โควิดเริ่มเกิดขึ้นและระบาดไปทั่วโลก ตั้งแต่ พ.ศ. 2562 จนถึงวันนี้ ความรุนแรงค่อยๆ ทวีขึ้นตามลำดับ หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อน ทุกคนต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าสารพันที่เกิดขึ้น วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงไป หลายคนต้องอยู่บ้านมากขึ้นเนื่องจากมาตรการอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ เพิ่มเป็นเคอร์ฟิว จนถึงล็อกดาวน์ ราวกับเวลาถูกโควิดพรากไปหรือทำให้สะดุดหยุดอยู่ ผู้ใหญ่ต้องทำงานที่บ้าน เด็กต้องเรียนหนังสือออนไลน์ สั่งอาหาร สั่งสินค้าออนไลน์ เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเผชิญเหมือนกันทั้งโลก ไม่ว่ายากดีมีจนก็ต้องเผชิญเหมือนกันหมด
ผมเป็นคนชีพจรลงเท้า ไม่ชอบอยู่กับที่ อยู่นิ่งๆ นานๆ ก็อึดอัด นั่งทำงานอยู่กับโต๊ะทำงานทั้งวันไม่ค่อยจะเป็นกับใครเขา ไปรับราชการเป็นตำรวจก็ดูจะถูกโฉลก เพราะนั่งโต๊ะทำงานเอกสารได้สักครึ่งวัน ก็ออกไปตรวจท้องที่ ทำอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่เป็นผู้น้อยจนเป็นผู้ใหญ่ ได้มีโอกาสไปตรวจท้องที่ทั่วประเทศไทย เมื่อได้โอนย้ายไปรับราชการพลเรือนเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีก็ยิ่งดีใหญ่ ได้กำกับกองตรวจราชการ ต้องไปตรวจไปเร่งรัดการปฏิบัติงานต่างๆ ทั่วประเทศ เสียดายที่อยู่ได้เพียงปีเดียวก็เกษียณอายุราชการ หลังจากนั้นผมก็เดินทางท่องเที่ยวในฐานะประชาชนเต็มขั้น ได้บำนาญที่หลวงให้มาเป็นค่ารถค่าเรือค่ากินค่าอยู่ในการเดินทาง เกษียณมา 5 ปี ก็มีเรื่องออกจากบ้านออกเที่ยวมาตลอด ไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้รับความกรุณาจากกัลยาณมิตร เพื่อนพ้องน้องพี่ ทั้งในและนอกประเทศให้ความอนุเคราะห์แนะนำที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารการกิน ก็ตะลอนไปทั่ว เป็นประสบการณ์เอาไว้พูดคุยกับเพื่อนกับฝูงได้พอสมควรในทุกเรื่องทุกราว ทั้งเรื่องประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม พิพิธภัณท์ ดนตรี สถานที่ท่องเที่ยว มรดกโลก อาหารการกิน สตรีตฟู้ด สวนสาธารณะ ดอกไม้ใบหญ้า ฯลฯ
ผมวางแผนการเดินทางไปท่องเที่ยวไว้เป็นแบบตารางล่วงหน้า เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน เป็นปี ถ้าเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็จะไปพักค้างคืนจังหวัดใกล้ๆ ขับรถไปสัก 3 ชั่วโมง เช่น เขาใหญ่ พัทยา หัวหิน อุทัยธานี ไปนอนค้างสักคืนสองคืน ไปเยี่ยมเยียนเพื่อนๆ เที่ยวชมสถานที่ต่างๆ แวะชิมอาหารอร่อยเก่าแก่ประจำถิ่น นำมาเป็นข้อมูลบอกเล่าเก้าสิบเพื่อนๆ ต่อ แล้วก็กลับบ้านที่กรุงเทพฯ ถ้ามีวันหยุดหลายวันก็ขึ้นเครื่องบินเดินทางไปต่างจังหวัดไกลหน่อย ที่ชอบไปเป็นประจำ หน้าหนาวก็ไปภาคเหนือ เชียงราย น่าน ภาคอีสานไปอุบลราชธานี เลย หน้าร้อนไปภาคใต้ สุราษฎร์ธานี สงขลา ภูเก็ต หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามอัธยาศัย รวมทั้งเดินทางไปต่างประเทศในบางโอกาส โดยจองตั๋วเครื่องบินเดินทางล่วงหน้านานๆ เพราะจะได้ราคาถูก แต่สถานการณ์โควิดทำให้แผนการเดินทางต้องปรับเลื่อนออกไปหมด ตอนนี้มีตั๋วที่เลื่อนการเดินทางเต็มไปหมดจนจำไม่ได้แล้ว บางครั้งก็คิดว่าถ้าสถานการณ์ดีขึ้นเริ่มเดินทางได้จะไปไหนก่อนหลังดี ดีที่โรงแรมที่จองไว้ล่วงหน้าเหมือนกันยอมให้ยกเลิกได้ คิดว่าหลายๆ คนคงมีปัญหาเรื่องตั๋วเครื่องบินเช่นเดียวกัน ก็ขอให้ค่อยคิดค่อยอ่านเตรียมการเดินทางกันใหม่เมื่อฟ้าเปิดเดินทางได้
เรื่องการงานของผม ประชุมบ้าง ให้คำปรึกษาบ้าง ส่วนใหญ่ไม่ต้องไปทำทุกวัน ช่วงโควิดนี้ก็ต้องประชุมออนไลน์ผ่านระบบ Microsoft Zoom ต้องมาทำความคุ้นเคยกับเครื่องไม้เครื่องมือ ไม่ว่าคอมพิวเตอร์ หรือ Social Media ต่างๆ มากขึ้น จากปกติถึงมีอีเมลก็ไม่ค่อยได้ดูเพราะมีส่งมาจากทั่วสารทิศ จากที่เคยไปกรอกไปบอกข้อมูลอะไรไว้ที่ไหน ทั้งแบงค์ โรงพยาบาล ร้านค้า ทั้งหลักสูตรต่างๆ ที่เคยเรียนมา ก็ส่งเมลอะไรต่อมิอะไรมาเต็มไปหมดทั้งวัน ตอนนี้ที่ดูประจำวันทุกเช้าก็คือ Line เพื่อนฝูงกลุ่มต่างๆ ทักทาย Good Morning Happy Brithday กันทั้งวัน และส่งสารพัดข่าวสารบ้านเมือง ทั้งดีทั้งร้าย ทั้งบันเทิงและไม่บันเทิง บางทีก็วิวาทะ จนผมต้องเป็นพระเตมีย์ใบ้คอยส่องอย่างเดียว ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอะไร ด้วยเกรงว่าจะเสียเพื่อนที่รักกันอย่างที่เห็นมีปรากฏเนืองๆ
ในสถานการณ์โควิดอย่างนี้ผมก็ต้องจัดตารางชีวิตประจำวันใหม่ บอกเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนถามทำไมต้องซีเรียสขนาดนั้น ก็ตอบเพื่อนไปว่ามันคงติดเป็นนิสัยตั้งแต่เด็ก เป็นลูกคนโต ต้องช่วยแม่ทำงานบ้าน เลี้ยงน้อง ดูหนังสือ และเล่นส่วนตัว (ตารางใช้คำว่าสันทนาการ) ก็เลยเขียนตารางการปฏิบัติไว้เป็นประจำตั้งแต่เรียนชั้นประถมปลาย และก็ทำเรื่อยมาจนทุกวันนี้ ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำมาตลอด กำหนดเป็นกรอบเวลาไว้ ตื่นเช้าตีห้า ดูข่าว เช็ก Email Facebook YouTube Twitter หกโมงเช้าออกไปเดินหรือขี่จักรยาน 1 ชั่วโมง (ฟังข่าววิทยุด้วย) เจ็ดโมงเข้าห้องน้ำทำภารกิจส่วนตัว แปดโมงดื่มกาแฟ เก้าโมงเริ่มงาน (นัดหมาย ประชุม เขียนหนังสือ) เที่ยงทานอาหารกลางวัน บ่ายก็เริ่มแบบช่วงเช้าอีกครั้ง เลิกงานสี่โมงเย็น ลงสวนทั้งสวนไม้ใบ สวนกระบองเพชร ห้าโมงเย็นทานอาหารเย็น หนึ่งทุ่มขึ้นอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนชุดนอน ดูทีวี Netflix YouTube รายการกีฬา รายการต้นไม้ใบหญ้า สี่ทุ่มเข้านอน หมดไปแล้ว 1 วัน
ระหว่างรอวันที่เดินทางได้ ผมก็เข้า Facebook ดูเพื่อนๆ พาไปเที่ยวทิพย์ตามสถานที่ต่างๆ ไปพลางๆ ก่อน ส่องโพสต์เรื่องราวต่างๆ ของเพื่อนๆ ไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องนก เรื่องไม้ ทำบุญ โควิด เพลินไปวันๆ วันดีคืนดีก็ลองโพสต์เรื่องราวใกล้ตัวลงไปให้เพื่อนอ่านแลกเปลี่ยนบ้าง เพื่อนคนหนึ่งเห็นเรื่องที่โพสต์ก็ถามว่ามีเวลาไหม เขียนส่งมาให้พิมพ์สักสัปดาห์ละครั้งได้ไหม รีบตอบรับคำไปอย่างรวดเร็ว (กลัวเพื่อนจะเปลี่ยนใจ) เพราะชอบอ่านหนังสือ ติดนิยายตั้งแต่เด็กตอนตามแม่ไปทำผมที่ร้านเสริมสวย เป็นแฟนคอลัมน์นิสต์ต่างๆ และนักเขียนหลายท่าน เช่น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายสมัคร สุนทรเวช พล.ต.อ.วศิษฐ เดชกุญชร และหม่อมถนัดศรี ฯลฯ และเรื่องสั้นต่วยตูน รู้สึกชอบและอยากเขียนหนังสือให้คนอ่านบ้าง โอกาสมาถึงช่วงโควิด ใครว่าโควิดมีแต่เรื่องไม่ดี บางครั้งก็มีเหตุให้เกิดสิ่งดีๆ ก็เป็นได้
คืนนั้นไม่ได้นอนสี่ทุ่มตามปกติ ตื่นเต้นนอนไม่หลับ ต้องลุกขึ้นมาเขียนอะไรต่อมิอะไรบันทึกไว้กันลืม ภาษาวัยรุ่นก็ต้องบอกว่ามัน Hot จริงๆ เพราะถามเพื่อนไปว่าจะให้เขียนอะไร ก็ได้รับคำตอบเป็นการบ้านให้ไปคิดชื่อคอลัมน์มาเอง ลงสัปดาห์ละครั้ง เรื่องที่เขียนจะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ให้ลองเขียนมา แต่อย่าซ้ำเรื่องร้านอาหารการกิน เพราะมีคนเขียนอยู่แล้ว (นึกในใจว่า เป็นเรื่องที่อยากเขียนมากที่สุดเพราะสะสมวิทยายุทธเรื่องร้านอาหารการกินมาแล้ว 50 ปี ทั่วประเทศไทย) คืนนั้นตกลงได้ชื่อคอลัมน์ ได้นามปากกา ได้พล็อตเรื่องราวต่างๆ มาหลายเรื่อง เคยอ่านข้อแนะนำในการเขียนให้เขียนเรื่องที่เรารู้ คิดถึงคนหรืออะไรใกล้ตัวก่อน ดังนั้นความคิดก็พรั่งพรูมาทันที แต่ไม่ถึงกับเก็บไปฝัน
ผมเป็นเด็กข้างวัด บ้านอยู่ฝั่งธน ตำบลบางแค เรียนหนังสือโรงเรียนวัดทั้งชั้นประถมและมัธยม เด็กๆ ไม่ชอบเรียนหนังสือ ชอบเล่นแต่ฟุตบอลกับไปเที่ยว เสาร์อาทิตย์ติดรถทัวร์นำเที่ยวไปเที่ยวต่างจังหวัดเกือบทุกจังหวัด เมื่อเรียนจบไปรับราชการที่ต่างจังหวัดและกลับมาส่วนกลางที่กรุงเทพฯ รับราชการเป็นตำรวจ 39 ปี ตั้งแต่รองสารวัตรจนเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จนปีที่ 40 โอนย้ายไปเป็นข้าราชการพลเรือนตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และเกษียณอายุราชการ แต่ก็ยังทำงานกับภาคเอกชน กับองค์กรการกุศต่อ ช่วงรับราชการมีโอกาสไปราชการบ้างไปเที่ยวส่วนตัวบ้างครบทุกจังหวัดในประเทศ เป็นพวกชีพจรลงเท้าอย่างที่บอกไว้ตอนต้น รักการเดินทาง ยังหวังว่าจะได้มีโอกาสเดินทางไปสถานที่สำคัญอันเป็นมรดกโลกทั่วโลกให้มากที่สุด ที่กล่าวมาก็คงเป็นประสบการณ์ (เพื่อนชมเสมอว่ารู้ทุกเรื่อง ยกเว้นงานในหน้าที่) มาเล่าในคอลัมน์ “คุยเอกอัง ฟังเอกเล่า” ในตอนต่อๆ ไป
อารัมภบทที่มาที่ไปของ “คุยเอกอัง ฟังเอกเล่า” ก็เป็นมาอย่างนี้ อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะครับ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |