ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 ยนกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดาน ที่ได้รับการพัฒนาดีเอ็นเอความสปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ สมรรถนะทรงพลัง ดีไซน์ภายนอกของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด "Exhilarating Exterior" สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นซีดานอย่างชัดเจน มีการออกแบบอย่างประณีต ออกแบบโดยใช้เส้นสายในแนวนอนที่ยาวต่อเนื่องจากด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย มาพร้อมการจัดวางโครงสร้างสไตล์ Low & Wide ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้ตัวถังกว้างและยาวขึ้นกว่าเดิม เน้นให้มีพื้นที่ภายในโปร่งโล่ง และทัศนวิสัยที่ดี อีกทั้ง มีการใช้เทคโนโลยี Roof Braze ในการประกอบตัวถัง เพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคา ช่วยให้ตัวรถมีเส้นสายที่สวยงามและเฉียบคม มาพร้อมโดดเด่นความสปอร์ตที่โดดเด่นในทุกมิติ กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน พร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้าไฟท้าย LED แบบ C line ที่แสดงออกถึงตัวตนความเป็นซีวิคอย่างชัดเจน ออกแบบด้วยเทคนิค Fine Cut เอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า ที่ควบคุมการกระจายแสงสว่างอย่างสม่ำเสมอ ให้แสงไฟชัดเจนและนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น เสาอากาศแบบครีบฉลาม ท่อไอเสียแบบคู่ ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ช่องเสียบกุญแจที่ย้ายไปไว้ด้านในที่มือจับประตูรถ เพื่อความประณีตสวยงาม สอดคล้องกับการทำงานของระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ ดีไซน์ซุ้มล้อด้านหลัง พับและหุ้มเพื่อเพิ่มความประณีต ฝากระโปรงท้ายที่สามารถเปิดได้ด้วยเพียงจังหวะเดียว ก้านปัดน้ำฝนดีไซน์ใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยจะมีช่องฉีดน้ำอยู่ที่ก้านปัดน้ำฝน และมีการควบคุมปริมาณการฉีดและบริเวณที่ฉีดได้อย่างแม่นยำทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้ในขณะฝนตก
ภายในห้องโดยสารออกแบบภายใต้แนวคิด “Fine Morning” กว้างขวางสะดวกสบาย เน้นอรรถประโยชน์และเส้นสายที่สวยงาม มาพร้อมคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ ที่มีการจัดวางเลย์เอาท์และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ให้ตอบโจทย์และใช้งานได้อย่างคล่องตัว เบาะที่นั่งผู้ขับขี่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ มาพร้อมโครงสร้างแผ่นเรซินรองรับสรีระแบบเต็มพื้นที่ ตั้งแต่ช่วงหลังส่วนบน กระดูกเชิงกราน จนถึงต้นขา เพื่อให้ได้ความรู้สึกในการนั่งที่โอบกระชับและรับน้ำหนักได้อย่างสมดุล ให้การขับขี่ที่มั่นคงแต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบาย
ขุมพลังเร้าใจ ด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ใหม่ 4 สูบ 16 วาล์ว ใหม่ การทำงานของเครื่องยนต์ มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 - 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 17.2 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามสไตล์ 3 โหมด ได้แก่ ECON Mode – โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น Normal Mode - โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป เพิ่มเติมด้วย Sport Mode - โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่การทำงานของเครื่องยนต์ตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ (เฉพาะรุ่น RS)
มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ใหม่ ที่ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชนระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ , ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ , ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง , ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่, ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร , ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า , ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า
นอกจากนี้ ยังครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย อาทิ ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบจะตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ผ่านการควบคุมพวงมาลัย เมื่อพบว่าประสิทธิภาพในการควบคุมรถของผู้ขับขี่ลดน้อยลง ระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT และเมื่อตรวจพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากความเหนื่อยล้า ระบบจะทำการสั่นเตือนที่พวงมาลัย , กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย โดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน ระบบเบรกมือไฟฟ้า ระบบ Auto Brake Hold ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า และม่านถุงลมด้านข้าง ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal - ESS) และมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
รุ่นที่นำมาทดลองขับเป็นรุ่น Honda Civic EL+ หรือเรียกง่ายๆว่ารุ่นรองท๊อปนั่นเอง ซึ่งจะตัดออฟชั่นบางอย่างออกไป เพื่อราคาที่ย่อมเยาขึ้น สำหรับ Honda Civic EL+ เมื่อได้ลองขับต้องบอกว่าสมรรถนะพละกำลังมาแบบนุ่มๆ แต่แฝงไว้ด้วยความแรง อัตราเร่งดีมาอย่างต่อเนื่อง มั่นใจได้เมื่อเร่งแซง น้ำหนักของพวงมาลัยกำลังดี ไม่หนักจนเกินไป บังคับควบคุมได้ง่าย ส่วนช่วงล่างดีมั่นใจได้ อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกในรถให้มาเพียงพอต่อการใช้งาน การจัดวางตำแหน่งปุ่มควบคุมและฟังก์ชั่นต่างๆทำได้ลงตัวใช้งานง่าย เป็นรถที่ขับสนุก ได้ลองนั่งด้านหลังต้องบอกว่านั่งสบาย กว้างขวาง ไม่เมื่อยล้าเมื่อเดินทางไกล สำหรับความประหยัดในการทดลองขับทำได้ประมาณ 14 กม./ลิตร หากใครสนใจ ฮอนด้า ซีวิคใหม่ มี 3 รุ่นให้เลือก โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน ซึ่งราคามีความแตกต่างกันเล็กน้อย และออฟชั่นก็แตกต่างกัน โดยรุ่น รุ่น EL ราคา 964,900 บาท รุ่น EL+ราคา 1,009,900 บาท และรุ่น รุ่น RS ราคา 1,199,900 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน โดยผู้สนใจสามารถสอบถามและทดลองขับได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |