จะไปถึงขั้น...สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยว-หวาดเสียวใจ เหมือนอย่างยุค ผู้ปกครองเป็นหญิงพึงระวัง หรือไม่ อย่างไร ก็ยังมิอาจสรุปและคาดคำนวณได้ สำหรับภาวะน้ำเอ่อ น้ำล้น น้ำท่วม หรือน้ำป่าหลากไหล ด้วยเหตุเพราะปริมาณฝนช่วงนี้ท่านออกจะมาถี่และมาแรงซะเหลือเกิน จนบรรดาผู้เชี่ยวชาญจำนวนมิใช่น้อย ต้องออกมาแสดงความวิตก ห่วงใย พะว้าพะวังกันไปตามสภาพ...
-------------------------------------------------
คือถ้าปล่อยให้ไปไกลถึงช่วงนั้น ยุคนั้น...รับรองว่า หนีไม่พ้นต้อง เรียบโร้ยย์ย์ย์โรงเรียนนายร้อย จปร. อย่างมิพึงต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็น ป.ประยุทธ์ ป.ป้อม ป.ป๊อก หรือ ป.ใดๆ ก็เถอะ!!! ไม่ต้องเสียเวลา อึมครึม อีกต่อไป ว่าใครจะไปเพชรบุรี ไปอยุธยา หรือไปสุโขทัย ฯลฯ กันในตอนไหน-ช่วงไหน เพราะถ้าหากไปไกลถึงยุคนั้น จังหวะนั้น ต้องเรียกว่า...หวิดๆ ใกล้ๆ ภาวะ รัฐล้มเหลว เต็มที กระทั่งระดับ นารีขี่ม้าขาว ยังต้องออกอาการเงอะๆ งะๆ สติ-สตังแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จู่ๆ ก็คว้า ก้อนจุลินทรีย์ ใส่บาตรพระเอาดื้อๆ นอตหลุด นอตหลวม ในเรื่อง จังหวัดหาดใหญ่ เรื่อง เรือดันน้ำ ก็ดูเหมือนจะเป็นในช่วงจังหวะนั้น...
----------------------------------------------------
ยิ่งบรรดาพรรคพวกและบริวารมุ่งสนับสนุน ส่งเสริม ให้ ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ยิ่งขึ้นไปอีก ประเภทคนเสื้อแดงบางหน่อ บางราย ที่แบกเรือ แบกส้วมสำรองบริจาค ฯลฯ เอาไปเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวซะอีกต่างหาก หรืออดีตรัฐมนตรี อดีตอธิบดี กวักมือ-กวักไม้ ป่าวประกาศเชิญชวนให้ใครต่อใครเอารถไปจอดไว้ที่ ดอนเมือง สุดท้าย...เลยหนีไม่พ้นต้องเจอกับน้ำท่วมระดับมิดล้อ มิดกระจก มิดหลังคา พังพินาศเสียหายชนิดจะไป แค้นสวาทแล้วทวงคืน กับใครต่อใครก็มิได้ ไม่เชื่อลองถาม ประจักษ์พยาน อย่างคุณน้อง แป้น ปาริชาติ ที่เขียนอยู่ในไทยโพสต์ วันอาทิตย์ ดูเอาเองก็แล้วกัน...
-------------------------------------------------------
คือด้วยเหตุเพราะ พี่ชาย ออกจะเป็นอะไรที่เหี้ยมเกรียมเอามากๆ ถึงกับไปฉุดกระชากลากถูเอา น้องสาว ที่ออกจะสดใส เริงร่า บริสุทธิ์-ไร้เดียงสา มาแต่อ้อนแต่ออก ให้เข้ามาแบกรับ ปัญหา ที่แม้แต่ผู้ชายอกสามศอก สี่ศอก ห้าศอก หรือจะกี่ศอกก็แล้วแต่ ยังรับไม่ไหวเอาง่ายๆ อาจเป็นเพราะตัวเองไม่เคยไว้ใจใคร การลากเอาผู้ที่ตัวเองพอไว้ใจได้ มาให้เป็นผู้รับผิดชอบชาติบ้านเมืองระดับทั่วทั้งประเทศ ทั้งที่เพิ่งเอาใส่ตะกร้าล้างน้ำเพียงแค่ 45 วันเท่านั้นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างก็เลยหวิดๆ ใกล้ๆ ถึงจุด รัฐล้มเหลว อย่างเห็นได้โดยชัดเจน แม้ประคองตัวรอดมาได้อย่างหวิดหวิวฉิวเฉียดเพียงใดก็ตามที แต่สุดท้าย...หนีไม่พ้นต้องอาศัย ช่องทางธรรมชาติ ออกไปเป็น สัมภเวสี นอกประเทศกันจนได้...
------------------------------------------------------
และการร่อนเร่ ไปโน่น ไปนี่ ไปประเทศโน้น ประเทศนี้ ไม่ต่างไปจากพวกวิญญาณพเนจรทั้งหลาย อย่าไปคิดว่า...จะสามารถรื่นเริง บันเทิง ปลอดโปร่ง โล่งสบาย ได้โดยตลอด ขนาด พี่ชาย ยังถึงกับ เพ้อ ถึง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัดดงมูลเหล็ก ให้เห็นๆ กันมามั่งแล้ว โอกาสที่ น้องสาว อาจถึงขั้นต้องฟูมฟาย เฟอะฟะ ฟอบแฟบ อยากกลับบ้านหัวใจแทบขาด ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย เพียงแต่สิ่งที่มันเป็นไปแล้ว มันก็ไปแล้ว-ไปเลย ไม่มีโอกาสหวนคืนกลับมาได้อีก ชะตากรรม ชะตาชีวิต ของ น้องสาว ผู้เคยสดใส เริงร่า บริสุทธิ์ไร้เดียงสามาในอดีต เมื่อต้องเจอกับ ปัญหา ในระดับหนักหนา สาหัส เอามากๆ จึงเป็นอะไรที่น่าสงสาร น่าเวทนา เป็นอย่างยิ่ง...
--------------------------------------------------------
อันนี้นี่แหละ...ที่อาจหยิบเอามาใช้เป็น อุทาหรณ์-สอนใจ สำหรับใครก็ตามที่ยังคิดว่า การเมือง เป็นเรื่องสบายๆ เป็นเรื่องน่าพิสมัย น่าหลงใหล จนไม่คิดจะถอนตัว หรือถอนตัวไม่ขึ้น เพราะเอาไป-เอามาแล้ว...มันออกจะเป็นอะไรที่โหดร้ายและเหี้ยมเกรียม อำมหิต มิใช่น้อย โดยเฉพาะกับ ปัญหา ที่ตัวเองไม่ได้คาดคิด ไม่ได้เตรียมตัว เตรียมใจ เอาไว้ล่วงหน้า แต่จะโดยการดลบันดาลของ ฟ้า ของ ดิน หรือแม้แต่ของ พระสยามเทวาธิราช ก็แล้วแต่ โอกาสที่จะเจ๊ง...กับ...เจ๊ง!!! ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้น หงายหลังหลับสนิทนิทรากลางอากาศ ย่อมถือเป็นเรื่องปกติ-ธรรมดา ของสิ่งที่เรียกขานกันในนาม การเมือง นั่นเอง...
------------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...ก็อย่าไปทะนง องอาจ จนเกินตัว เกินกำลัง หรือเกินไปกว่าความเป็นตัวตน-ของตน หันมาสำรวจ ตรวจสอบ ตัวเองให้ลึกๆ ว่าตัวเองเป็นใคร??? เป็นอย่างที่ตัวเองต้องการเป็น เป็นอย่างที่ผู้อื่นเห็นว่าตัวเองเป็น เป็นอย่างที่ตัวเองเป็นแบบแท้ๆ ล้วนๆ หรือเป็นเพียงแค่ ทหาร ธรรมดาๆ ไม่ใช่ นักการเมือง อย่างใครๆ ซะที่ไหน??? อันนี้...ก็อาจพอช่วยให้อะไรต่อมิอะไร มันคงไม่ถึงกับหนักหนา-สาหัสจนเกินไป ไม่ว่าต้องเจอกับสิ่งที่ไม่เคยคาดคิด หรือไม่ได้เตรียมตัว เตรียมใจ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า เพราะการรู้ลึก รู้จริง หรือกระทั่ง รู้แจ้ง ว่าตัวเองเป็นใครนั่นแหละ ย่อมต้องถือเป็น ธรรมะ ชนิดหนึ่ง อย่างมิพึงต้องสงสัย เหมือนอย่างที่ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ท่านเคยประทานคติเตือนใจเอาไว้ประมาณว่า ให้มีสติ-อย่าเหลิงอำนาจ-หลงอำนาจ...จนอาจนำไปสู่การกระทำหน้าที่โดยมิชอบ...นั่นแล...
------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Paul Dickson (อีกครั้ง)...Integrity is like oxygen. The higher you go, the less there is of it. - ความซื่อตรงมั่นคงนั้น...เปรียบได้กับออกซิเจน ท่านยิ่งสูงขึ้นไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีน้อยลงไปเท่านั้น...”
-------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |