงการตอบสนองด้วยการเปิดสายด่วน hotline ระหว่างกันอีกครั้งหนึ่ง
    แต่ไม่ได้รับปากว่าจะระงับยับยั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ดั่งที่เป็นเงื่อนไขของทางใต้มาตลอด
    เพราะสำหรับคิมแล้ว อาวุธนิวเคลียร์คือ “อาวุธการต่อรอง” ที่มีน้ำหนักที่สุด
    สื่อของทางการเกาหลีเหนือ Korean Central News Agency (KCNA) รายงานคำแถลงของผู้นำคิมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ข้อเสนอของสหรัฐที่ต้องการเจรจากับเกาหลีเหนือนั้นเป็นแค่ “การแสดง” เพื่อปกปิดนโยบายที่เป็นปรปักษ์ของรัฐบาลกรุงวอชิงตัน
    “เรายังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ของนโยบายที่เป็นศัตรูของสหรัฐต่อเกาหลีเหนือ มีแต่ความหลอกลวงและวิธีการที่เจ้าเล่ห์เพิ่มขึ้นเท่านั้น” คิมบอก KCNA
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของอเมริกาได้พยายามชักชวนให้เกาหลีเหนือกลับสู่การเจรจาว่าด้วยโครงการนิวเคลียร์ของกรุงเปียงยาง ซึ่งชะงักงันมาตั้งแต่ปี 2019
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเน้นย้ำว่าวอชิงตันไม่มีนโยบายที่เป็นปรปักษ์ต่อเกาหลีเหนือ เพียงขอให้เกาหลีเหนือเปิดรับการดำเนินการทางการทูตเพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยต่อสหรัฐฯ และพันธมิตร 
    ที่น่าสนใจสำหรับผมเป็นพิเศษคือ การที่ฝ่ายสหรัฐบอกว่า ยินดีพบเจรจากับผู้แทนของเกาหลีเหนือ “โดยไม่มีเงื่อนไขล่วงหน้าใดๆ”
    แต่คิมยังเล่นตัวอยู่
    เกาหลีเหนือทดลอง 'ขีปนาวุธเหนือเสียง' มุ่งท้าทายระบบป้องกันและความสัมพันธ์สหรัฐ-เกาหลีใต้
    วันที่คิมประกาศไม่สนใจสหรัฐคือวันที่เกาหลีเหนือเปิดเผยรายละเอียดขีปนาวุธที่ทำการทดสอบครั้งล่าสุด
    โดยบอกว่าหนึ่งในขีปนาวุธที่ยิงลงไปในทะเลญี่ปุ่นนั้นเป็นแบบความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกออกแบบมาเพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐ
    ความถี่ของการยิงเป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ เฉพาะเดือนกันยายน เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธไปแล้วถึง 3 ครั้ง
    คิมยังเน้นย้ำด้วยว่า ตนยินดีกลับมาพิจารณาเปิดโทรศัพท์สายด่วนข้ามพรมแดนกับเกาหลีใต้อีกครั้ง หลังจากที่เขาสั่งตัดสายด่วนเมื่อเดือนสิงหาคมเพื่อตอบโต้การซ้อมรบระหว่างสหรัฐกับเกาหลีใต้
    คนที่ติดตามสถานการณ์เกาหลีเหนือต้องจับตาที่คิม โย จอง น้องสาวของคิม
    ช่วงหลังนี้เธอออกมาพูดด้วยวาทะที่กร้าวและมุ่งมั่นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    ถือได้ว่าวันนี้เธอคือผู้นำหมายเลข 2 รองจากพี่ชายเท่านั้น
    ทุกถ้อยคำของเธอจึงคือแนวทางของท่านผู้นำคิมอย่างปฏิเสธไม่ได้
    เธอบอกว่าเกาหลีเหนือยินดีจัดการประชุมสุดยอดกับเกาหลีใต้อีกครั้ง     และหากเกาหลีใต้เห็นพ้องกับเงื่อนไขของทางเหนือก็อาจจะพิจารณาประกาศยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการด้วย
    ยุทธวิธีของคิมและน้องสาวกำลังมีการปรับเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ
    ด้านหนึ่งก็แสดงแสนยานุภาพทางทหารต่อเนื่อง
    อีกด้านหนึ่งก็ยื่นมือเสนอการผ่อนคลายทางการทูตกับทางใต้
    แต่มืออีกข้างหนึ่งก็ยังชี้นิ้วไปที่สหรัฐว่ายังเป็น “ศัตรูหมายเลขหนึ่ง” ที่ไม่อาจจะคบหาได้
    วอชิงตันกับกรุงโซลต้องนั่งประเมินและวิเคราะห์ท่าทีใหม่ของท่านคิมอย่างรอบด้านอีกครั้งจึงจะหาทางตอบสนองได้
    อีกทั้งยังต้องถามปักกิ่งและมอสโกด้วยว่าตีความลีลาล่าสุดของคิมอย่างไร
    เพราะคิมมีลูกเล่นแพรวพราวที่คาดไม่ถึงได้เสมอ.