หมอเปรมสะดุ้ง ศาลสั่งขัง2เดือน ประกัน1.2แสน


เพิ่มเพื่อน    

    ศาลตัดสินจำคุก "หมอเปรม-เลขาฯ" คนละ 2 เดือนโดยไม่รอลงอาญา คดีจับนักข่าวแก้ผ้าในห้องทำงานหลังเกาะติดภาพหมั้นนักเรียน ม.5 ชี้จำเลยมีตำแหน่งอันทรงเกียรติ แต่ทำเสื่อมเสียร้ายแรง เพื่อให้เข็ดหลาบไม่เป็นเยี่ยงอย่าง แต่ให้ประกันด้วยหลักทรัพย์คนละ 1.2 แสนบาท ขณะเดียวกันศาลยังคงมีคำสั่งยกฟ้องในคดีที่ "หมอเปรม" ฟ้อง ส.ท.ฐานหมิ่นประมาทที่ยกป้ายไว้อาลัยอีกด้วย
    ที่ศาลจังหวัดพล อ.พล จ.ขอนแก่น เวลา 10.30 น.วันที่ 21 มิถุนายน ศาลได้มีคำสั่งนัดพิพากษาในคดีดำเลขที่ อ.1519/60 ในข้อหาอนาจารและความผิดต่อเสรีภาพ ระหว่างฝ่ายโจทย์ คือพนักงานอัยการจังหวัดพล กับนายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในฐานะโจทก์ร่วม กับฝ่ายจำเลยคือ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และว่าที่ ร.ต.บัวทอง โลขันธ์ อดีต เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ที่ห้องพิจารณาคดี 2 ชั้น 2 ศาลจังหวัดพล โดยที่ฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยได้เดินทางมารายงานตัวต่อศาลตามคำสั่ง ก่อนที่จะเดินขึ้นไปในห้องพิจารณาคดีทันที
     ทั้งนี้ ศาลจังหวัดพลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพในเขตอำนาจศาล และห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวหรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจดบันทึกหรือบันทึกเทปในช่วงของการอ่านคำพิพากษา 
    โดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลจังหวัดพลได้ใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนมีคำพิพากษาตัดสินจำคุก นพ.เปรมศักดิ์ และว่าที่ ร.ต.บัวทอง จำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามความผิดฐานกระทำอนาจารและความผิดต่อเสรีภาพ เป็นเวลา 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งทันทีที่องค์คณะผู้พิพากษาอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ ตำรวจศาลได้เข้าทำการควบคุมตัวนพ.เปรมศักดิ์และว่าที่ ร.ต.บัวทองไปในห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาบริเวณชั้นล่างของศาล เพื่อให้เจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์มารับตัวไปทำการคุมขังตามคำสั่งศาลทันที
    นายปกาญจน์ นพศรี ทนายฝ่ายโจทก์ กล่าวว่า คดีความดังกล่าวใช้เวลาในการดำเนินคดีมานานเกือบ 2 ปี ซึ่งต้องขอบคุณกระบวนการยุติธรรมของไทย ที่ได้ทำความจริงปรากฏ และนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษในครั้งนี้ ซึ่งเป็นคดีความที่ประชาชนให้ความสนใจทั้งประเทศ โดยมีโจทก์คือพนักงานอัยการจังหวัดพล กับ นายก่อสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้เสียหาย จากการที่ นพ.เปรมศักดิ์ และว่าที่ ร.ต.บัวทอง กระทำการแก้ผ้านายก่อสิทธิ์ ภายในห้องปฏิบัติราชการนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2559
    “การตัดสินจำคุก นพ.เปรมศักดิ์และว่าที่ ร.ต.บัวทองครั้งนี้ ศาลท่านให้เหตุผลว่า จำเลยที่ 1 และ 2 นั้นมีหน้าที่การงานที่ดี มั่นคง เป็นผู้นำท้องถิ่น และเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวกับผู้อื่นอีก อีกทั้งเพื่อให้เป็นตัวอย่างต่อสาธารณชน ศาลได้วิเคราะห์แล้วเห็นว่าโจทก์มีพยานเป็นผู้สื่อข่าว 5 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ใกล้ชิด มีการให้การที่สอดคล้องต่อเนื่องเป็นเหตุเป็นผล และไม่มีเรื่องโกรธแค้นกับจำเลยทั้ง 2 อีกทั้งไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีคู่แข่งทางการเมืองอยู่เบื้องหลังโจทก์ร่วมเพื่อกำจัดให้พ้นจากตำแหน่งตามที่ฝ่ายจำเลยกล่าวอ้าง" 
    "การกระทำของจำเลยทั้ง 2 เป็นการกระทำกรรมเดียว แต่ผิดหลายมาตรา ให้ลงโทษในมาตราที่มีอัตราโทษสูงสุดเป็นเวลา 2 เดือน ทั้งนี้ จำเลยเคยดำรงตำแหน่ง ส.ส.4 สมัย และได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ซึ่งเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติ ที่ต้องครองตนเป็นตัวอย่างแก่สังคม แต่กลับทำเรื่องเสื่อมเสียร้ายแรง เพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบ ไม่เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนทั่วไป ศาลจึงพิพากษาจำคุก 2 เดือนโดยไม่รอลงอาญา โดยในการตัดสินดังกล่าว ฝ่ายโจทก์เคารพและน้อมรับคำสั่งศาล ส่วนการจะยืนอุทธรณ์ของฝ่ายจำเลยนั้น เป็นสิทธิ์ที่จำเลยกระทำได้” ทนายโจทก์กล่าว
    ขณะที่นายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในฐานะโจทก์ร่วม กล่าวว่า ดีใจที่ศาลให้ความยุติธรรม และให้เป็นคดีตัวอย่างเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของสื่อมวลชน
    สำหรับคดีดังกล่าว เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค.2559 โดยผู้สื่อข่าวจาก 5 สำนักข่าวในจังหวัดขอนแก่น ประกอบด้วย นายก่อสิทธิ์ กองโฉม นายปราโมทย์ ศรีบุระ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 , น.ส.จิติมา จันพรม ผู้สื่อข่าวเครือเดอะเนชั่น, นายสุพล  บุญชื่นชม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชน/ข่าวสด และนายปรัชญา เทพสกุล ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์เคเคซีเคเบิล ทีวี ที่ได้ติดตามทำข่าว กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพทางโซเชียลมีเดีย เป็นภาพ นพ.เปรมศักดิ์นั่งคู่กับหญิงสาวชั้น ม.5 โดยที่ด้านหน้ามีพานใส่ธนบัตรจำนวนหนึ่ง และมีสำเนาทะเบียนรถยนต์เล่มสีน้ำเงินวางอยู่ 1 เล่ม พร้อมพระพุทธรูป โดยมีคนเฒ่าคนแก่กำลังผูกแขน คล้ายมีพิธีหมั้นหรือพิธีมงคลสมรสของภาคอีสาน 
    โดยผู้สื่อข่าวทั้งหมดได้ขอพบและสัมภาษณ์หมอเปรมภายในที่ทำการสำนักงานเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับหมอเปรมเป็นอย่างมาก หมอเปรมจึงได้วางแผนหลอกให้ผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สำนักเข้าไปภายในห้องทำงานของนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ เมื่อผู้สื่อข่าวทั้งหมดเข้าไปภายในห้องดังกล่าว กลับถูก หมอเปรมสั่งเจ้าหน้าที่เทศบาลซึ่งเป็นลูกน้องเก็บโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายภาพของผู้สื่อข่าวทั้งหมด พร้อมกับล็อกตัวผู้สื่อข่าว นสพ.เดลินิวส์ประจำ จ.ขอนแก่นแก้ผ้าประจาน
    ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พ.ค.2559 ผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สำนัก จึงเดินทางจึงแจ้งความเอาผิดกับหมอเปรม พร้อมพวกรวม 7 คน ที่ สภ.บ้านไผ่ ในข้อหา “ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับข่มขืนจิตใจ ให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการ และกระทำการอนาจารต่อหน้าธารกำนัล“ ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านไผ่ได้สรุปสำนวนคำฟ้องส่งให้กับอัยการจังหวัดพลเมื่อเดือน พ.ย.2559 
    ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ส.ค.60 อัยการจังหวัดพลได้มีความเห็นสั่งฟ้องเฉพาะ นพ.เปรมศักดิ์กับ ร.ต.บัวทอง เพียง 2 คนเท่านั้น ส่วนผู้ต้องหาอีก 5 คนที่ร่วมกันกระทำผิดกับหมอเปรม ทางอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า จากการตรวจสอบสำนวนที่ตำรวจเสนอมา พบว่าบางคนก็ไม่อยู่ในข่ายร่วมการกระทำกับหมอเปรม ขณะที่ฝ่ายโจทย์ที่ยื่นฟ้องหมอเปรมคือผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สำนักข่าวนั้น อัยการมีความเห็นว่าผู้สื่อข่าวจาก 4 สำนักไม่ใช่ผู้เสียหาย มีเพียงนายก่อสิทธิ์ที่โดนถอดกางเกงคนเดียวเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย อัยการจึงสั่งฟ้องในข้อหา "ข่มขืนใจ บังคับขู่เข็ญทำให้ตกใจกลัว และกระทำการอนาจารต่อหน้าธารกำนัล" 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาเสร็จสิ้น นพ.เปรมศักดิ์และว่าที่ ร.ต.บัวทองมีสีหน้าตกใจ ก่อนถูกตำรวจศาลคุมตัวไปไว้ที่ห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาชั้น 1 ของอาคารศาล เพื่อส่งมอบตัวให้กรมราชทัณฑ์ ในขณะที่ทีมทนายความได้ขอยื่นประกันตัว จำเลยที่ 1 และ 2 ต่อศาล จ.พลทันที
    ต่อมาศาลจังหวัดพลมีคำสั่งให้ประกันตัว นพ.เปรมศักดิ์และว่าที่ ร.ต.บัวทอง ในระหว่างการยื่นอุทธรณ์ในคดีดังกล่าว ด้วยหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินคนละ 120,000 บาท โดยที่ทีมทนายความของ นพ.เปรมศักดิ์ได้พาจำเลยที่ 1 และ 2 ออกจากศาลที่ประตูด้านหลังของศาลไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ให้สื่อมวลชนให้สัมภาษณ์หรือบันทึกภาพ  
    ขณะเดียวกัน ศาลจังหวัดพลยังคงมีการนัดอ่านคำพิพากษา ซึ่ง นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอาผิดกับ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองบ้านไผ่ จำนวน 10 คน คดีดำที่ อ.1395/60 ในคดีหมิ่นประมาท โดยศาลจังหวัดพลมีคำสั่งยกฟ้องในคดีดังกล่าว
    นายวัฒนาวุฒิ หอวิจิตร สมาชิกสภาเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ในฐานะจำเลย ในคดีหมิ่นประมาท ที่ นพ.เปรมศักดิ์ยื่นฟ้อง กล่าวว่า คดีความดังกล่าว นพ.เปรมศักดิ์ได้ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทและเรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาทกับ ส.ท.ที่ออกมาชูป้ายไว้อาลัยให้กับ ทม.บ้านไผ่ จาก 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือการที่ภาพหลุดกับนักเรียน ม.5 และการแก้ผ้าผู้สื่อข่าว ในฐานะที่พวกเรา 10 คนเป็น ส.ท.ที่ทำงานร่วมกับ นพ.เปรมศักดิ์ ทุกคนต้องรักษาภาพพจน์และเกียรติยศขององค์กร เพราะได้ปฏิญาณต่อสภาไว้แล้ว เราต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่
    "ศาลท่านพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการกระทำของ ส.ท.ทั้ง 10 คนเป็นการปกป้ององค์กร เป็นการชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ จึงมีคำสั่งยกฟ้องตามที่ นพ.เปรมศักดิ์ยื่นฟ้องพวกผม และการพิพากษาครั้งนี้ยืนยันถึงความยุติธรรมที่ยังมีอยู่ในโลก และในกระบวนการของศาล ใครจะมาโกหกชาวบ้าน มาโกหกหน้าด้านๆ เมื่อมาที่ศาลแล้วต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งหมด" นายวัฒนาวุฒิกล่าว. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"