สู้ด้วยข้อเท็จจริงอาจจะพอมีหวัง...แต่


เพิ่มเพื่อน    

นักการเมืองบางคนที่ไม่ชอบรัฐบาล ต้องการที่จะล้มนายกรัฐมนตรีให้ได้ มีความพยายามหลายอย่าง ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ทั้งการให้คนในฝ่ายตนออกมาพูดจาให้สัมภาษณ์ เขียนข้อความลงใน Social media ทั้งแซะ แขวะ ด่าสารพัดเพื่อด้อยค่านายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังมีนายใหญ่ออกมาพูดจายกตนข่มท่าน แสดงตนว่าเป็นคนเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ สิ่งที่นายกรัฐมนตรีทำนั้นผิดหมด ไม่มีอะไรดีทั้งนั้น และยังมีกลุ่มคนนอกสภาทำการป่วนบ้านป่วนเมือง มีทั้งที่ออกมาชุมนุม และมีทั้งที่ออกมาป่วนบ้านป่วนเมืองเกินกว่าการชุมนุมตามสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญให้ไว้ เพราะมีการใช้อาวุธ ใช้ความรุนแรง ทำผิดกฎหมาย และล่าสุดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีกระแสของความพยายามที่จะทำให้นายกรัฐมนตรีได้คะแนนไม่เพียงพอที่จะไปต่อ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

แม้ว่าจะไม่สามารถทำอะไรกับนายกรัฐมนตรีในการยกมือไม่ไว้วางใจในสภาแล้ว ก็ยังมีความพยายามที่จะเสี้ยมให้นายกรัฐมนตรีแตกแยกกับหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอีกด้วย แม้ว่าเวลานี้ไม่มีความชัดเจนว่าทั้งสองคนนั้นยังรักใคร่กันดีหรือว่ากินแหนงแคลงใจกันไปแล้ว ความพยายามที่จะสร้างประเด็นของความแตกแยกก็ยังคงมีต่อไป เมื่อทั้งสองท่านไปลงพื้นที่ตรวจราชการเรื่องน้ำในวันเดียวกัน แต่คนละจังหวัด ก็มีคนพยายามตอกย้ำความขัดแย้ง บอกว่าไม่ไปด้วยกันแล้ว ต่างคนต่างไป และมีการนับจำนวน ส.ส.ที่ติดตามทั้งสองท่านด้วย พวกเขาคงจะมีความสะใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าจำนวน ส.ส.ที่ไปกับนายกรัฐมนตรีมีไม่ถึง 10 คน ในขณะที่มีคนติดตามหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมากกว่า 50 คน เป็นความพยายามที่จะสื่อว่านายกรัฐมนตรีแย่แล้ว ส.ส.พลังประชารัฐไม่เอานายกรัฐมนตรีแล้ว

ความพยายามทั้งหมดเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะว่านายกรัฐมนตรีท่านนิ่งมาก ไม่ให้ความสำคัญกับความพยายามเหล่านี้ ท่านตั้งหน้าตั้งตาทำงานแก้ปัญหาบ้านเมืองต่อไป แม้ว่าในการลงพื้นที่แต่ละพื้นที่จะมีกลุ่มคนไปรวมตัวกันต่อต้าน มีการกระทำที่รุนแรงและไม่เหมาะสม ท่านก็ไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจคนเหล่านั้นแต่อย่างใด เพราะว่ายังมีกลุ่มคนที่พอใจการทำงานของท่าน และให้กำลังใจท่านด้วยการตะโกนให้ท่านสู้ๆ และบอกว่า “ลุงตู่อย่าท้อ” ท่านจึงได้แสดงเจตนาของท่านอย่างชัดเจนว่าท่านจะอยู่แก้ปัญหาของชาติต่อไป ใครจะรักหรือไม่รักท่านไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะสิ่งที่ท่านเห็นว่าสำคัญคือการแก้ปัญหาของประเทศชาติให้ประชาชนพ้นภัย ทั้งภัยที่เกิดจากโรคระบาด เศรษฐกิจที่ถดถอยเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งปัญหาของน้ำท่วมที่หลายจังหวัดกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

ในความพยายามที่จะด้อยค่านายกรัฐมนตรีนั้น หากใครติดตามข่าวสารบ้านเมืองอย่างใกล้ชิดก็จะพบว่าเรายังไม่เห็นความจริงเชิงประจักษ์ใดๆ ที่แสดงให้เห็นการทำงานที่ผิดพลาด ไม่เอาไหน เฮงซวย และทำด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาอย่างที่ฝ่ายตรงกันข้ามรัฐบาลสร้างวาทกรรมกล่าวหานายกรัฐมนตรี ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พวกเขาพูดว่าพวกเขามีข้อมูลเด็ดที่สามารถจะคว่ำนายกรัฐมนตรีได้ ประชาชนจำนวนหนึ่งก็ใจจดใจจ่อหวังจะได้เห็นความสามารถของฝ่ายค้านที่จะหาข้อมูลที่เป็นความจริงเชิงประจักษ์มาเล่นงานนายกรัฐมนตรี เพราะว่าก่อนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาลทั้งในสภาและนอกสภา ต่างพากันคุยโอ่ว่ามีข้อมูลเด็ดที่นายกรัฐมนตรีจะต้องไปต่อไม่ได้

แต่แล้วในเวลาหลายวันที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคนอื่นๆ นั้น เราไม่ได้ยินเรื่องราวเชิงประจักษ์ใดๆ ที่แสดงให้เห็นความผิดพลาดหรือความล้มเหลวในการทำงานของนายกรัฐมนตรี สิ่งที่เราได้ยินนั้น ส่วนใหญ่ก็คือวาทกรรมที่เต็มไปด้วยคำคุณศัพท์ (adjectives) ที่เป็นการด้อยค่านายกรัฐมนตรี และบางคนก็ใช้ข้อมูลที่ไม่จริงบ้าง บิดเบือนบ้าง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะล้มนายกรัฐมนตรีได้อย่างไร คำพูดที่ว่านายกรัฐมนตรีโกง แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้นั้น แม้ที่จริงแล้วคือไม่มีการโกงหรือเปล่า เพราะถ้าหากมีการโกงจริงฝ่ายค้านน่าจะหาความจริงมาตีแผ่ได้ ถ้าหากสามารถหาความจริงว่านายกรัฐมนตรีโกงอย่างไร ฝ่ายค้านย่อมจะมีแนวร่วมในการขับไล่รัฐบาลได้ แต่ที่ผ่านมามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปหลายครั้งแล้ว ก็ไม่เห็นว่ามีความจริงเชิงประจักษ์อะไรได้ นอกจากนั้นก็จะมีการบิดเบือนแบบขัดแย้งกับความเป็นจริงหลายเรื่อง

            · การกล่าวหาว่ารัฐบาลจัดการกับการแพร่ระบาดโควิดได้ไม่ดี ก็ไม่เป็นความจริง แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดที่รุนแรงในระลอกที่ 3 แต่ก็ถือว่ารัฐบาลยังมีความสามารถในการจัดการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีกว่าอีกหลายประเทศในโลก

            · การกล่าวหาเรื่องการจัดซื้อวัคซีน Sinovac ที่มีทั้งการด้อยค่าคุณภาพและประสิทธิภาพของวัคซีน รวมทั้งการกล่าวหาว่ามีเงินทอนก็ไม่เป็นความจริง เพราะ Sinovac นั้นใช้ในประเทศจีนที่สามารถจัดการกับโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรื่องเงินทอนก็เป็นการกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน

            · เรื่องการกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีเป็นคนโง่นั้น มันก็สวนกับความเป็นจริงที่ท่านเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบกมาก่อน คนเรารับราชการมาจนเป็นหมายเลขหนึ่งของหน่วยงานราชการนั้น ถ้าหากโง่จริง คงไม่สามารถมาถึงตำแหน่งดังกล่าวได้

            · การกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีอยู่มา 7 ปี ไม่มีผลงานก็ไม่จริง เพราะมีความจริงเชิงประจักษ์มากมายที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีผลงานทั้งด้าน Logistics ด้านที่อยู่อาศัยของประชาชน ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งด้านการส่งออกและด้านการท่องเที่ยว

            · การสร้างวาทกรรมว่านายกรัฐมนตรีเป็นนักกู้และหารายได้เข้าประเทศไม่เป็นก็ไม่เป็นความจริง เพราะเรามีรายได้จากการส่งออกและรายได้จากการท่องเที่ยวที่ทำให้ประเทศไทย ไม่ได้ขาดทุนบัญชีเดินสะพัด และมีเงินทุนสำรองในอันดับต้นๆ ของโลก

            · การกู้เงินมานั้นก็มีเหตุผลที่ชัดเจน คือกู้มาเพื่อพัฒนาประเทศตามที่มีผลงานเชิงประจักษ์มากมาย และกู้มาเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด การรักษาประชาชนที่เจ็บป่วย และกู้มาเพื่อการเยียวยาคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ตลอดจนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

หากฝ่ายค้านต้องการให้ประชาชนเห็นความสามารถ และมองว่าฝ่ายค้านได้ทำงานที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน ฝ่ายค้านคงจะต้องหาข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงให้มากกว่านี้ อย่าให้ประชาชนมองว่าฝ่ายค้านไม่มีผลงานเพื่อประชาชน ตอนนี้เป็นเวลาที่เราต้องช่วยกันผ่านวิกฤตโรคระบาดให้ได้ ไม้ใช่เวลาที่จะมาเล่นการเมืองไล่นายกรัฐมนตรี ถ้าหากมีข้อมูลดีกว่านี้อาจจะพอมีหวังนะคะ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"