“ประยุทธ์” ปลื้มเชื่อมั่นไทยฉีดวัคซีนตามแผนแน่ “ศบค.” เล็งใช้สูตรไขว้ซิโนฟาร์มเหมือนซิโนแวค  กางไทม์ไลน์ยอดนำเข้าวัคซีนยังเดินตามกำหนด สิ้นปีได้  178.2 ล้านโดส เผย “สเปน-ฮังการี” พร้อมขายราคาถูก ตั้งเป้าสิ้น ต.ค.ฉีดครบ 50% ทุกจังหวัด พ.ย.เข็มหนึ่ง 70% “อนุทิน” แจงแผนขุดบ่อล่อปลาจับโกงฉีดวัคซีน    
    เมื่อวันจันทร์ที่ 27 ก.ย. นายธนกร วังบุญคงชนะ  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ผ่านระบบการประชุมทางไกลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ดีใจที่ไทยสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 รายวันได้เกิน 1 ล้านโดส และมั่นใจว่าไทยมีศักยภาพในการฉีดวัคซีนได้บรรลุตามเป้าหมาย  โดยฝากให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ดูแลบริหารจัดการวัคซีนสำหรับเด็กเล็กด้วย ทั้งนี้ นายกฯ ยังรับทราบแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับชาวต่างประเทศและแรงงานต่างด้าวโดยจะเริ่ม 1 ต.ค.นี้ 
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.กล่าวว่า ยอดผู้ได้รับวัคซีนของไทยเมื่อวันที่ 26 ก.ย. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 175,296 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.มีทั้งสิ้น 50,566,651 โดส ส่วนแผนการให้บริการและบริหารจัดการวัคซีน ในที่ประชุมอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแนะนำว่า การฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มแบบสูตรไขว้อาจใช้หลักการเดียวกับวัคซีนซิโนแวค  ต้องรอข้อมูลจากผลวิจัยเพิ่มเติม โดยใช้สูตรดังนี้ ซิโนฟาร์ม-ไฟเซอร์ ระยะห่างระหว่างเข็ม 3 สัปดาห์, ซิโนฟาร์ม-แอสตร้าเซนเนก้า ระยะห่างระหว่างเข็ม 3-4  สัปดาห์, ซิโนฟาร์ม-ซิโนฟาร์ม กระตุ้นด้วยแอสตร้าเซนเนก้า ตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไปหลังเข็ม 2, ซิโนฟาร์ม-ซิโนฟาร์ม กระตุ้นด้วยไฟเซอร์ ตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไปหลังเข็ม 2 
“การฉีดซิโนฟาร์มแบบสูตรไขว้ยังไม่กำหนดเป็นสูตรหลักของประเทศ การใช้สูตรนี้จึงเป็นไปตามเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนอนุญาตการใช้วัคซีนโดยองค์การอาหารและยา  (อย.) และตามความสมัครใจของผู้รับวัคซีน และดุลยพินิจของผู้ให้บริการ” นพ.ทวีศิลป์ระบุ 
    นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่ประชุมยังพูดถึงแผนการจัดหาวัคซีนภายในปี 2564 ว่าจะมีการจัดหาได้ 178.2  ล้านโดส โดยในเดือน ก.ย.รับเข้ามาแล้วทั้งซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์ทั้งหมด 16.3 ล้านโดส และเตรียมรับซิโนฟาร์มอีก 10 ล้านโดส เดือน ต.ค.จะเข้ามาอีก 24 ล้านโดส และซิโนฟาร์มอีก 6 ล้านโดส เดือน  พ.ย.เข้ามาอีก 23 ล้านโดส และซิโนฟาร์มอีก 6 ล้านโดส และ ธ.ค.เข้ามาอีก 24 ล้านโดส ซิโนฟาร์มอีก 12.5  ล้านโดส  และโมเดอร์นา 2 ล้านโดส รวมวัคซีนที่จะเข้ามาตั้งแต่เดือน ก.ย.-ธ.ค.ทั้งหมด 50 ล้านโดส และเมื่อรวมกับที่เข้ามาก่อนหน้านี้ 126.2 ล้านโดส ก็จะเป็น  178.2 ล้านโดส ตามแผนที่วางไว้  
    นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอว่า ประเทศในสหภาพยุโรปพร้อมขายต่อวัคซีนให้ในราคาถูกที่ต่ำกว่าตลาด คือ ประเทศสเปนขายแอสตร้าเซนเนก้า 165,000 โดส ในราคาโดสละ 2.9 ยูโร และไฟเซอร์ 2,788,110 ล้านโดส ราคาโดสละ 15.5 ยูโร ประเทศฮังการีขายแอสตร้าเซนเนก้า 4 แสนโดส ราคาโดสละ 1.78 ยูโร โดยมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ร่วมด้วยคือ ค่าบรรจุภัณฑ์ และที่ควบคุมอุณหภูมิ ค่าขนส่ง ค่าภาษีศุลกากรขาออกและขาเข้า ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าประกันความเสียหาย  
    “เป้าหมายและแผนการจัดสรรวัคซีนในปี 64 โดยในเดือน ต.ค.ตั้งเป้าฉีดให้ครอบคลุมประชากรทั้งหมด รวมชาวต่างประเทศในประเทศไทยอย่างน้อย 50% ทุกจังหวัด และอย่างน้อย 1 อำเภอครอบคลุม 70% เดือน  พ.ย.ครอบคลุมผู้ได้รับเข็ม 1 อย่างน้อย 70% รวมถึงกลุ่มอายุ 12-17 ปี และเดือน ธ.ค.ครอบคลุมผู้ได้รับเข็ม 1 และเข็ม 2 อย่างน้อย 80% และ 70% ตามลำดับ” นพ.ทวีศิลป์กล่าว 
    ขณะเดียวกันที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารได้รับมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 122,400  โดส ชุดตรวจ Antigen Rapid Test 200,000 ชุด และชุดตรวจแบบ Nasopharyngeal Swab 500,000 ชุด จากรัฐบาลสิงคโปร์ โดยมีนายเควิน ฉ็อก เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย และคณะเป็นตัวแทนมอบ พร้อมด้วยนายดุสิต เมนะพันธุ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศร่วมเป็นสักขีพยาน 
นายอนุทินยังกล่าวถึงกรณีสหรัฐอเมริกาจะบริจาควัคซีนไฟเซอร์ 1 ล้านโดสให้ไทยว่า สถานทูตสหรัฐอเมริกาได้ออกแถลงการณ์ว่าอยู่ในขั้นตอนการจัดเตรียมเอกสาร รวมถึงแถลงการณ์จากเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตันระบุอย่างชัดเจนว่ายังไม่ได้รับบริจาค ซึ่งวัคซีนไฟเซอร์ที่รัฐบาลไทยจะได้รับจากสหรัฐอเมริกาทั้งหมด 2.5 ล้านโดส มาถึงแล้ว 1.5 ล้านโดส ส่วนอีก 1  ล้านโดสเป็นเจตจำนงที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะมอบให้ ซึ่งยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ขอยืนยันว่าวัคซีนที่ได้รับบริจาคถือเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
“วัคซีนบริจาคเราจะได้รับเมื่อสหรัฐอเมริกามีความพร้อม ซึ่งเป็นสิทธิ์ของประเทศต้นทางที่จะบริจาค ไม่สามารถไปทวงได้ ยืนยันว่าหากส่งเอกสารมาเราไม่มีทางล่าช้าแน่นอน” นายอนุทินกล่าว
วันเดียวกัน นายอนุทินได้แถลงถึงการจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตลงทะเบียนจองคิวรับวัคซีนของศูนย์ฉีดวัคซีน​กลาง​บางซื่อว่า ได้ตรวจพบความผิดปกติหลักๆ 2 ประการตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.64 ประการแรก  พบว่ามีการนัดล่วงหน้าที่มีจำนวนสูงกว่าปกติ มากกว่าจำนวนที่เจ้าหน้าที่ของศูนย์เป็นผู้นำเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลด้วยตนเอง โดยเริ่มพบตัวเลขผิดปกติในหลักร้อยและหลักพันต้นๆ ในช่วงวันที่ 18-27 ก.ค. และพบจำนวนนัดมากกว่าปกติเป็นหลักสองพันปลายๆ ระหว่างวันที่ 28-31 ก.ค. ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการเปิดรับการบริการแบบวอล์ก​อิน ประการที่ 2 ในช่วงเดือน  ก.ค.ซึ่งเป็นช่วงรับผู้ป่วยวอล์ก​อินนั้น ศูนย์ได้งดรับการนัดล่วงหน้าจากองค์กรภายนอกเกือบทั้งหมด ยกเว้นบางหน่วยงาน ทำให้ในช่วงดังกล่าวเจ้าหน้าที่ศูนย์ได้อัปโหลด​ข้อมูลเข้าระบบแล้วเสร็จอย่างรวดเร็วภายในเวลา 18.00 น. ของแต่ละวันแล้ว มิใช่เสร็จสิ้นช่วงดึกๆ เหมือนตอนจองคิวล่วงหน้า และพบว่ายังมีอัปโหลด​ส่งข้อมูลนัดหมายล่วงหน้าอีกในเวลาหลัง 22.00 น.ของทุกวันอยู่อีก ประกอบกับศูนย์ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีการซื้อขายเพื่อรับคิวการฉีดวัคซีน จึงได้ตรวจสอบและพบว่ามีการเพิ่มจำนวนนัดล่วงหน้าโดยทุจริตจากการใช้ users 19  login ซึ่งอยู่ในกลุ่มจิตอาสาที่ได้รับการเพิ่มสิทธิ์ในการนำเข้า และแก้ไขข้อมูลผู้รับบริการในช่วงเปิดบริการแบบวอล์ก​อิน
    นายอนุทินกล่าวว่า ศูนย์จึงได้วางแผนเพื่อสืบให้ได้ถึงผู้กระทำผิดทั้งหมด โดยดำเนินการทันทีในวันที่ 28 ก.ค.  ซึ่งเป็นวันแรกที่มีคิวนัดล่วงหน้าเพิ่มมากกว่าปกติกว่า  2,827 คน โดยได้ดำเนินกลยุทธ์ขุดบ่อล่อปลาให้ผู้ที่ซื้อคิวโดยทุจริตเหล่านี้เดินทางมารับบริการตามปกติ และเมื่อศูนย์ตรวจเช็กแล้วว่าเริ่มมีการลงทะเบียนไปประมาณมากกว่า 600 คน จากจำนวนกว่า 2,000 คนนั้น ศูนย์จึงแจ้งยกเลิกคิวการฉีดของทั้ง 2,827 คนนั้นทั้งหมด เพื่อบีบให้คนเหล่านี้แสดงตัวขอความช่วยเหลือร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ โดยศูนย์ได้จัดสถานที่ไว้เป็นการเฉพาะ  ทำให้สามารถรวบรวมผู้ทำนัดโดยทุจริตนี้ได้มากกว่า  300 คน ซึ่งได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดีต่อไปอย่างยิ่ง
      “ข้อมูลจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า การซื้อคิวนัดดังกล่าวมีทั้งซื้อเอง ญาติหรือนายจ้างซื้อให้  และมีการจ่ายเงินทั้งแบบเงินสดและการโอนเงินในอัตรา 400-1,200 บาทต่อคิว ซึ่งศูนย์ได้รับข้อมูลรายชื่อและเลขที่บัญชีธนาคารที่ใช้รับโอนของกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวแล้ว  จึงได้ให้นิติกรของกรมการแพทย์เป็นผู้แทนในการดำเนินการแจ้งความต่อตำรวจ สน.นพวงศ์ ในฐานะผู้เสียหายต่อไป” นายอนุทินกล่าวและว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้สอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและจิตอาสาที่ต้องสงสัยทั้ง 19 คนนี้ และได้ขอความร่วมมือกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) สอบสวนหาหลักฐานเชิงลึก และดำเนินการจับกุมตัวการสำคัญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว.