ชูบิ๊กตู่นายกฯสมัย3 ‘ป้อม’ลั่นอยู่กับเราจนตายกันไปข้าง/เฉ่ง‘สุชาติ’กวนนํ้าให้ขุ่น


เพิ่มเพื่อน    

เดือด! บิ๊กป้อมฉุนข่าว “ผู้การสุชาติ” ขน ส.ส.ใต้ซบพรรคอดีตปลัดฉิ่ง ชี้กวนน้ำให้ขุ่นหวังทำสัมพันธ์ 2 ป.ร้าวทั้งที่เพิ่งสมานแผล “สิระ” เตือนระวังถูกถอนหงอก ส.ส.ใต้ พปชร.แห่ยันต่อหน้าหัวหน้าพรรคไม่คิดย้ายหนี “ประวิตร” ลั่นกลางที่ประชุมพรรค “ลุงตู่อยู่กับเราจนตายจากกันไปข้างหนึ่ง” ดันเสนอชื่อ “ประยุทธ์” เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค คาดกวาดที่นั่งในการเลือกตั้งได้ 150-200 เก้าอี้
    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณี พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 12 (ตท.12) ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะนำ ส.ส.ใต้กว่า 10 คนไปอยู่พรรคใหม่ของนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่จดตั้งขึ้น พร้อมชูจุดขาย​ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ
    โดยแหล่งข่าวใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ​ รองนายกฯ กล่าวว่า จะยิ่งทำให้สถานการณ์ความไม่เข้าใจกันระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์หมางเมินเพิ่มขึ้น ทั้งที่ตอนนี้ทั้งสองคนต่างเข้าอกเข้าใจกัน มีการโทรศัพท์หาพูดคุย พบปะกันทุกวัน
    “การออกมาให้ข่าวของ พ.อ.สุชาติในช่วงนี้เหมือนไม่รู้จักกาลเทศะ เหมือนมาทำลายบรรยากาศระหว่างพี่น้อง 2 ป.ที่กำลังไปได้สวย และพี่น้องคู่นี้ก็ไม่มีวันแตกคอ แล้วการรีบเปิดตัวนำ ส.ส.ใต้ของ พปชร.ไปซบอกพรรคปลัดฉิ่ง มันเหมือนหักหน้า พล.อ.ประวิตรที่นั่งเป็นหัวหน้าพรรคอยู่” แหล่งข่าวระบุ
    แหล่งข่าวระบุอีกว่า พ.อ.สุชาติจะทำอะไรก็ทำไป แต่อย่าทำให้ พล.อ.ประวิตรลำบากใจ เพราะท่านเคยช่วยอะไร พ.อ.สุชาติอยู่ก็รู้ดีแก่ใจ และใครเป็นผู้สนับสนุน ส.ส.ภาคใต้เมื่อครั้งลงสมัครหาเสียง การออกมาให้ข่าวเหมือนต้องการทำให้เกิดความแตกแยกในพรรค แตกคอพี่น้อง ลักษณะแบบนี้ใช่ไม่ได้ พวกเราเป็นทหาร ทำอะไรต้องให้เกียรติรุ่นพี่ ไม่ใช่มาสร้างความร้าวฉาน และหากมองลึกๆ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ค่อยให้ราคา พ.อ.สุชาติเท่าไหร่ ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตรทราบแล้ว เพียงแต่บอกมันจะมาทำอะไรช่วงนี้ สร้างข่าวเก่งจัง
    นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรค พปชร. กล่าวเรื่องนี้ว่า ได้พูดคุยกับ ส.ส.ภาคใต้ทั้ง 13 คน ซึ่งทุกคนปฏิเสธการกล่าวอ้างของ พ.อ.สุชาติ โดยระบุว่าไม่มีใครตัดสินใจลาออกจากพรรค พปชร. นี่คือขบวนการปล่อยข่าวว่ามี ส.ส.อยู่ในมือถึง 13 คน เพื่อหวังสร้างราคา และเครดิตให้กับตัวเอง และท้ายที่สุดจะหวังตำแหน่งอะไรด้วยหรือไม่ การออกมาพูดเช่นนี้ของ พ.อ.สุชาติ เพราะจงใจให้เกิดแรงกระเพื่อมใต้น้ำ แต่ พ.อ.สุชาติลืมไปหรือไม่ว่าเมื่อครั้งลงสมัครนายก อบจ.ที่สงขลา ชาวบ้านยังไม่เลือกเลย แล้วจะมี ส.ส.ถึง 13 คนมาให้ความไว้เนื้อเชื่อใจจริงหรือ 
“พฤติกรรมแบบนี้ ผมไม่รู้ว่า พ.อ.สุชาติหวังอะไรอยู่ และไม่อยากก้าวล่วง เพราะท่านถือเป็นผู้อาวุโส แต่ พ.อ.สุชาติ ต้องทำตัวให้น้องๆ เคารพ ไม่ใช่ออกมาเล่นเกมการเมืองแบบนี้ ทำให้พรรคและ ส.ส.ที่ท่านอ้างถึงได้รับความเสียหาย อย่าให้เด็กเมื่อวานซืนต้องออกมาถอนหงอกท่าน หยุดพฤติกรรมเช่นนี้ได้แล้ว” นายสิระกล่าว
ส.ส.ใต้ซัดผู้การสุชาติมั่วนิ่ม
    นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค พปชร. กล่าวว่า พ.อ.สุชาติถือว่าเป็นผู้มีศักยภาพทางการเมือง และเป็นที่ยอมรับในฝีมือ ส่วนที่ท่านจะไปอยู่กับพรรคของปลัดฉิ่ง ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์และน่าสนใจ แต่ ส.ส.ใต้ทั้งหมดนั้นไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของท่านมานานแล้ว​ เราต่างให้เกียรติกัน 
“ส.ส.ส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องเลย ไม่เคยมีการมาหารือ​ ไม่ได้รับการติดต่อ สำคัญที่สุดคือเราอยู่พรรค พปชร.ยังมีความสุขดี หัวหน้าพรรคเองก็สนับสนุน เอื้ออำนวยในการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.อย่างดี ในยามวิกฤตท่านสนับสนุนให้มีสามารถลงไปช่วยเหลือประชาชน ทั้งในยามวิกฤตโควิด-19 และน้ำท่วมเต็มที่ โดยนายกรัฐมนตรีก็ส่งความปรารถนาดีกับพวกเรา ดังนั้นตอนนี้อยู่พรรค พปชร.ที่มี พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค และมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และเราเชื่อมั่นว่าในอนาคตพรรคก็จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ตามความต้องการชาวบ้านต่อไป” นายรงค์กล่าว
    ด้านนายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค พปชร. กล่าวว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคลของ พ.อ.สุชาติ ที่จะประกาศจุดยืน แต่ส่วนตัวยืนยันว่าจะอยู่กับพรรค พปชร.ต่อไป และ พ.อ.สุชาติก็ไม่ได้มาชวนให้ย้ายพรรคไปด้วย เพราะ พล.อ.ประวิตรกำชับให้สมาชิกมีความสามัคคี 
    นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต พรรค พปชร. กล่าวเช่นกันว่า ยังไม่เคยพูดคุยหรือได้รับการประสานโดยตรงจาก พ.อ.สุชาติ และไม่ได้คุยเรื่องนี้กับ ส.ส.ใต้คนอื่น ข่าวที่เกิดขึ้นอาจเป็นแนวคิดของคนที่ให้ข่าว แต่ยังไม่มีการมาชักชวน ยืนยันว่าเวลานี้ยังอยู่กับพรรค พปชร.กับ พล.อ.ประวิตร เพราะเราเกิดมาจากพรรคนี้ ส่วนการจะโยกย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ คนที่เป็น ส.ส.ต้องคิดให้ดี ต้องดูเหตุและผลของการที่จะไปต้องตัดสินใจด้วยความรอบคอบ เพราะขณะนี้พรรคใหม่ที่มีกระแสข่าวว่าจะตั้งก็ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน จึงเร็วไปที่จะตัดสินใจในเวลานี้ 
“สุดสัปดาห์หน้า ส.ส.ภาคใต้อีกกลุ่มประมาณ 7-8 คน เตรียมนัดพูดคุย เพื่อวิเคราะห์ทิศทางข่าวดังกล่าวที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะแสดงความเห็นใดๆ เพราะเราต้องเป็นเอกภาพและมีจุดยืนของเราเองต่อเรื่องดังกล่าว คนที่เป็น ส.ส.อยู่ๆ จะเปลี่ยนหรือย้ายพรรค ต้องคิดหนักและคิดให้ดี ในบริบทการเมืองขณะนี้ ที่ข้อกำหนด ข้อจำกัดต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ การเป็นข่าวเป็นเรื่องง่าย แต่การย้ายสังกัดพรรคการเมืองเป็นเรื่องใหญ่”
    ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคใหม่ที่ตั้งขึ้นชู พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำ จะมีผลต่อการตัดสินใจของ ส.ส.ภาคใต้หรือไม่ นายนัทธี กล่าวว่า ยอมรับว่ามีผลต่อความรู้สึกของเรา แต่ย้ำว่าจะตัดสินใจอย่างไรต้องดูพื้นฐานของคนในพื้นที่ ดูความต้องการของประชาชนด้วย เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจจากความรู้สึกของตัวเองเพียงอย่างเดียว
    ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) กล่าวถึงพรรค พปชร.และพรรคใหม่ของนายฉัตรชัยว่า มีฐานการเมือง และฐานคะแนนเดียวกัน ซึ่งระบบการเลือกตั้งแบบบัตรสองใบ เวลาแข่งขันกันตอนเลือกตั้ง ก็จะสู้กันจริง ไม่สามารถประนีประนอมกันได้ เว้นแต่ได้มีการแบ่งพื้นที่กัน เช่น บางเขตเลือกตั้ง พปชร.ส่ง แต่พรรคนายฉัตรชัยไม่ส่งคนลงเลือกตั้ง แต่หากทั้งสองพรรคส่งคนลงเลือกตั้งหมดทุกเขต ก็ไม่น่าจะสู้กันจริง ที่เป็นไปได้ว่าอาจมีการแบ่งพื้นที่กัน แต่การทำมันก็ยาก เพราะระบบบัตรสองใบไม่เอื้อ ไม่เหมือนกับบัตรใบเดียวตอนเลือกตั้งปี 2562 ที่เราเห็นได้กันแล้วกับกรณีของพรรคเพื่อไทยกับพรรคไทยรักษาชาติ ที่แบ่งพื้นที่กันเล่น แต่ถ้าบัตรสองใบ การแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย มันไม่น่าจะมีประโยชน์ ทำไม่ได้
เสนอชื่อบิ๊กตู่นั่งนายกฯ สมัย 3
    “ยุคนี้คนที่เกษียณแล้วมาเล่นการเมือง มาตั้งพรรค ไม่น่าประสบความสำเร็จ ดูแล้วอาจจะไปได้ไม่ยาว เพราะยุคปัจจุบันการตั้งพรรคการเมืองใหม่ควรต้องตั้งโดยคนรุ่นใหม่ๆ แต่ก็มีข้อยกเว้นบางกรณี เช่นกรณีพรรคการเมืองใหญ่บางพรรค แกนนำพรรคประเมินว่าพรรคตัวเองอาจแตกในอนาคต เลยมีการให้คนไปเตรียมตั้งพรรคสำรองไว้เพื่อโยกคนไป แต่ของ พปชร.เราไม่รู้เขาคิดอย่างไร ก็ไม่ขอก้าวล่วงไปวิจารณ์”  
    วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตรได้เรียกประชุมหัวหน้าภาคทั้ง 9 ภาค หารือถึงการเลือกตั้งท้องถิ่น และเพื่อวางกลยุทธ์เลือกตั้งใหญ่ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง โดย พล.อ.ประวิตรพูดในที่ประชุมว่า สำหรับการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาได้ถึง 122 เสียง วันนี้มีพวกเรามีมืออาชีพเข้ามา เราทำได้อยู่แล้ว 150-200 เสียง ขณะที่ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.ได้แจ้งที่ประชุมว่าทำยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคใกล้เสร็จแล้ว
     ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค กล่าวในที่ประชุมว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดระบบพรรค จะมีการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค โดย พล.อ.ประวิตรจะคัดเลือกด้วยตัวเอง โดยพิจารณาทั้งจากคนเก่าและคนใหม่ที่เหมาะสมเข้ามาทำงาน โดยต้องดูด้วยว่า ส.ส.มีผลงานหรือเปล่า
      ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงบุคคลที่พรรคจะสนับสนุนเสนอชื่อเป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรคจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ในนามพรรค ซึ่งที่ประชุมเห็นตรงกันยืนยันสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และสนับสนุน พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรคเช่นเดิม โดยตรงนี้ พล.อ.ประวิตร ได้พูดย้ำกลางที่ประชุมว่า "ผมยังเป็นหัวหน้าพรรค ส่วนนายกฯ เป็น พล.อ.ประยุทธ์ ลุงตู่อยู่กับเรา จะไปไหน ต้องตายจากกันไปข้างหนึ่ง ไปไหนกันไม่ได้ ไม่มีแตกแยก ไม่ขัดแย้ง"
         นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังพูดถึงกรณี พ.อ.สุชาติด้วย โดย พล.อ.ประวิตรไม่ได้ติดใจอะไร บอกถือเป็นเรื่องของเขา และได้สอบถามนายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส. นครศรีธรรมราช ประธานภาค ก็ได้รับการยืนยันว่า ส.ส.ใต้ทั้งหมดอยู่กับพรรค พปชร. ทั้ง พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มี ส.ส.คนไหนย้ายตามที่มีข่าวแต่อย่างใด
      ทั้งนี้ ในที่ประชุม พล.อ.ประวิตร อารมณ์ดี มีสีหน้าสดชื่น พูดคุยอย่างสนุกสนานตลอดการประชุม เช่นเดียวกับ ร.อ.ธรรมนัสที่ยิ้มแย้มอยู่ตลอด
ไร้ปัญหาให้บิ๊กป้อมดูแล กษ.
    ขณะเดียวกัน ยังคงมีกรณีความไม่พอใจของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ต่อมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มอบอำนาจให้ พล.อ.ประวิตรเข้าไปกำกับดูแลส่วนราชการในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรฯ เคยดูแล โดยนายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค พปชร.ระบุว่า ตามหลักคือถ้า รมช.ไม่อยู่ก็ต้องเป็น รมว.ดูแล แต่เนื่องจากมติ ครม.มอบให้ พล.อ.ประวิตรกำกับดูแลกระทรวงต่างๆ อยู่แล้ว และ พล.อ.ประวิตรก็น่าจะดูแลกระทรวงเกษตรฯ ด้วย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และวันนี้งานต่างๆ เหล่านั้นที่รัฐมนตรีไม่อยู่ การให้ พล.อ.ประวิตรกำกับดูแลก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหน
“ปชป.คิดมากไป ต้องยอมรับว่า 4 กรมนี้ ปชป.ไม่ได้ดูแลตั้งแต่ต้น แต่เป็นรัฐมนตรีของพรรค พปชร.ดูแล และตอนนี้ให้ พปชร.ดูแลต่อก็ไม่ได้เสียหาย ส่วน ปชป.ก็ดูเท่าเดิมไม่ได้เสียหายตรงไหน”นายสายัณห์ระบุ
    ขณะที่นายนัทธีกล่าวว่า ต้องดูเหตุผลของการมอบหมายในภาพรวม ถ้ามองตามเอาความรู้สึกก็ย่อมที่จะเข้าข้างตัวเองว่าเหมาะสมที่จะให้รองนายกฯ จากปชป.ดูแล แต่เรื่องนี้เชื่อว่านายกฯ ตัดสินใจโดยคำนึงถึงภาพรวม ส่วนการแสดงความเห็นต่างๆ เป็นสิทธิ์ที่จะให้ความเห็นได้ว่าใครควรจะดูแล หรือควรเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ในภาพความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ ต้องคำนึงถึงสภาพความเป็นจริงและความต้องการของประชาชนด้วย
    ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องดังกล่าวจะนำไปสู่ปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายนัทธีกล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร ถ้าเอาความคิดของแต่ละคน ก็คิดว่าเป็นปัญหากันไปหมด เพราะแต่ละพรรคต่างก็คิดว่าเหมาะสมทั้งนั้น 
    เมื่อถามว่ากระทรวงเกษตรฯ สามารถเรียกคะแนนความนิยมได้ เพราะเชื่อมโยงกับประชาชนเป็นส่วนใหญ่ นายนัทธี กล่าวว่า ถ้ามองอย่างนั้น ทุกกระทรวงก็เรียกคะแนนได้ทั้งหมด เช่น กระทรวงมหาดไทยเราก็ยอมให้ ปชป.เข้ามาดูแล เช่นเดียวกับกระทรวงศึกษาธิการ ก็มี รมช.ต่างพรรค ถ้าคิดว่าจะใช้หาเสียงก็ต้องมาตัดสินดูกันที่ผลงานให้ประชาชนเห็นในข้อเท็จจริง ดังนั้นใครจะดูแลกรมไหน กระทรวงใดก็สร้างความนิยมได้ หากทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชนจริง เขาก็จะนิยมชมชอบ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"