มีโอกาสได้ไปอ่านข้อเขียน บทความ ของคุณน้อง จิตรกร บุษบา ในเว็บไซต์ แนวหน้า เรื่อง พูดและคิด...อย่างอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อไม่กี่วันมานี้ อ่านแล้วคงต้องยอมรับว่า...อดที่จะชื่นมื่น ชื่นใจ แทนอดีตนายกฯ สุดหล่อ หรือ หล่อดอก ขึ้นมามิได้ ที่ยังพอมีผู้ที่เข้าถึง-เข้าใจ ไม่ต้องกลายเป็น สุดหล่อที่โลกลืม ตลอดชั่วนิรันดรกาล...
------------------------------------------------
คือรายละเอียดจะเป็นไง-มาไง บ้างนั้น...คงต้องไปลองหาอ่านกันเอาเอง เพราะโดยสำบัด สำนวน ความเฉียบขาด เฉียบคม ในมุมมอง ของคุณน้อง จิตรกร บุษบา ท่าน ต้องถือเป็นเอกลักษ์ อัตลักษณ์ อันไม่อาจเรียบเรียง ถ่ายทอด ได้ง่ายๆ แต่โดยรวมๆ แล้ว ถือเป็นการมองอดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคการเมืองรายนี้ อย่างไม่ได้มีอคติ อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวใดๆ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เรียกว่า...มองกันตาม เนื้อผ้า ว่ากันโดย หลักการ ไม่ได้คิดจะเชียร์ ไม่ได้คิดจะด่า อะไรทำนองนั้น...
-------------------------------------------------
ซึ่งคงต้องยอมรับกันแบบตรงไป-ตรงมาว่า...อดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรคการเมืองอย่าง อภิสิทธิ์ นั้น แม้จะหล่อแสนหล่อ รูปสมบัติ คุณสมบัติ หรือแม้แต่ทรัพย์สมบัติ ค่อนข้างเอื้ออำนวยต่อการ เกิดมาเป็นอภิสิทธิ์ อยู่พอสมควร ชนิดชาติปางก่อนอาจทำบุญด้วยการเอายาแก้สิว แก้ฝ้า ใส่บาตรพระ บริจาคเงินสร้างวัด สร้างโรงเรียนปริยัติศึกษาอยู่ไม่น้อย ถึงได้เกิดมาเพียบพร้อมในหลายเรื่อง หลายด้านด้วยกัน แต่เมื่อหันเหชีวิตมาสู่เส้นทางการเมือง จนได้เป็นถึงหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ออกจะเป็นนักการเมือง หรือเป็นนายกรัฐมนตรีที่ค่อนข้าง อาภัพ อยู่พอประมาณ...
----------------------------------------------------
คือแม้ว่าจะพูดดี พูดเพราะ พูดแบบมีหลัก-มีการ ไม่เคยออกอาการเกรี้ยวๆ กราดๆ ไม่เคยคิดจะยกโพเดียมทุ่มใส่หัวใครต่อใครเอาเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ตัวเองเคยถูกไล่เหยียบ ไล่กระทืบ มาคราวแล้ว คราวเล่า แต่ก็นั่นแหละ...ในแง่ เสน่ห์ ที่จะสร้างแรงจูงใจให้ใครต่อใครหันมารัก มานิยมตัวเอง ไม่ว่าจะสำรวจกันในช่วงไหน ตอนไหน อภิสิทธิ์ ก็มักจะมาล่า มาเรือ ต้องวิ่งไล่ตามใครต่อใครเค้าไปซะหมด แม้แต่คุณน้อง ปู ยิ่งลักษณ์ ที่ทำบุญด้วยการเอาก้อนจุลินทรีย์ใส่บาตรพระคราวน้ำท่วม ยังมาแรง แซงโค้ง มีคะแนนนิยมนำหน้า อภิสิทธิ์ มาโดยตลอด...
--------------------------------------------------------
หรือแม้แต่นายกฯ คุณลุง บิ๊กตู่ ที่พร้อมจะด่ากลับ ด่าหนัก ด่าแรง พร้อมที่จะชี้หน้า ตวาดใครต่อใครจนอุจจาระหด ตดหาย กันไปเป็นแถบๆ แต่ในแง่ของความนิยม หรือคะแนนนิยมแล้ว กลับมาเชี่ยว มาแรง นำหน้า อภิสิทธิ์ ชนิดแทบไม่เห็นฝุ่น เห็นหาง จนทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญการเมือง นักสังเกตการณ์ทางการเมือง หลายต่อหลายราย อดงุนงง สงสัย ขึ้นมาไม่ได้ ว่าเหตุใดความหล่อ ความเก่ง ความสุภาพเรียบร้อย ความมีหลัก-มีการ หรือแม้แต่ความซื่อสัตย์ สุจริต บวกเข้าไปด้วยอีกต่างหาก แต่กลับไม่ได้ช่วยให้ อภิสิทธิ์ มาแรง แซงโค้ง ใครต่อใครเขาได้เลย กลายสภาพเป็นพวกที่ ดีแต่พูด เป็น แมงสาบ เป็นผู้ที่ถูกเสริมเติมแต่งให้กลายเป็นยักษ์ เป็นมาร ทั้งที่โดยบุคลิกลักษณะ อุปนิสัยใจคอ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเหี้ยม ความอำมหิตใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...
--------------------------------------------------------
แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านสังคม ด้านมนุษยศาสตร์ ก็ดูจะให้คำตอบที่ค่อนข้าง เข้าท่า มิใช่น้อย คือสรุปว่า...เพราะความไม่เหี้ยม ไม่อำมหิต ของ อภิสิทธิ์ นี่แหละ ที่ทำให้ “เสน่ห์” ทั้งหลาย มันเลยกลายเป็น “เสน่ห์ โกมารชุน” ไปแทนที่ เพราะโดย “ค่านิยมทางสังคม” ที่เป็นตัวรองรับโครงสร้างทางทัศนคติแบบไทยๆ มาโดยตลอด ความเป็น ผู้มีอำนาจ นั้น...มันอาจแยกไม่ออกไปจากความเหี้ยม ความอำมหิต ที่จะต้องมีติดปลายนวมมากบ้าง น้อยบ้าง ไปตามสภาพ ด้วยเหตุเพราะมันเป็นตัวช่วยให้เกิดการจำแนก แยกแยะ ความแตกต่างระหว่างความเป็น ผู้ปกครอง กับ ผู้ถูกปกครอง มาโดยตลอดนั่นเอง...
-----------------------------------------------------
ภายใต้สภาพโครงสร้างทางสังคม ที่ทำให้เกิดทัศนคติ ค่านิยม แบบ สุดโต่ง ไปในด้านใด ด้านหนึ่ง เช่นนี้นี่เอง จึงทำให้เมื่อเจอเข้ากับผู้ปกครองที่ไม่ได้เหี้ยม ไม่ได้อำมหิต เหมือนอย่างใครๆ เขาเลยแม้แต่น้อย เอาแต่ หล่อ ลูกเดียว องค์ประกอบส่วนหนึ่งของความมี เสน่ห์ แบบที่เรียกๆ กันว่า บารมี มันเลยหดหายตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ และนั่นเองที่ทำให้ อภิสิทธิ์ ต้องกลายเป็น สุดหล่อที่โลกลืม อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ การดำรงตนเป็น นายแสนดี วจีไพเราะ แถมยึดมั่นในหลักการชนิดเป็นแท่งๆ ด้ามๆ กลับมิอาจนำไปเทียบเคียงบารมีกับไอ้เหี้ยม ไอ้โกง ไอ้กะล่อน ฯลฯ ได้เลยแม้แต่น้อย...
-------------------------------------------------------
คือทำไงได้...ในเมื่อโครงสร้างทางสังคม ค่านิยมทางสังคม มันออกมาในแนวนี้ โอกาสที่ สุดหล่อที่โลกลืม จะผงาดกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำชาติบ้านเมือง จึงค่อนข้างที่จะยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ นอกเสียจาก...เมื่อไหร่ที่พฤติกรรมทางสังคมมันเกิดการแปรเปลี่ยนด้วยตัวของมันเอง หรือด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ ที่ทำให้ความ สุดโต่ง ในด้านใด ด้านหนึ่ง มันลดๆ ลงมาบ้าง เกิดทัศนคติที่เป็นไปในแนวกลางๆ แนว มัชฌิมาปฏิปทา แผ่ซ่านไปทั่วทั้งสังคม โอกาสที่ อภิสิทธิ์ จะหวนคืนกลับมาก็อาจพอเป็นไปได้มั่ง แต่ก็นั่นแหละ...ถึงจังหวะนั้น อายุอานามของ อภิสิทธิ์ อาจเลยไปกว่า มหาธีร์ ไปแล้วก็ไม่แน่ ด้วยเหตุนี้...เอาเป็นว่า ถึงไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เป็น อภิสิทธิ์ ล้วนๆ นี่แหละ ก็น่าจะช่วยชาติบ้านเมืองได้ไม่น้อยเช่นกัน...
--------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Dolly Parton... “Wildflowers don’t care where they grow.- ดอกไม้ป่าไม่ยี่หระ ว่าตัวเองเติบโตขึ้นมาจากที่แห่งไหน...”
--------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |