28 ก.ย.64 - น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี สรุปคำร้องต่อประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ
1.ขัดหลักการ
หลักการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอแก้ไขเพียง 2 มาตรา แต่มาลักไก่แก้ถึง 3 มาตรา ด้วยการเพิ่มแก้มาตรา86 เพิ่มขึ้น จึงเป็นกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญที่ขัดหลักการ เป็นการแก้เกินกว่าหลักการ ไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
2.ขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
2.1 ปัญหาการเลือกตั้งในอดีต เคยผ่านระบบบัตรสองใบมาแล้ว ทำให้ส.ส. ไม่ใช่ตัวแทนประชาชน แต่กลายเป็นตัวแทนพรรคการเมือง และนายทุนพรรค เป็นระบบผู้ชนะกินรวบ ตัดคะแนนผู้แพ้ทิ้ง
เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2560 จึงใช้ระบบจัดสรรปันส่วนผสม ต้องการให้คะแนนทุกคะแนนมีความหมาย แม้ไม่ได้รับการเลือกตั้งส.ส.ในระบบเขต ก็ยังสมารถนำคะแนนไปคิดที่นั่งส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ เพื่อคุ้มครองเสียงข้างน้อย การแก้สู่ระบบบัตรสองใบ จึงขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
2.2 การใช้คำว่าบัตรเลือกตั้ง
ในรัฐธรรมนูญ 2560 จะไม่ใช้คำว่า"บัตรเลือกตั้ง" เพราะถ้าคำนี้ในรัฐธรรมนูญ เท่ากับว่าต้องบังคับพิมพ์บัตรเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญ 2560 จึงมีเจตนาใช้คำว่า"คะแนน" หรือ "คะแนนเสียงเลือกตั้ง” แทน
ด้วยวิธีนี้ หากในภายหน้ามีวิธีการลงคะแนนเลือกตั้ง ด้วยวิธีอื่นใดนอกจากวิธีใช้“บัตรลงคะแนน” ก็จะสามารถปรับปรุงพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งให้สอดคล้องกันได้ โดยไม่เป็นการขัดต่อ รัฐธรรมนูญ
3.ขัดรัฐธรรมนูญ
3.1 ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ที่กำหนดให้ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟัง ความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ
ที่สำคัญการร่างรัฐธรรมนูญ2560 ที่ใช้บัตรใบเดียว ได้ผ่านการสอบถามประชาชนมาก่อนแล้ว มีประชาชนสนับสนุนระบบนี้สูงถึง 77.6% แต่การแก้ไขครั้งนี้ ไม่มีการสอบถามประชาชน หรือประชาพิจารณ์ใดๆเลย
3.2 ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 85 ที่กำหนดให้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน เลือกตั้งได้คนละหนึ่งคะแนน แต่การแก้ไขไปสู่ระบบบัตรสองใบ กลับให้มีการลงคะแนนบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เท่ากับมีการลงได้สองคะแนน
3.3 ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ที่กำหนดให้ บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้มีสิทธิยื่นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อมีคําวินิจฉัย
ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2560 ในระบบจัดสรรปันส่วนผสม เน้นการพยายามทำให้คะแนนทุกคะแนนของประชาชนมีความหมาย คะแนนที่ประชาชนเลือกทุกพรรคการเมืองจะต้องถูกนำมาคิดจัดสรรที่นั่งในสภา โดยทุกคะแนนที่มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต (ไม่ว่าจะเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งหรือไม่ได้รับเลือกตั้ง) จะนำไปรวมเป็นคะแนนของพรรคการเมืองที่ส่ง ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
ระบบการเลือกตั้งแบบใช้บัตรสองใบ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ นายทุนเจ้าของพรรค ครอบงำ พรรคการเมือง ธุรกิจการเมืองกำลังกลับมา ไม่เคารพเสียงของประชาชน 16.8 ล้านสภาผู้แทนราษฎร
การที่ รัฐสภา ดำเนินการแก้ไข รัฐธรรมนูญ ไปสู่ ระบบบัตรสองใบ แยกเป็น ส.ส.เขต และ บัญชีรายชื่อ จึงนำไปสู่ ระบบผู้ชนะกินรวบ คะแนนผู้แพ้ถูกทิ้งน้ำ เป็นการทำลายสิทธิเลือกตั้ง ของประชาชน ที่ได้รับการคุ้มครองไว้ในรัฐธรรมนูญ ผ่านระบบจัดสรรปันส่วน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |