"ปชป.-พรรคกล้า" จี้ผู้ว่าฯ กทม.สั่งเจ้าหน้าที่เร่งลอกท่อระบายน้ำ-ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ป้องกันน้ำท่วมขัง หวั่นซ้ำรอยปี 54 "เพื่อไทย" จ่อแฉ "สทนช." บริหารงบ บริหารจัดการน้ำเหลว ปีนี้ปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าปี 54 แต่ทำน้ำเอ่อท่วม อดีต รมต.ก๊วนยิ่งลักษณ์รำลึกความหลัง อวยแผนจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านหากทำสำเร็จปีนี้น้ำไม่ท่วม จวก "ประยุทธ์" รวบอำนาจทำให้แก้ปัญาหาได้ล่าช้า 
    เมื่อวันอาทิตย์ ฝ่ายการเมืองวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลอย่างกว้างขวาง โดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำท่วมขังเป็นเวลานานเมื่อฝนตก  นอกจากบางพื้นที่จะมีสภาพเป็นแอ่งกระทะที่น้ำท่วมขังง่ายเป็นกรณีพิเศษแล้ว ยังพบว่าหลายปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีการลอกท่อระบายน้ำเท่าที่ควร ทำให้เกิดน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน เพราะน้ำไหลไม่สะดวก จึงขอฝากผู้ว่าฯ กทม. ช่วยเร่งรัดการลอกท่อระบายน้ำเป็นการเร่งด่วน ทำให้การระบายน้ำรวดเร็วขึ้นเพื่อทำให้ความเดือดร้อนของชาวบ้านลดน้อยลง นอกจากนั้นฝากผู้ว่าฯ กทม.ช่วยกวดขันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตามประตูระบายน้ำต่างๆ ต้องเปิด-ปิดประตูระบายน้ำให้ทันสถานการณ์ ไม่ควรปล่อยให้เกิดเหตุการณ์กุญแจเปิด-ปิดประตูน้ำหายจนทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้างหลายพื้นที่ 
    นายเอกชัย ผ่องจิตร์ เลขานุการกลุ่ม กทม. พรรคกล้า กล่าวว่า ประชาชนมีความวิตกกังวลใจเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดของภาคกลาง เกรงว่าจะส่งผลต่อเนื่องมาถึงกรุงเทพฯ ในไม่ช้า เหมือนครั้งเมื่อปี 2554 จึงขอวิงวอนถึงท่านผู้ว่าฯ กทม. สั่งการ กำชับ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าเร่งดำเนินการให้ได้เห็นผลจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลอกท่อ การติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และมีเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชม. 
    นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในสัปดาห์หน้าตนจะออกมาแฉว่า สทนช.เอางบไปบริหารจัดการอย่างไร และจะเกี่ยวข้องไปถึงเรื่องที่พรรคพลังประชารัฐขัดแย้งกับพรรคประชาธิปัตย์ด้วย น้ำท่วมวันนี้สาหัสไม่แพ้ปี 54 แต่กรมอุตุนิยมวิทยากลับไม่มีการแจ้งเตือน เพราะอธิบดีที่ตนเรียกว่าอธิบดีเสเพลไม่จัดการอะไร ความรู้ทางอุตุฯ เป็นศูนย์ จะนำข้อมูลเหล่านี้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร รวมไปถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตรวจสอบ
    นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การบริหารงานแบบรวมศูนย์อำนาจทำให้การบริหารจัดการน้ำล้มเหลวจนทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในลุ่มน้ำเจ้าพระยา จึงเสนอให้รีบผันน้ำลงอ่าวไทยและเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมขัง บ้านเรือน ทรัพย์สินเสียหาย ปีนี้ปริมาณน้ำฝนที่ตกมีน้อยกว่าปี 2554 แต่เพราะการบริหารจัดการน้ำล้มเหลวส่งผลให้เกิดน้ำเอ่อล้นบ้านเรือน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์มีโอกาสไปตรวจดูน้ำท่วมที่นนทบุรี แต่บรรยากาศกลับเหมือนมาหาเสียง จัดกองเชียร์มาชูป้ายถ่ายภาพสนุกสนาน ถามว่าประเทศชาติได้อะไรกับการลงพื้นที่ของนายกฯ ในวันนั้น
    นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกฯ และอดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กำกับดูแลงานของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กบอ.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ และอดีต รมว.คลัง และนายจักรพล แสงมณี ที่ปรึกษาอดีต รมว.คลัง ร่วมแลกเปลี่ยนพูดคุยในคลับเฮาส์ หัวข้อ "น้ำท่วม 64 กับ 10 ปีที่สูญเปล่า" ถอดบทเรียนการบริหารจัดการน้ำท่วมในปี 2554 ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยนายปลอดประสพกล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบันถือว่ายังไม่รุนแรง โดยน้ำท่วมในปี 2554 ปัญหาที่หนักกว่าวันนี้ถึง 5 เท่า แต่สามารถบริหารจัดการจนฟื้นคืนประเทศในเวลาอันรวดเร็ว รัฐบาลยิ่งลักษณ์มอบหมายรัฐมนตรีทุกคนดูแลคนละจังหวัด พร้อมให้อำนาจอนุมัติเงินช่วยเหลือพื้นที่ได้ทันที ปัญหาที่เกิดขึ้นพร้อมกันหลายพื้นที่จึงถูกจัดการเสร็จรวดเร็วทันที ตรงกันข้ามกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่ดูน้ำท่วม โดยมีรัฐมนตรีเป็นเพียงผู้ติดตาม เพราะอำนาจสั่งการทั้งหมดอยู่ที่นายกฯ เท่านั้นจึงทำให้แก้ปัญหาได้ล่าช้า
    "แผนการจัดน้ำ 6 โมดูลในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถือเป็นสมบัติของชาติไทย ได้บริษัทจากหลากหลายประเทศเข้าประมูลและได้บริษัทที่ชนะการประมูลแล้ว เหลือเพียงการเรียกทำสัญญา สุดท้ายโครงการถูกชะลอเพราะมีผู้ร้องฟ้องศาล ทำให้เสียเวลา 10 เดือน จนถูกรัฐประหารและยกเลิกแผนงานในที่สุด ทั้งนี้หากแผนจัดการน้ำ 6 โมดูลได้ทำจะแล้วเสร็จในปี 2562 หากแผนนี้ทำเสร็จสิ้น น้ำจะไม่ท่วมชัยภูมิ เพราะจะมีเขื่อนกั้นในแม่น้ำชี จะไม่เกิดน้ำท่วมในอยุธยา เพราะสามารถควบคุมน้ำปิง วัง ยม น่าน ได้" นายปลอดประสพ 
    ด้านนายกิตติรัตน์กล่าวว่า แม้สถานการณ์น้ำภาพรวมปี 2564 จะไม่รุนแรงเท่าปี 2554 แต่บางจุดได้รับความเสียหายรุนแรงกว่า เพราะฝนตกกระจุกตัว ประกอบกับหลายพื้นที่มีการก่อสร้างเส้นทางโครงการใหญ่ โดยไม่มีระบบระบายน้ำที่ดีพอจึงเกิดการท่วมขัง ถ้าปัญหาปีนี้ใหญ่เท่ากับเมื่อปี 2564 ยังนึกไม่ออกว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จะจัดการน้ำและเดินหน้าเศรษฐกิจต่อไปอย่างไร 
    ทางด้านนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และรองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร.ว่า กำหนดการเบื้องต้น พล.อ.ประวิตรเตรียมลงพื้นที่ จ.สระแก้ว ในวันที่ 8 ต.ค.นี้ แต่กำหนดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ต้องดูสถานการณ์หน้างานในพื้นที่ด้วย เนื่องจากเวลานี้พื้นที่สระแก้วก็มีน้ำท่วม
    นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง วิกฤตน้ำท่วม กับสิ่งที่ปรากฏ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.5 ระบุ ผิดหวังต่อการทำงานของข้าราชการแต่ละหน่วยงานที่ต่างคนต่างทำ ไม่เชื่อมโยงกัน จนเกิดความเสียหายต่อประชาชนและทรัพย์สิน ร้อยละ 83.9 ผิดหวังต่อระบบการเตือนภัยพิบัติธรรมชาติที่ไม่บูรณาการและไม่มีประสิทธิภาพ ร้อยละ 78.5 รู้สึกเบื่อและผิดหวังต่อนักการเมืองฝ่ายค้านที่มุ่งโจมตี บั่นทอน สร้างความแตกแยก ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.9 อยากเห็นความร่วมมือจริงใจกันทุกฝ่ายในยามวิกฤต ในความรักและสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร้อยละ 91.2 อยากเห็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ช่วยเหลือประชาชนที่เป็นรูปธรรม ร้อยละ 89.6 อยากเห็นข้าราชการหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบหลักตื่นตัวและตอบสนองปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนทันทีมากกว่าที่เป็นอยู่.