"บิ๊กป้อม" เมินตอบปัญหาใน "พปชร." อุบไต๋ส่ง "บิ๊กตู่" เป็นแคนดิเดตนายกฯ เลือกตั้งครั้งหน้ายิ้มแย้มลงพื้นที่โคราช ส.ส.เจ้าถิ่นร่วมคณะกว่า 40 ชีวิตต้อนรับพรึ่บ! "สิระ” เตือนพรรคที่จะรับ “พ.อ.สุชาติ” ระวังถูกจุดไฟเผาบ้าน จี้ให้ลาออกจาก พปชร. "ปารีณา" อัดเนรคุณ สะพัด! โผ ครม.ประยุทธ์ 2/5 “บิ๊กป๊อก”ควบรองนายกฯ “ดอน-สุพัฒนพงษ์” หลุด  “ศุภชัย พานิชภักดิ์” นั่งรองนายกฯ ควบรมว.พลังงานแทน ปชป.ยังเคืองหนักพปชร.รวบ 4 กรม "ราเมศ" ย้อนเจ็บถ้าสลับกันบ้างจะว่าไง 
    ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 1 ตุลาคม  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปฏิเสธตอบคำถามถึงรายงานข่าวการเรียกประชุมหัวหน้าภาค 9 ภาคของพรรค พปชร. เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา รวมถึงไม่ตอบคำถามกรณีที่ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรค พปชร. เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร รุ่นที่ 12 ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ที่ระบุว่าจะยกทีมกลุ่มภาคใต้ออกจากพรรคไปอยู่กับพรรคเศรษฐกิจไทยของนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย 
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงประเด็นว่า พรรค พปชร.จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าในนามพรรค พปชร.อยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรได้แสดงสีหน้าไม่พอใจ ก่อนเดินแหวกวงสัมภาษณ์สื่อมวลชนขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว
    วันเดียวกัน เวลา 14.00 น. พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เดินทางถึงท่าอากาศยานกองบิน 1 (บน.6) ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา โดยพบว่ามีรัฐมนตรีและ ส.ส.กว่า 40 คน มารอต้อนรับร่วมคณะด้วย อาทิ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส), นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร., นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค
    ในส่วนของ ส.ส.พลังประชารัฐ เจ้าถิ่นเมืองโคราชไม่พลาดมาครบทุกคน ซึ่งถือเป็นพื้นที่ของนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. นอกจากนี้ยังมี ส.ส.ต่างพื้นที่ร่วมด้วย ยังมีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม., น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี, น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ กทม.,  นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม., นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น, นายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น และยังมีนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ร่วมคณะด้วย โดยบรรยากาศการต้อนรับ พล.อ.ประวิตรเป็นไปอย่างครึกครื้น คึกคัก มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทักทาย ส.ส.เกือบทุกคน
        จากนั้นเดินทางไปยังเทศบาล ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา พล.อ.ประวิตรไปรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในจังหวัดนครราชสีมาและลุ่มน้ำลำเชียงไกร และมอบนโยบายการบริหารจัดการน้ำและเยี่ยมประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่เทศบาลตำบลบัลลังก์ พร้อมมอบถุงยังชีพจำนวน 100 ชุด และลงพื้นที่บริเวณก่อสร้างอาคารบังคับน้ำอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร 
    ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวขอบคุณประชาชนทุกคนที่มาคอยต้อนรับ ตอนหนึ่งว่า ขอให้ทุกคนอยู่ดีมีสุข ขอรับรองว่ารัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ สามารถพึ่งพาได้ครับ 
"สิระ"จี้"สุชาติ"ลาออก
    นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพปชร. กล่าวถึงกรณี พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ประกาศจะพาสมาชิกพรรคซึ่งส่วนใหญ่ที่อยู่สายใต้จำนวน 13 คนลาออกจากพรรคว่า ขอเตือนพรรคการเมืองที่จะรับ พ.อ.สุชาติและ ส.ส.คนอื่นๆ ไปอยู่ด้วยให้ดูพฤติกรรมให้ดี ระวังไว้ว่ารับคนพวกนี้ไปแล้วจะไปจุดไฟเผาบ้านท่านให้วอดวายเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ เผาบ้านตัวเองจนวอดวาย ทั้งๆ ที่คนอื่นเขาอยู่กันอย่างร่มเย็น ให้ความเชื่อมั่น เชื่อใจในการทำหน้าที่ของหัวหน้าพรรค แต่ พ.อ.สุชาติ กลับทำแบบนี้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง พฤติกรรมเช่นนี้ยังอยู่ด้วยกันได้อีกหรือ ในฐานะผู้อาศัยอยู่บ้านพลังประชารัฐ รับไม่ได้ถ้า พ.อ.สุชาติยังไม่เซ็นลาออกจากสมาชิกพรรคในสัปดาห์หน้า ตนจะเอาหนังสือลาออกไปให้เซ็นถึงสงขลาเอง
    “หน้าที่ของผู้แทนราษฎรที่ประชาชนเลือกเข้ามา คือการทำหน้าที่ดูแลพวกเขา ไม่ใช่การเข้ามาต่อรอง รวมกลุ่มก้อน เพื่อเรียกร้องตำแหน่งให้กับตัวเอง จำนวนส.ส.กทม. 12 คน ซึ่งก็ไล่เลี่ยกับภาคใต้ แต่ไม่เคยรวมกลุ่มเพื่อต่อรองตำแหน่งใด ๆ เพราะเมื่อเราเคารพการตัดสินใจของหัวหน้าพรรค ที่ถือว่าท่านเป็นผู้นำของลูกพรรค ส่วนตัว ส.ส.ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ วันหนึ่งถ้าหัวหน้าพรรคเชื่อ มั่นใจตัว ส.ส.คนไหน เขาก็มอบตำแหน่งให้เอง ไม่จำเป็นต้องออกมาทำร้ายพรรคที่ตัวเองอยู่ เพียงเพราะประโยชน์ส่วนตัว” นายสิระกล่าว
    น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พปชร. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า  ขอบคุณพี่รงค์ ประธาน ส.ส.ภาคใต้ ที่ออกมาจบดรามาเรื่อง ส.ส.ใต้ทิ้งพลังประชารัฐ ในข้อเท็จจริง ส.ส. รวมถึง รมต. ทุกคนของ พปชร.รู้อยู่เต็มอกว่า ส.ส.ทุกคนเกิดมาจากลุงป้อมและลุงตู่ ส่วนก๊วนต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังคือการตกปลาในบ่อ การแยกสาขาพรรคนั้นเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน เพราะคือความสวยงามของประชาธิปไตย แต่การเนรคุณลุงป้อมกับลุงตู่ คือไม่ดี ไม่ว่าจะด้วยวิธีตั้งกลุ่มก้อนขึ้นมาต่อรองตำแหน่งภายในพรรค หรือเสี้ยมผู้ใหญ่แล้วพยายามตั้งพรรคใหม่ในเลือดเดิม
         "บอกตรงๆ ว่าเข้าใจทุกคนทุกฝ่ายเพราะอยู่กับการเมืองมานาน แต่ที่ไม่เข้าใจคือตอนนี้! มันใช่เวลา มาตั้งพรรค หรือ เรียกร้องอะไรจากนายกไหม??? ในบรรยากาศที่ประชาชนกำลังเดือดร้อน น้ำท่วม โควิด เศรษฐกิจ แม่เจ้า" น.ส.ปารีณาระบุ
    ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลถึงความเคลื่อนไหวในการปรับ ครม.ว่า ภายหลังจากที่เก้าอี้รัฐมนตรีว่างลง 2 ตำแหน่ง และมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจปรับ ครม.ประยุทธ์ 2/5 ในช่วงเดือน ต.ค.นี้ โดยล่าสุดมีการเคลื่อนไหวจัดทำโผ ครม.ภายในรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางกระทรวงในโควตาของนายกรัฐมนตรี 
    มีรายงานข่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จะมาดำรงตำแหน่งรองนายกฯ อีกหนึ่งตำแหน่ง นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) ได้ถูกทาบทามมาดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ควบ รมว.พลังงาน แทนนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ส่วนตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ แทนนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศนั้น  เป็นอีกตำแหน่ง ที่อยู่ระหว่างนายกฯ พิจารณาบุคคลที่เหมาะสม
ปชป.ยังเคือง"ป้อม"คุม4กรม
    ส่วนข้าราชการที่เกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ต้องจับตานายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมช.กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯฝ่ายความมั่นคง
    นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงกระแสข่าวนายศุภชัย พานิชภักดิ์ จะเข้ามาเป็นรองนายกฯและ รมว.พลังงาน แทนนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ว่าข่าวนี้ไม่น่าจะจริง เพราะนายศุภชัยยังคงสนับสนุนใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์อยู่ และยังเป็นมันสมองด้านเศรษฐกิจให้กับพรรคประชาธิปัตย์ด้วย  
สำหรับความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบฯ นั้น พบว่าเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ตึกบัญชาการ 1 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสถานที่ได้มีการสำรวจห้องต่างๆ โดยมีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งให้นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกฯ จัดเตรียมห้องบนตึกบัญชาการ 1 เป็นการด่วน ทั้งนี้ ปัจจุบันมีรองนายกฯ 6 คน ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร, นายวิษณุ เครืองาม, นายอนุทิน ชาญวีรกูล, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, นายดอน ปรมัตถ์วินัย และนายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ ซึ่งหากจะเพิ่มตำแหน่งรองนายกฯ อีก 1 ตำแหน่งก็มีความเป็นไปได้ เช่นเดียวกับสมัยรัฐบาลทักษิณ 1/1
ขณะที่ น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกฯ และที่ปรึกษานายกฯ กล่าวในเรื่องนี้ว่า เนื่องจากวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา มีผู้เกษียณอายุราชการและเปลี่ยนย้ายตำแหน่งผู้รับผิดชอบด้านสถานที่ จึงต้องเข้าทำความสะอาดห้องที่ย้ายออกไป และสำหรับผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาใหม่ เช่น ที่ปรึกษานายกฯ ตามการหมุนเวียนปกติ ไม่ได้รับแจ้งให้ทำการจัดเตรียมรองรับการปรับ ครม.แต่อย่างใด 
ทั้งนี้ น่าสังเกตว่าพื้นที่ดังกล่าวปกติจะรองรับข้าราชการการเมืองไม่มีข้าราชการประจำแต่อย่างใด
    นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคปชป. กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี ครม.มอบให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ คุม 4 กรมของกระทรวงเกษตรฯ ว่าการดูแลงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ทำหน้าที่ควบคุมดูแลในฐานะรองนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามหลักบริหารราชการแผ่นดินชัดเจนตามสายงาน การที่มอบให้รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร เข้ามาดูกรมพัฒนาที่ดิน, กรมฝนหลวงและการบินเกษตร, สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม, องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ที่มีอดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นผู้ดูแลอยู่ มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ คำสั่งรวบงานดังกล่าว ส.ส.พลังประชารัฐยังออกมาพูดจาในลักษณะที่บิดเบี้ยวไปจากข้อเท็จจริงอีก ที่บอกว่าต้องคำนึงถึงสภาพความเป็นจริงและความต้องการของประชาชนร่วมกันด้วย เป็นการพูดที่ไม่สมเหตุสมผล รวบไป 4 กรม เพื่อประชาชนหรือเพื่อใคร ความคิดของคน ถ้าคิดดีทำดีไม่เป็นปัญหาแน่
        “ถ้านายจุรินทร์จะขอดูกรมในกระทรวงที่พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐมนตรีว่าการบ้าง ส.ส.พลังประชารัฐ จะคิดอย่างไร เราทำงานร่วมกันควรให้เกียรติกัน ทุกพรรคมีศักดิ์ศรี ถ้าคิดกันแบบนี้ ทำกันแบบนี้ จะทำงานร่วมกันได้อย่างไร อย่าคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ เรื่องนี้เชื่อว่าหากยังเป็นอยู่เช่นนี้ ยากที่จะราบรื่น” นายราเมศกล่าว.