28 ก.ย.64- นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ เจ้าของเพจทูตนอกแถว และอดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตกลงจะเป็นนายกหรือมัคทายก?
เดิมตั้งใจว่าจะเขียนอะไรเกี่ยวกับการครบรอบ 15 ปีรัฐประหารปี 2549 ที่ลากพาประเทศชาติให้ตกต่ำมาถึงทุกวันนี้ แต่ในวันนั้นได้รับเชิญให้ช่วยกล่าวปราศรัยทางออนไลน์ในกิจกรรมคาร์ม็อบเนื่องในโอกาสครบรอบดังกล่าวก็เลยไม่ได้เขียนอะไรนะครับ
แต่จะอย่างไรที่พูดไปวันก่อนก็ยังมีบางประเด็นที่ไม่ได้พูดถึง และก็เห็นยังมีชาวสลิ่ม/ไอโอไปขุดเรื่องคดีเก่าๆทั้งหลายของคุณทักษิณขึ้นมาโจมตีอีก ก็เลยอยากมาคุยกันอีกสักนิด ซึ่งก่อนอื่นต้องขอบอกว่าผมไม่ได้คิดว่าคุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด แต่ผมคิดว่าเขาเป็นนายกรัฐมนตรีที่เก่งที่สุดในแง่การพัฒนาสร้างความเจริญและยกระดับความกินดีอยู่ดีของประชาชนได้อย่างแท้จริง เท่าที่ประเทศนี้เคยมีมา
ซึ่งสิ่งนี้มันก็เป็นคำตอบในตัวมันเองอยู่แล้วว่าทำไมผ่านไปสิบกว่าปี คนไทยจึงยังไม่ลืมชายชื่อทักษิณหรือพี่โทนี่จนถึงวันนี้ และยิ่งไปยกคดีเก่าๆไม่ว่าซื้อที่ดินรัชดา หวยบนดิน เงินกู้พม่า ภาษีหุ้นอะไร ฯลฯ มันยิ่งดูตลก out of place, out of context หลงโลกมาก เพราะมันยิ่งกลายเป็นการตอกย้ำให้เห็นชัดในวันนี้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันคือการกลั่นแกล้งกันทางการเมืองโดยใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือ
ซึ่งมันก็เป็นเพราะความบิดเบี้ยวของกระบวนการยุติธรรมเอง (ที่เท่ากับการทำลายระบบนิติรัฐโดยรัฐเองในทางอ้อมด้วย) ทำให้ไม่มีใครเขาเชื่อในคำตัดสินเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยส่วนใหญ่หรือทั่วทั้งโลก ซึ่งก็เป็นคำตอบอีกว่าทำไมไม่มีประเทศไหนใครเขาจับทักษิณส่งกลับ แม้กระทั่งจีน
ไปๆมาๆมันก็เลยกลายเป็นว่าต่อให้คุณทักษิณผิดจริงอย่างไรก็ไม่มีทางรู้เพราะความตกต่ำของระบบยุติธรรมของไทยที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ใครเขาเชื่อถืออีกต่อไป ผมเคยเป็นทูตจึงรู้ดีว่าไม่มีประเทศไหนหรอกที่เขาอยากจะฟังคำชี้แจงของรัฐบาลไทยต่อข้อหาของคุณทักษิณ พอทำหนังสือนำส่งคำชี้แจงไป (เพราะเขาไม่อยากรับนัดหมายฟังเราพูดให้เสียเวลาทำงาน) เขาได้รับก็คงเอาโยนใส่ตะกร้าทิ้งขยะไปหมด ประมาณนั้น เพราะไม่เคยปรากฎว่ามีปฏิริยาตอบกลับแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ทว่าในขณะที่ทั้งส่วนใหญ่ในไทยและโลกไม่รู้หรือไม่เขื่อว่าคุณทักษิณผิดอะไรด้วยเหตุของความคลุมเครือของข้อหาและความน่ากังขาของขั้นตอนทางกระบวนการทางยุติธรรมไทย แต่ที่แน่ๆคือผู้นำแถวนี้เคยต้องขอทำนิรโทษกรรมตนเองจากข้อหาการเป็นกบฎล้มล้างรัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตยซึ่งเป็นความผิดที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง
และการทำนิรโทษกรรมนั้นมันก็เท่ากับเป็นการยอมรับว่าตนเองผิดโดยดุษฎีอย่างชัดแจ้ง ปราศจากข้อกังขาใดๆทั้งสิ้น ก็ถ้าไม่ผิดจริงแล้วจะนิรโทษกรรมตนเองทำไมครับ? แถมเป็นความผิดที่ร้ายแรงยิ่งกว่าข้อหาของคุณทักษิณที่ยกมาหลายเท่านัก เพราะฉะนั้น เลิกเอาความผิดอะไรนั่นของคุณทักษิณมาพูดเถอะครับ เสียเวลาเปล่า
แล้วยิ่งหันมามองเทียบสภาพเมืองไทยวันนี้กับสมัยยุคคุณทักษิณ มันช่างด้อยกว่าทุกด้านจนน่าใจหาย และยังไม่รู้ว่าจะต้องพังพินาศกันอีกนานเท่าไหร่กับวิธีการของผู้นำในการแก้ปัญหาของประเทศ ที่ไม่ว่าจะสร้างความเจริญ การจัดการกับโควิดหรือภัยพิบัติต่างๆ ก็บอกให้ใช้วิธีสวดมนต์เข้าสู้
ก็อย่างที่มีเพื่อนที่นับถือกันท่านหนึ่งบอก
นี่ตกลงเขาจะเป็นนายกหรือมัคทายกกันแน่???
แล้วก็มีคนพูดว่าเมื่อไหร่เราจะก้าวข้ามทักษิณ/โทนี่ชายหน้าเหลี่ยมกันได้สักที
ผมว่ามันก็ไม่ยากหรอกครับ ก็แค่ไปหาคนที่เก่งกว่าคุณทักษิณมาบริหารเท่านั้นเอง
หาได้ไหมล่ะ? แต่ถ้าหาไม่ได้ มันก็ไม่แปลกหรอกครับที่นานแค่ไหนคนเขาก็ยังไม่ลืม นึกถึงแต่พี่โทนี่พลางคิดว่าป่านนี้ประเทศเราจะเจริญไปไหนแล้ว ไม่ใช่จมปลักถอยหลังลงคลองอย่างทุกวันนี้
ส่วนถ้าวันๆทำได้แค่เป็นมัคทายกชวนสวดมนต์เเก้ปัญหา ที่พอว่างก็ไปพล่ามคุยเล่นกับวัวควายในคอก อะไรแบบนี้ มันไม่ช่วยอะไรขึ้นมาหรอกครับ
หากจะลองส่องกระจกแล้วยอมรับความจริงเพื่อชาติบ้านเมืองบ้างน่าจะดีกว่ามาก
อันนี้รวมถึงคนที่ยังจะเชียร์ด้วยนะครับ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |