การใช้สมุนไพรไทยสำหรับดูแลผิวพรรณในช่วงปลายฝนต้นหนาว เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับความงามที่ได้จากภูมิปัญญาไทย เพราะนอกจากหาง่ายแล้ว ยังปลอดภัยกับสุขภาพอีกด้วย อีกทั้งไม่ต้องเวลาไปหาซื้อนอกบ้านให้เสี่ยงโควิด-19 เพียงแค่เดินเข้าครัวหรือเมียงมองออกไปริมรั้ว
ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรชำนาญการ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสมุนไพรดูแลผิวพรรณในช่วงปลายฝนต้นหนาว ที่หลายคนมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับปัญหาผิวมาฝากกัน ว่า “สมุนไพรดูแลผิวพรรณที่ง่ายที่สุดนั้น ได้แก่ “น้ำมันมะพร้าว” เพราะคนทั่วไปนิยมใช้เพื่อให้ความชุ่มชื่นให้กับผิว เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมีสารสำคัญในการช่วยบำรุงผิวและลดอาการแพ้ต่างๆ จากภาวะที่ผิวแห้งกร้านในช่วงลมหนาวมาเยือน นอกจากนี้ในตำรับของการปรุงยาสมุนไพรไทยก็จำเป็นต้องใช้น้ำมันมะพร้าวเพื่อเป็นตัวประกอบยา เช่น ยาแผนโบราณที่ใช้รักษาโรคผิวหนัง เป็นต้น ดังนั้นการทาผิวหน้าหรือผิวกายด้วยน้ำมันมะพร้าว ก็ถือเป็นเคล็ดลับความงามราคาประหยัดในช่วงที่บ้านเราเริ่มเข้าสู่อาการเย็นๆ อย่างปลายฝนต้นหนาวได้
ส่วนใครที่มีปัญหาผิวแดงลอกอักเสบจากแสงแดด และมลภาวะอย่างฝุ่นละออง สามารถเดินเข้าไปในครัวและมองหาสมุนไพรใกล้ตัว อย่าง “แตงกวา” ที่สามารถนำมาฝานแล้วพอกใบหน้าที่ถูกแสงแดดจัด ซึ่งทำให้เกิดอาการแสบร้อนแดงที่ผิว ก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับบริเวณดังกล่าวได้ เนื่องจากในแตงกวามีสารจากธรรมชาติที่ช่วยต้านการอักเสบ อีกทั้งปัญหาผิวหน้าดังกล่าวที่เกิดจากมลภาวะนั้น หากปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่ปัญหาริ้วรอย ก็สามารถช่วยได้ด้วยสูตรแตงกวาพอกหน้า
ถัดมาเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งการกินและการใช้ทาภายนอกอย่าง “ใบบัวบก” ที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวในช่วงอากาศเย็นๆ แต่ยังช่วยลดการอักเสบและสร้างคอลลาเจนให้ผิว เนื่องจากสรรพคุณของใบบัวบกนั้นมีฤทธิ์ช่วยสมานแผล ขณะเดียวกันก็ช่วยเติมคอลลาเจนให้กับผิวพรรณ หากคุณสาวๆ ที่เคยมีปัญหาสิวหลุมซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวหน้าเป็นบ่อเป็นหลุม ดังนั้นให้นำใบบัวบกมาตำพอละเอียด และพอกหน้าบางๆ ทิ้งไว้ทั้งคืน ก่อนล้างหน้าออกในตอนเช้า ก็จะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวและทำให้เนื้อแหว่งบนใบหน้าให้กลับมาเต็มได้ อันเนื่องจากปัญหาสิวที่ทำให้ใบหน้าเป็นหลุมลึกนั่นเอง
ปิดท้ายกันที่สมุนไพรดูแลผิวพรรณอย่างปัญหาผิวมันแม้ว่าบ้านเรากำลังเข้าสู่อากาศเย็นแล้วนั้น ได้แก่ “ว่านหางจระเข้” ที่มีสรรพคุณลดความมันให้กับผิวพรรณ โดยเฉพาะวัยรุ่นที่เป็นสิวเห่อแดงและใบหน้ามัน หมอง ก็สามารถนำว่านหางจระเข้ชนิดกาบใหญ่ เนื่องจากว่านหางจระเข้กาบใหญ่นั้นเวลาที่เราปอกเปลือกสีเขียวออกแล้วจะมียางสีเหลืองออกมา ดังนั้นเราสามารถใช้มีดเฉือนยางสีเหลืองออกได้หมด เพื่อให้เหลือแต่เจลว่านหางจระเข้สีเขียวที่จะใช้เท่านั้น (ว่านหางจระเข้ไซส์เล็ก เวลาที่ปอกเปลือกเราจะไม่สามารถนำยางสีเหลืองออกได้หมด เนื่องจากยางสีเหลืองจะทำให้ผิวหน้าของเราระคายเคืองได้ง่ายจึงต้องเฉือนออกให้หมด) หลังจากนั้นให้นำว่านหางจระเข้ที่ปอกเปลือกแล้ว นำเจลสีเขียวมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้สารสำคัญในว่านหางจระเข้ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย และพอกใบหน้าทิ้งไว้ทั้งคืน ก่อนที่จะล้างหน้าออกในตอนเช้า (ก่อนพอกว่านหางจระเข้ทิ้งไว้ทั้งคืนนั้นควรล้างทำความสะอาดใบหน้าก่อนทุกครั้ง).
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |