28 ก.ย.64-ที่ จ.พิษณุโลก นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เปิดเผยว่า นได้เดินทางมาจากกรุงเทพ ฯ เป็นการด่วน และเดินทางไปพบกับ ผอ.เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เพื่อสอบถามปริมาณน้ำที่ตกเหนือเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ยังรองรับน้ำไหม ช่วงนี้จะรับได้อีกเท่าไหร่ หลังจากนี้เหลือเวลาอีก 35 วัน จะหมดฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว น้ำฝนจะเริ่มน้อยลง  พร้อมติดตามข้อมูลน้ำท่วมที่ จ.สุโขทัย กับ จ.พิษณุโลก เกิดจากน้ำที่ตกบนภูเขาจำนวนมากๆ และตกหลายคืน เมื่อภูเขารับน้ำไม่ไหวทำให้เกิดน้ำไหลหลากลงมาจากภูเขาแบบไม่มีทิศทาง ท่วมบ้านเรือนพื้นที่เกษตร อ.เมือง อ.ศรีสำโรง อ.ศรีสัชนาลัย  อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย  และ อ.บางระกำ อ.วังทอง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก มาดูแนวทางเพื่อวิเคราะห์สาเหตุเกิดจากน้ำฝนที่ตกหลายวันเป็นล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งไม่ตกในพื้นที่เหนือเขื่อน ตกบริเวณที่ไม่มีเขื่อนทำให้เกิดอุทกภัย หนักในครั้งนี้

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ทางหน่วยงานกรมอุตุนิยมวิทยา ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่แจ้งประชาชนทันท่วงที กรมป้องกันสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย มีการแจ้งข่าวกับประชาชนช้าเกินไป ประชาชนไม่ได้เตรียมตัว แม้กระทั่งบ้านของ รมว.กระทรวงยุติธรรม ยังหนีไม่ทันน้ำท่วมสูง  ตื่นเช้ามาก็ต้องขี่โก่งออกมาจากบ้าน นายกรัฐมนตรีก็มาเมื่อวานนี้ ก็จะสังเกตว่า กรมป้องกันสาธารณภัย ทำงานไม่สอดประสานกับกรมอุตุนิยมวิทยา น่าจะไม่มีการประชุมเพื่อคาดการณ์ปริมาณฝนตกบนพื้นที่บนภูเขา หลังภูเขา มีปริมาณเท่าไหร่ เพื่อคาดการณ์น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก  เพื่อจะได้แจ้งเตือนให้ประชาชนที่อยู่พื้นที่ตีนภูเขาใน 2 จังหวัดให้เก็บสิ่งของขึ้นที่สูงก่อน 

แต่ ณ ปัจจุบันไม่ทันได้เก็บของเลยน้ำมาแล้ว  เราจะโทษธรรมชาติก็ไม่ได้  ผมคงไม่แนะนำให้ ชาว จ.พิษณุโลก ชาว จ.สุโขทัย ให้คน 2 จังหวัด สร้างบ้านใหม่เป็นบ้าน 2 ชั้น อย่างบ้านนายกรัฐมนตรี   เราไม่มีเงินอย่าง ครม. แค่สถานการณ์ โควิด ก็แย่แล้ว พี่น้องประชาชนเสียชีวิตเยอะ ติดเชื้อเยอะ คนไม่มีเงิน เศรษฐกิจพังหมดแล้ว  จะเอาเงินที่ไหนมาสร้างบ้าน 2 ชั้น ท่านนายกฯยังบอกให้ประชาชนขยับขยายย้ายไปอยู่บนที่สูง นั่นหมายความว่า นายกฯ จะให้ประชาชน 2 จว.ย้ายไปอยู่บนภูเขา ซึ่งบนภูเขาไม่มีโฉนด  มีแต่พื้นที่ป่า จะให้ประชาชนไปบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนป่าไม้เหรอ เพราะฉะนั้นนายกฯไม่ควรพูดแบบนี้  อีกอย่างการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอุทกภัย การสวดมนต์ ช่วยอะไรไม่ได้ การสวดมนต์ นายกฯ ควรสวดสั่งสอนตนเอง

“ผมได้เกิดแนวคิดจาก ชาวอินเดีย ท่านหนึ่ง  เมื่อปีที่แล้วออกข่าวมา หมู่บ้านเขาไม่มีน้ำใช้ เวลาฝนตกลงมาบ้านเขาน้ำท่วมหมดเลย  ชาวอินเดียคนนี้ เขาเป็นคนเดียวที่ใช้เวลา 20 ปี ในขุดลอกคลองรอบภูเขา เวลาฝนตกมาน้ำไหลจากบนที่สูงลงที่ต่ำ แล้วเข้าคลอง หลังจากนั้นเขาไปขุดเป็นอ่างเก็บน้ำไว้  แต่ด้วยฝีมือมนุษย์คนนี้  ทำให้หมู่บ้านเขามีน้ำใช้ยามหน้าแล้ง และยามฝนตกช่วยน้ำไม่ไหลบ่าไปท่วมจุดอื่นๆ   ผมก็ไม่อยากให้รัฐบาลชุดนี้ทำ เพราะคงอยู่ไม่นาน ไว้รอรัฐบาลชุดผมสมัยหน้าเป็นรัฐบาลผม จะนำแนวคิดนี้มาบรรจุดเป็นนโยบายพรรค  ผมคิดว่าในภูเขาต่างๆ อย่างเทือกเขาเพชรบูรณ์ กว้างใหญ่พอสมควร เราควรมีการขุดคลองรอบภูเขาเพชรบูรณ์ แล้วสร้างอ่างเก็บน้ำผันจากคลอง ในกรณีช่วงที่น้ำหลาก น้ำไหลจากบนภูเขา ช่วงฝนตกหลายวันก็พร่องน้ำมาที่คลองไปอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ อาจสร้างอ่างไว้ขนาดกว้าง 500 เมตร ยาว 500 เมตร ลึก 20 เมตร ก็เก็บน้ำได้ เป็นล้านลูกบาศก์เมตร รอบภูเขาอ่างเก็บน้ำย่อยๆไว้หลายๆ จุด โดยไม่ต้องสร้างเขื่อน เสริมน้ำในเขื่อนมีจำนวนจำกัด  

ปัจจุบันน้ำในเขื่อนไม่เพียงพอกับพื้นที่เกษตรกรรมที่มีกว่า 138 ล้านไร่ แต่เราใช้น้ำพอเพียง 90 ล้านไร่ ยังเหลือพื้นที่อีกกว่า 40 ล้านไร่ ที่ไม่มีน้ำเพียงพอทำการเกษตร เราก็สามารถนำวิธีการนี้เอานำจากวิธีเก็บน้ำธรรมชาติเก็บอ่างเก็บน้ำ มาใช้ทำเกษตรเพิ่มเติม   นำในเขื่อนทุกเขื่อนเราเก็กกักไว้ได้ไม่เกินปีละ 77,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เก็บอย่างไรก็ต้องผันลงสู่ทะเล ปริมาณน้ำดูแลระบบนิเวศน์  ทำการเกษตร ใช้ในอุตสาหกรรมไม่เพียงพอ จำเป็นต้อง มีน้ำจากแหล่งธรรมชาติเพิ่มเติม นั่นคือ น้ำฝนตกจากบนภูเขา เข้ามาเสริมใช้ตรงนี้   เป็นแนวคิดที่จะทำให้มีน้ำใช้ตลอด 7 เดือน หลังจากฝนหยุดตก  ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้คุยกับผู้บริหารเขื่อนหลายแห่ง ว่าถ้าเขื่อนไม่มีน้ำจะหาที่ไหนมา ก็ทราบเพียงว่าถ้าไม่มีน้ำก็ต้องหยุดการปล่อยน้ำออกจากเขื่อน ให้เลิกปลูก ให้หยุดปลูกข้าว หยุดทำการเกษตร ให้ตัดทิ้งไป เป็นแนวคิดข้าราชการประจำที่ไม่ได้ใช้สมองคิดในการแก้ไขปัญหาเช่นเดียวกับนักการเมือง  ประชาชนเลือกนักการเมืองมาให้ใช้สมองคิดแก้ไขปัญหา ไม่ใช้อย่างที่นายกฯ มาบอกน้ำท่วม ให้สวดมนต์ ให้ย้ายบ้านไปอยู่ที่สูง ให้คนอยู่บ้านจัดสรรย้ายบ้านไปบุกรุกป่าไปอยู่บนเขาหมด  บ้าไปแล้ว   โดยพรรคศรีวิไลย์ จะนำโครงการขุดคลองรอบภูเขา บรรจุเป็นนโยบายพรรค แต่ก็กลัวพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคอื่นๆนำไปใช้