ภูบดินทร์ "ที่ดินคนจน"


เพิ่มเพื่อน    

 วันนี้ เอาเรื่องหนักๆ มาฝาก 
    "หนักทอง" นะครับ ไม่ใช่ "หนักตะกั่ว" หรือ "หนักหิน"!
    คุณวิบูล ศิริมณีธรรม และคุณน้อย-อาริยา 
    ส่งหนังสือ "กวินิพนธ์" สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชคำฉันท์ ประพันธ์โดย คุณวรรณดี สรรพจิต มาให้เมื่อวาน
    เมื่อวานคือ ๔ ตุลาคม!!!!
    เป็นบังเอิญที่ผมตระหนกด้วยจิตตระหนัก เพราะย้อนไป ๒๕๑ ปี ณ วันที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๓๑๓ 
    วันนั้น คือ........
    วัน "สถาปนากรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร" เป็นราชธานีแห่งใหม่ของไทย ขึ้นแทนกรุงศรีอยุธยาที่ล่มแล้ว!
    พอดีอีกเหมือนกัน ผู้ใช้นาม "โบราณนานมา" โพสต์เฟซด้วยข้อความที่ผมขอทึกทักถ่ายทอดต่อ ดังนี้
    โบราณนานมา
    ๒๕๑ ปี แห่งการสถาปนา “กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร” สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีสถาปนาราชธานีแห่งใหม่ มีนามว่า “กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร” เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๓๑๓
    หลังเสียกรุงศรีอยุธยาในปี ๒๓๑๐ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงรวบรวมกำลังพลและกองทัพเรือจากเมืองจันทบุรี ล่องมาตามชายฝั่ง จนถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา 
    ทรงต่อสู้โจมตี "ค่ายโพธิ์สามต้น" จนสามารถขับไล่ทหารพม่าออกจากอาณาจักรได้ และสามารถกอบกู้กรุงศรีอยุธยาจากการยึดครองได้ ในเวลาเพียง ๗ เดือน 
    จากนั้น โปรดให้อัญเชิญ "พระบรมศพพระเจ้าเอกทัศ" มาประกอบพิธีโดยสังเขป และพระราชทานเพลิงพระบรมศพเรียบร้อย
    จากนั้นพระองค์ได้เสด็จสำรวจความเสียหายของบ้านเมือง และประทับแรมในพระนคร ณ พระที่นั่งทรงปืน 
    ทรงพระสุบินนิมิตว่า....
    พระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยามาขับไล่ไม่ให้อยู่ 
    สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเล่าให้ขุนนางทั้งหลายฟัง แล้วดำรัสว่า
    “...เราคิดสังเวชเห็นว่าบ้านเมืองจะร้างรกเป็นป่า จะมาช่วยปฏิสังขรณ์ทํานุบํารุงขึ้นให้บริบูรณ์ดีดังเก่า เมื่อเจ้าของเดิมท่านยังหวงแหนอยู่แล้ว เราชวนกันไปสร้างเมืองธนบุรีอยู่เถิด"
     แล้วตรัสสั่งให้เลิกกองทัพ กวาดต้อนราษฎร แลสมณพราหมณาจารย์ทั้งปวงกับทั้งโบราณขัตติยวงศ์ ซึ่งยังเหลืออยู่นั้น เสด็จกลับลงมาตั้งอยู่ ณ เมืองธนบุรี
    เรื่องเมืองธนบุรีนี้ "สมเด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ" ทรงแสดงความคิดเห็นไว้ว่า
    “…ที่เจ้าตากลงมาตั้งเมืองธนบุรีเป็นราชธานี ครั้งนั้นเหมาะแก่ประโยชน์ทุกอย่าง ถ้าหากว่าสมเด็จพระอดีตมหาราชได้มาขับไล่เจ้าตากมิให้ตั้งอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา ก็ขับไล่ด้วยไมตรีจิต 
    ตักเตือนมิให้พลาดพลั้งไปด้วยเห็นแก่เกียรติยศ เพราะกรุงศรีอยุธยาถึงเป็นที่มีชัยภูมิด้วยลําน้ำล้อมรอบ และเป็นเมืองมีป้อมปราการมั่นคงก็จริง 
    แต่รี้พลของเจ้าตากที่มีอยู่ไม่พอจะรักษากรุงศรีอยุธยาต่อสู้ข้าศึก และขณะนั้นศัตรูก็ยังมีมาก ทั้งพม่าและไทยก๊กอื่นอาจจะยกมาย่ำยีในเมื่อหนึ่งเมื่อใด 
    กรุงศรีอยุธยาอยู่ในทางที่ข้าศึกจะมาถึงได้สะดวกทั้งทางบกและทางน้ำ 
    ถ้ามีกําลังไม่พอรักษา ขืนตั้งอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาก็คงเป็นอันตราย การที่ลงมาตั้งอยู่เมืองธนบุรี ก็ไม่ห่างไกลกับกรุงศรีอยุธยา 
    มีอํานาจอยู่ที่เมืองธนบุรี ก็เหมือนมีอํานาจอยู่ในกรุงศรีอยุธยา แต่ได้เปรียบที่เมืองธนบุรี ตั้งอยู่ที่ลําน้ำลึกใกล้ทะเล แม้ข้าศึกมาทางบก ไม่มีทัพเรือเป็นกําลังด้วยแล้ว ก็ยากที่จะมาตีเมืองธนบุรี...”
    ภายหลังเมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงปราบชุมนุมต่างๆ แล้ว พระองค์ได้ทรงสถาปนาเมืองธนบุรีขึ้นเป็นราชธานีแห่งใหม่ 
    ทรงสร้างพระราชวังขึ้นทางทิศใต้ของกรุงธนบุรี ขนาบข้างด้วยวัดแจ้ง หรือวัดมะกอก (ปัจจุบันคือ วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร) และวัดท้ายตลาด (ปัจจุบันคือวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร) เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๓๑๓ พระราชทานนามว่า “กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร”
    ครับ....
    ถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์ จะทราบว่าวงศ์พระเจ้าตากกับวงศ์จักรี ทั้งเลือดเนื้อหลอมเป็นเชื้่อวงศ์เพื่อชาติเดียวกัน 
    ที่มีบันทึกทางขัดแย้งนั้น 
    เป็นวิเทโศบายยกอ้างไร้หลักฐานเชิงประจักษ์ ซึ่งลูกหลานไทย ณ ปัจจุบัน ศึกษาค้นคว้าเชื่อมโยงเหตุการณ์ประกอบหลักฐานประจักษ์ ชัดว่า    
    ว่า ๒ ราชธานี ณ ๒ ฝั่งเจ้าพระยา
    "ธนบุรี-รัตนโกสินทร์"
    คืออมรินทรบุรีแห่งชาติวงศ์องค์พระผ่านฟ้าวงศ์พระเจ้าตากแลราชจักรีวงศ์ คือไผ่ทองร่วมกอ-หน่อคำร่วมต้น แตกแขนงได้ แต่สายพันธุ์ไม่แตก
    อีกเรื่องหนึ่ง.......
    มิใช่เฉพาะเมืองไทยที่เป็น "ปัญหาโลกแตก"
    นั่นคือ ปัญหาประชาชน ไม่มีที่ดินทำมาหากินเป็นของตัวเอง!
    ผมอยากให้ "อดทน" อ่านนี่ก่อน ไม่สนุุกก็จริง แต่นี่แหละ คือคำตอบสำหรับบางคนที่ตั้งคำถามเชิงอคติกับสถาบัน
    คุณ "อึ้งเอียะซือ มารน้อยบูรพา" โพสต์ข้อความไว้ ดังนี้
     "มูลนิธิภูบดินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์" 
    สืบเนื่องต่อยอดมาจาก โครงการสาละวะ ไล่โว่ ที่มี "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" และ "สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา" เป็นองค์ประธานที่ปรึกษาของโครงการ 
    โดยมี "สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา" เป็นองค์กรรมการที่ปรึกษา 
    ปัจจุบันโครงการนี้ได้จดทะเบียนเป็น "มูลนิธิภูบดินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์" เป็นที่เรียบร้อย
    สืบสาน รักษา และต่อยอด จากสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวง ได้เคยริเริ่มและพัฒนามาทั้งสิ้น     ปณิธาน สืบสานรักษาและต่อยอด บ่งบอกได้ชัดเจนถึงความดีในหัวใจ พสกนิกรชาวไทยเรานี้ช่างโชคดีที่มีในหลวง ร.10 เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา 
    และยังมี "สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ" องค์ราชินี เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา เคียงคู่พระราชบัลลังก์
    เมื่อวันนี้ ของวันศุกร์ที่ ๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี 
    ได้ลงประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้ง "มูลนิธิภูบดินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์" ความว่า
    ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร
    เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิภูบดินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ 
    ด้วย พลอากาศเอกสถิตย์พงษ์ สุขวิมล ผู้รับมอบอำนาจ ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิภูบดินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ต่อนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร 
    มีใจความสำคัญตามข้อบังคับของมูลนิธิ ดังนี้ 
    ๑.มูลนิธิชื่อ มูลนิธิภูบดินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ 
    ๒.วัตถุประสงค์ของมูลนิธินี้ คือ
    ๒.๑ เพื่อช่วยเหลือ ส่งเสริม และพัฒนาความเป็นอยู่ให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตพื้นที่ที่ดินของรัฐทุกประเภท     อาทิ เช่น ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าไม้ถาวร ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย ป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ราชพัสดุ หรือที่สาธารณประโยชน์ ฯลฯ 
    ซึ่งมีการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากทางราชการเป็นไปตามระเบียบ และข้อกฎหมายของพื้นที่นั้นๆ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถดำรงชีพสอดคล้องกับวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และประเพณี ตามวิถีชุมชนท้องถิ่น และเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ
    ๒.๒ ส่งเสริมชุมชนให้มีการจัดการ ใช้ประโยชน์ และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ชุมชนอย่างยั่งยืนสอดคล้องกับวิถีชีวิต
    ๒.๓ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และประสานงานหน่วยงาน องค์กร ภาคเอกชน และประชาชนที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาชุมชนที่เหมาะสม
    ๒.๔ ดำเนินการ หรือร่วมมือกับองค์กรการกุศล และองค์กรสาธารณประโยชน์ เพื่อสาธารณประโยชน์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชุมชนที่เหมาะสมในพื้นที่ดังกล่าว
    ๒.๕ ดำเนินกิจกรรมอื่นใดที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม หรือโปรดให้ดำเนินการตามที่มีพระราชดำริเห็นสมควร
    ๒.๖ ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด 
    ๓.สำนักงานใหญ่ของมูลนิธิ ตั้งอยู่ที่สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ฯ พระที่นั่งอัมพรสถาน แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 
    ๔.ทรัพย์สินของมูลนิธิมีทุนเริ่มแรก คือเงินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน จำนวน ๑๐,๒๗๔,๒๑๖ บาท (สิบล้านสองแสนเจ็ดหมื่นสี่พันสองร้อยสิบหกบาทถ้วน) 
    ๕.การจัดการของมูลนิธิในวาระเริ่มแรก มีคณะกรรมการดำเนินงานดังรายนามต่อไปนี้
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์ประธานที่ปรึกษา
    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี องค์ประธานที่ปรึกษา
    ๕.๑ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา องค์ประธานกรรมการ
    ๕.๒ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รองประธานกรรมการ
    ๕.๓ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท รองประธานกรรมการ
    ๕.๔ พลอากาศเอกสถิตย์พงษ์ สุขวิมล รองประธานกรรมการ และ..ฯลฯ......
    นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งรับจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิรายนี้แล้ว เลขทะเบียน ลำดับที่ กท ๓๒๐๗ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๔
    ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
    ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๔
    ฉัตรชัย พรหมเลิศ
    ปลัดกระทรวงมหาดไทย
    นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร
    สรุปคือ....
     ฟ้าทรงโปรดพวกเราคนยาก-คนจนแล้วครับ!
    ต่อไปนี้ ใครที่ไม่มีที่ดินทำกิน หรืออยู่ในที่หวงห้าม หมดทุกข์ หมดโศก กันซะที
    "พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "รัชกาลที่ ๑๐ ทรงลงมาอุ้มชู-ดูแลแล้วครับ!
    คุณ "อรรถจิต" จับประเด็นความให้ทราบชัดๆ ดังนี้
    รัชกาลที่ ๑๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้ง "มูลนิธิภูบดินทร์" ในพระบรมราชูปถัมภ์พระองค์ท่าน
    เพื่อเหล่าพสกนิกรของพระองค์ท่าน ที่เป็นคนไทยทั่วทั้งประเทศไทย ที่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน หลายสิบล้านคน 
    เพื่อช่วยเหลือ ส่งเสริม พัฒนาความเป็นอยู่ให้กับเหล่าพสกนิกรของพระองค์ท่าน ทุกๆ หมู่เหล่าทั่วทั้งประเทศไทย 
    ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้มีความมั่นคง มั่งคั่งในที่ดินที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน 
    ไม่ต้องหวาดระแวง ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐจะมากลั่นแกล้งหรือแจ้งความว่า บุกรุกที่ดินของรัฐอีกต่อไป  
    ทางมูลนิธิภูบดินทร์จะดำเนินการ ช่วยเหลือ ส่งเสริม และพัฒนาความเป็นอยู่ของเหล่าพสกนิกรของพระองค์ท่านที่เป็นคนไทยทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ที่อยู่อาศัยทำกินในที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ 
    คือ อาศัยทำกินในที่ดินของรัฐทุกประเภท เช่น ที่ดินเขตทหาร ที่ดินเขตป่าสงวน ที่ดินเขตป่าไม้เสื่อมโทรม ที่ดินป่าไม้ถาวร ที่ดินป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย ที่ดินราชพัสดุ ทั่วประเทศไทย  
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ...ขอพระองค์ทรงพระเจริญ...ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
    ทหารของพระราชา รายงาน (ประกาศ)
    https://youtu.be/cvcvdTWsF_A
    ................................................
    คนจนมีสิทธิ์มั้ยครับ?
    คำถามนี้ เป็นโคตรมรดกตกทอดที่ไม่มีคำตอบ
    แต่บัดนี้ ด้วยพระเมตตาบารมี 
    ด้วยน้ำพระทัยแห่งในหลวง รัชกาลที่ ๑๐ ทรงเล็งเห็นความทุกข์ยากพสกนิกรของพระองค์ ในส่วนที่ไร้ที่อยู่-ที่ทำกิน
    พระเจ้าแผ่นดิน รัชกาลที่ ๑๐ ของเรา ทรงลงมาโอบอุุ้มแล้วครับ
    มูลนิธิ "ภูบดินทร์" แผ่นดินพระราชาทรงมอบให้อยู่-ให้ทำกิน "เกิดแล้ว"
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน.

คนปลายซอย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"