4ต.ค.64- คณะกรรมการเด็กปฐมวัย เตรียมชง ห้ามการสอบเข้า ป.1 เหตุเด็กระดับอนุบาลควรพัฒนาด้านกล้ามเนื้อ จิตใจ อารมณ์ และสังคมมากกว่าการอัดแน่นวิชาการ อีกทั้ง โควิดยัฃส่งผลการเรียน ทำได้ไม่เต็มที่ หากมีการจัดสอบจะเป็นการทำร้ายเด็กมากเกินไป ทดลองก่อน 1ปี นำร่องปี 65 พร้อมรายงานให้ศบค.รับทราบด้วย
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเด็กปฐมวัย ครั้งล่าสุด คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายของเด็กปฐมวัยได้มีการศึกษากรณีเด็กปฐมวัยจะเลื่อนชั้นขึ้นในระดับประถมศึกษาปีที่ 1 นั้น ไม่ควรให้มีการจัดสอบเกิดขึ้น เนื่องจากคณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายฯ มองว่าเด็กปฐมวัยควรจะมีความพร้อมด้านร่างกายด้านกล้ามเนื้อ จิตใจ และอารมณ์ทางสังคมมากกว่าการบังคับให้สอบตามรายวิชา เพื่อใช้เลื่อนชั้น อีกทั้ง สถานการณ์ในขณะนี้เรากำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ส่งผล ให้ไม่ได้จัดการเรียนการสอนที่โรงเรียน ดังนั้นที่ประชุมจึงมีข้อสรุปให้มีการทดลอง 1 ปี ซึ่งจะเริ่มนำร่องทดลองในปีการศึกษา 2565 โดยจะห้ามให้มีการจัดสอบด้วยการกำหนดข้อสอบที่เป็นเนื้อหาด้านวิชาการในระดับเด็กปฐมวัยเพื่อเลื่อนชั้นขึ้น ป.1 ทุกสังกัด ซึ่งจะต้องไม่มีการสอบเกิดขึ้น
"ทั้งนี้ ศธ.จะนำเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รับทราบด้วย เนื่องจากเราจะต้องอ้างอิงสถานกาณ์โควิด ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนอย่างเต็มที่ หากมีการจัดสอบที่อัดแน่นด้วยเนื้อหาวิชาการจะเป็นการทำร้ายเด็กมากเกินไป"นางสาวตรีนุชกล่าว
นางสาวตรีนุช กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในการประชุม ยังมีการหารือจัดตั้งสำนักเด็กปฐมวัยขึ้นเป็นหน่วยงานหนึ่งในสำนักงานสภาการศึกษา (สกศ.) เนื่องจากมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาเด็กปฐมวัย มาตั้งแต่ปี 2562 พร้อมกับมีคณะกรรมการพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รวมถึงมีการทำงานด้านเด็กปฐมวัยที่ต้องเชื่อมโยงกับ 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และหน่วยงานอื่นๆที่จัดการศึกษาเด็กปฐมวัย ซึ่งทำให้แผนงานด้านเด็กปฐมวัยกว้างมากขึ้น แต่บุคลากรและองคาพยพที่ดูแลงานด้านดังกล่าว มีจำนวนไม่เพียงพอในการขับเคลื่อนการทำงาน ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้มีการปรับโครงสร้าง สกศ.โดยการจัดตั้งสำนักเด็กปฐมวัยขึ้นให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อดูแลการศึกษาปฐมวัยทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นแผนการศึกษา สมรรถนะครู และสมรรถนะของสถานศึกษาเด็กปฐมวัย ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนงานเด็กปฐมวัยเป็นระบบมากขึ้น