สธ.ปรับเป้าฉีดวัคซีนเพิ่มป็น 60 ล้านคน หรือราว 90% ของประชากร คาดสิ้นปีทำได้ 119 ล้านโดส เด็ก3-11ปีไดัฉีดปีหน้า


เพิ่มเพื่อน    

 

4 ต.ค. 64  ที่กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์วัคซีนโควิด 19 และการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กนักเรียนโดย นพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์การฉีดวัคซีน หากตามแผนเดิมที่วางไว้ คือ ภายในสิ้นเดือนกันยายน 2564 ตั้งเป้าไว้ที่ 40 ล้านโดส โดยในวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้ได้รับวัคซีนแล้วทั้งหมด 55 ล้านโดส ซึ่งนับว่าได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ แยกเป็นเข็มที่1 จำนวน 33 ล้านคน หรือ 46%  เข็มที่ 2 จำนวน 20 ล้านคน หรือ 28.7% และเข็มที่3 จำนวน 1.4 ล้านคน หรือ 2% โดยจะเร่งฉีดเข็มที่ 1ภายใน 3 เดือนให้ได้มากที่สุด 

โดยในปี 2564 ได้มีการปรับเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ได้ 119 ล้านโดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 60 ล้านโดส เข็มที่ 2 จำนวน 52 ล้านโดส เข็มที่ 3 จำนวน 7 ล้านโดส และในปี 2565 ตั้งเป้าการฉีดอีก 86 ล้านโดส แบ่งเป็นเข็มที่1 กลุ่มคนที่ตกค้าง ในปี 2564 โดยเฉพาะในเด็กอายุ 3-11 ปี จำนวน 6 ล้านคน ที่มีการยื่นข้อมูลให้กับทางอย. เพื่อรับรองคุณภาพและความปลอดภัยในเด็ก คาดว่าไปเกินปีหน้าจะมีวัคซีนฉีดในเด็กกลุ่มนี้ ส่วนเข็มที่ 2  จำนวน 14 ล้านคน และในเข็มที่ 3 จำนวน 66 ล้านคน     

“สำหรับการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป กลุ่มเป้าหมายคือนักเรียน/นักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือ ปวช./ปวส. ทั้งในสังกัดรัฐและเอกชน รวมถึงนักเรียนต่างชาติ นักเรียน Home School แต่ในระยะแรกจะเป็นกลุ่มมัธยมศึกษาปีที่4-6 และจะมีการฉีดในพื้นที่ของโรงเรียน เป็นวัคซีนไฟเวอร์ที่จัดสรรมาจากการบริจาคล็อตแรก ซึ่งหลังจากเริ่มฉีดวัคซีนวันแรกที่รร.พิบูลอุปถัมภ์ สถานการณ์โดยรวมผ่านไปด้วยดี โดยขณะนี้ก็มีการรายงานการฉีดวัคซีนในชั่วโมงแรกเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งในจังหวัดกรุงเทพฯ พัทลุง พะเยา ขอนแก่น ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สุรินทร์ อำนาจเจริญ รวม 943 คน คาดว่าจะมีวัคซีนไฟเซอร์กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆจากการสั่งซื้อจำนวน 30 ล้านโดส และในอีก 2 สัปดาห์จะมีวัคซีนเข้าประเทศอีก 3 ล้านโดส” นพ.โอภาส ระบุ

    นพ.โอภาส กล่าต่อว่า โดยทั่วไปจะมีการพบผู้ที่กล้ามเนื้อหรือเยื้อหุ้มหัวใจอักเสบอยู่ที่ 10-20 คนต่อ1 แสนคนต่อปี แต่การฉีดวัคซีนชนิด  mRNA ทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นา พบอาการข้างเคียงคือ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเยื้อหุ้มหัวใจอักเสบเพิ่มมากขึ้นในเด็กผู้ชายมากกว่าผู้หญิงอายุ 12-17 ปี ประมาณ 6 คนต่อ 1 แสนคน ซึ่งในไทยหลังจากที่มีการฉีดวัคซีนให้เด็กในพื้นที่สีแดงเข้มจำนวน 1.3 แสนคน พบอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ 4 คน โดยเฉพาะในเข็มที่ 2 หลังจากฉีดไปแล้ว 2-5 วัน  แต่ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรงหายเองได้ แต่ก็มีที่ต้องเข้ารับการรักษา ซึ่งจะมีอาการที่บ่งบอกคือ แน่นหน้าอก หายใจหอบเหนื่อย ใจสั่น บางรายอาการหนักก็จะหมดสติหรือหัวใจวายได้ 

อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีการรับฟังคำแนะนำจากราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ว่าในเด็กผู้หญิงให้ฉีด 2 เข็ม ส่วนในเด็กผู้ชายให้ฉีด 1 เข็มก่อน เนื่องจากข้อมูลทางระบาดในต่างประเทศระบุว่าผลข้างค้างเคียง กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจะพบในเด็กผู้ชายมากกว่า ในเบื้องต้นในช่วงสัปดาห์ที่เว้นระยะฉีดเข็มที่2 อาจจะมีการรวบรวมข้อมูลกันอีกครั้ง แต่ในเด็กผู้หญิงฉีดปกติ 2 เข็ม ซึ่งในภาพรวมคณะผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าประโยชน์ของการฉีดวัคซีนจะมีมากกว่าผลข้างเคียง เพื่อป้องกันโควิด19 

เมื่อถามถึงกรณีการปิดโรงเรียนแล้วจะทำให้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดหรือติดเชื้อเพิ่มขึ้น นพ.โอภาส กล่าวว่า โรงเรียนนับว่าเป็นอีกจุดที่อาจจะเกิดการติดเชื้อ ดังนั้นจึงต้องมีการกำหนดมาตรการ เช่น การจัดสถานศึกษาให้อากาศถ่ายเท เว้นระยะห่าง การกำหนดตรวจ ATK รวมไปถึงครูและบุคลากรทางการศึกษาจะต้องได้รับการฉีดวัคซีน 100% ซึ่งในขณะนี้ตัวเลขอยู่ 80% นักเรียนที่ได้รับวัคซีนเพื่อป้องกันการป่วยรุนแรง

ด้านสถานการณ์โควิด19 นพ.โอภาส กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อวันนี้จำนวน  9,930 คน ผู้เสียชีวิตจำนวน 97 คน และผู้หายป่วยอยู่ที่ 12,336 คน ในขณะที่ผู้ป่วยหนักมีจำนวน 700 คน ซึ่งมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่มีผู้ป่วยลดลงอย่างต่อเนื่องพบผู้ติดเชื้อในวันนี้เพียง 1,000 คน ส่วนในต่างจังหวัดภาพรวมผู้ป่วยก็มีจำนวนลดลงไปอย่างช้าๆ แต่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงพบผู้ติดเชื้อถึง 1,968 คน หรือ 21% ของผู้ติดเชื้อทั้งประเทศ โดยมีการวางมาตรการดูแลและเร่งการฉีดวัคซีนเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น ทั้งนี้  แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆในหลายพื้นที่ แต่ก็ยังคงต้องรักษามาตรส่วนส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"