มีหลายความเห็นวิเคราะห์กันว่า พี่น้อง 3 ป.ถึงคราวแตก แต่เมื่อดูสถานการณ์การเมืองอาจจะยังไม่ถึงขั้นนั้น โดยเฉพาะการแสดงบทหวานของผู้กุมอำนาจหลัก เมื่อ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม บอก "รักพี่ป้อมเสมอ" ส่วน "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุเช่นกันว่า "รักกันจนตาย" เพื่อสยบรอยร้าว หลังเกิดประเด็นขาใหญ่ใน พปชร.ก่อหวอดกดดัน "บิ๊กตู่" ผ่านเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ท่ามกลางกระแสข่าวล้มกระดานเปลี่ยนขั้วอำนาจการเมือง ต่อรองให้ปรับ ครม.หรือกระทั่งเรียกร้องให้มาสนับสนุนการทำงานของ ส.ส.พปชร.มากขึ้น หลังจากสองปีกว่าไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันไปบอกชาวบ้าน
กระแสปั่นไปถึงขั้น นายกฯ และ "บิ๊กป๊อก" หวาดระแวงจะถูกแทงหลัง และเมื่อศึกซักฟอกจบลงโดยนายกฯ ได้คะแนน "ไม่ไว้วางใจ" มากที่สุด จึงตามมาด้วยการเช็กบิลผู้ก่อการด้วยการปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิท โดยไม่บอกกล่าว "บิ๊กป้อม"
หากถามว่างานนี้ "พี่ใหญ่" มีเคืองใจหรือไม่ ก็ต้องยอมรับว่ามีแน่นอน แต่ก็ยอมกลืนเลือดและเลือกที่จะประคองน้องรัก 2 ป.ที่คบหากันมาร่วม 40-50 ปี ให้อยู่ในอำนาจรักษาผลประโยชน์ทั้งในกองทัพและการเมืองต่อไป โดยเฉพาะ "บิ๊กตู่" ถือเป็นตัวแทนหลักของฝ่ายขวาที่ไม่เอาระบอบทักษิณ และแนวร่วมกลุ่มม็อบ 3 นิ้ว ที่มีข้อเรียกร้องทะลุเพดานเกินกว่าคนไทยจะรับได้
แต่ในขณะเดียวกัน "บิ๊กป้อม" ก็เลือกที่จะกระชับอำนาจของตัวเอง มิให้ฝ่ายน้อง 2 ป.เข้ามายุ่งวุ่นวายจนเกินไป หลังจากตัวเอง ขาลอยในฝ่ายบริหาร มีเพียงงานหน้าที่ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบแก้ปัญหาที่ดิน น้ำ กีฬา แรงงาน หนี้นอกระบบ ไอที เป็นต้น มิได้มีอำนาจทั้งกองทัพ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายปกครองฯ
ดังนั้น จำเป็นที่ "บิ๊กป้อม" จะต้องสร้างอำนาจของตัวเองให้เข้มแข็งผ่านพรรคการเมืองในระบบสภา และเสียง ส.ว.สรรหาที่ตัวเองแต่งตั้งหนุนหลัง ด้วยการไม่ปรับ ร.อ.ธรรมนัสออกจากเลขาธิการพรรค และนางนฤมล ออกจากเหรัญญิก รวมทั้งยังตั้ง "บิ๊กน้อย" พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา น้องรักอีกคน เข้ามาเพื่อกันท่ามิให้ "บิ๊กตู่" และ "บิ๊กป๊อก" เข้ามาแทรกกิจการภายในพรรค
หลังได้รับบทเรียนจากสภาวะขาลอย จนเกือบไม่รอดในการศึกซักฟอก มีกระแสข่าวนายกฯ พยายามเรียกใช้บริการกลุ่มรัฐมนตรีที่ยืนคนละมุมของมุ้ง 3 ช. เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับ ส.ส.พปชร.ผ่านนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ดูแล ส.ส.ในสัดส่วนเบื้องต้น 1 ต่อ 10 หรือมากกว่านั้น
รวมทั้งรัฐมนตรีกลุ่มสามมิตร ทั้งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้รับผิดชอบดูแลเกือบ 30 คน
พร้อมกำชับว่า "หาก ส.ส.ในความรับผิดชอบมีปัญหา ต้องการหารือ ก็สามารถเข้าพบกับนายกฯ ได้โดยไม่มีการปิดกั้น" สอดรับกับการลงพื้นที่ตรวจราชการของนายกฯ อย่างต่อเนื่องในพื้นที่ฐานเสียงของ พปชร. ไม่ว่าจะสมุทรปราการ ชัยนาท และชลบุรี
ความพยายามเข้ามาสร้างสัมพันธ์กับ ส.ส.พปชร.เพื่ออำนวยความสะดวกทางด้านงานการเมือง มาสะดุดหยุดลงเมื่อ "พล.อ.ประวิตร" ต้องการแสดงพลังให้ "บิ๊กตู่" ได้เห็นว่าสุดท้ายใน พปชร.ใครคือเบอร์ 1 และเลือกเอาวันที่ 22 กันยายนลงพื้นที่ตรวจราชการ ตรงกับนายกฯ โดย "บิ๊กป้อม" เลือกลงพื้นที่ตรวจราชการแก้ปัญหาน้ำท่วมในส่วนแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี ส.ส.ให้การต้อนรับนับได้ 55 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานวิปรัฐบาล รวมทั้งยังปรากฏว่า นายสันติและนายชัยวุฒิ 2 รัฐมนตรีที่ถูกอ้างว่าสนับสนุนนายกฯ มาร่วมด้วย
ส่วน "บิ๊กตู่" เลือกลุ่มน้ำเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี โดยมีนายสุชาติที่เป็นรัฐมนตรีร่วมทัพ ร่วมกับ ส.ส.ประมาณ 9 คนในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี, ราชบุรี และกาญจนบุรีเท่านั้น
งานนี้แม้แกนนำ พปชร.จากทั้ง 2 ฝ่ายจะออกมาสยบข่าว ไม่ได้เป็นการวัดกำลังของพี่น้อง 3 ป. แม้จะเป็นความจริง แต่ก็ต้องยอมรับอีกด้านก็เป็นการแสดงพลังของกลุ่มก๊วนใน พปชร.ใช่หรือไม่ ว่าพร้อมจะยืนข้างใคร
ในทางการเมืองก็ต้องยอมรับว่า งานนี้กระทบมาถึง "ลุงตู่" อย่างแน่นอน โดยเฉพาะหากจะเข้ามายึด ส.ส.คงยากลำบาก เพราะสุดท้าย ส.ส.ส่วนใหญ่ยังเลือกข้าง "ลุงป้อม" เนื่องจากเป็นผู้ดูแลอย่างชัดเจนมาตั้งแต่ต้น ส่วนนายกฯ เพิ่งจะมาให้ความสำคัญในระยะหลัง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เว้นระยะห่างจากนักการเมืองค่อนข้างมาก
ส่วนกลุ่มสามมิตร ที่ระยะหลังใกล้ชิดนายกฯ และกลุ่ม ส.ส.ใต้ของ พปชร. ที่เลือกตั้งเข้ามาได้เพราะกระแส พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงเลือกตั้งปี 2562 เกมวัดพลังครั้งนี้ยังเลือกลอยตัว ไม่ลงมาเล่นในเกมอยู่ข้างนายกฯ เพราะอาจประเมินว่าอาจทำให้ตนเองเดือดร้อน เพราะ "บิ๊กป้อม" ยังเลือกถือหางขั้วอำนาจ 3 ช.อยู่ใช่หรือไม่
หลังจากแสดงพลังจากขาใหญ่ใน พปชร.ให้เห็นแล้ว ก็เลือกที่จะสยบความขัดแย้งใน พปชร. โดยมีรายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประวิตรได้เห็นชอบการมอบหมายภารกิจให้ นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชรและรองเลขาธิการพรรค พปชร. ในการทำหน้าที่เป็นผู้ประสาน ส.ส.ของพรรคแต่ละพื้นที่เพื่อร่วมคณะต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถือเป็นโอกาสให้ ส.ส.ได้ใกล้ชิดนายกฯ และสะท้อนปัญหาประชาชนเพื่อนำไปสู่การแก้ไขโดยเร็ว
โดยนายไผ่ได้เริ่มงานทันที มีการประสาน ส.ส.ให้ร่วมต้อนรับคณะ พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่ จ.สุโขทัย ในวันที่ 26 ก.ย.นี้เป็นที่เรียบร้อย รวมถึงกำหนดการเบื้องต้นของนายกฯ ที่จะลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา ในวันที่ 29 ก.ย. และ จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ก็ได้เตรียมการประสาน ส.ส.ไว้แล้วเช่นเดียวกัน
"การตั้งผู้ประสานงานครั้งนี้ เพื่อไม่ให้พรรคถูกมองว่ามีการแบ่งฝักฝ่าย วัดกำลังเหมือนเช่นการลงพื้นที่ของนายกฯ ที่ จ.เพชรบุรี และการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตร ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจำนวน ส.ส.ของพรรคไปต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์น้อยกว่า พล.อ.ประวิตรอย่างมีนัยสำคัญ" แหล่งข่าวระบุ
หลังจากนี้ต้องจับตาดูขาใหญ่ใน พปชร.จะยังกดดัน "บิ๊กตู่" อีกหรือไม่ โดยเฉพาะเกมในสภา ด้วยการพิจารณากฎหมายที่สำคัญ เช่น พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 หากมีผลประกาศใช้แล้วจะต้องนำเข้าสภาเพื่อให้ความเห็นชอบโดยเร็วที่สุด สมมติว่าหากไม่ให้ผ่าน รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบด้วยการยุบสภา
รวมทั้งการปรับ ครม. 2 ตำแหน่งที่ว่าง จะต้องยอมตามใจคน พปชร.หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันอีกหลายยก และสุดท้าย "บิ๊กตู่" จะหาวิธีปลดล็อกเกมนี้ได้หรือไม่ หรือจะทนเหนื่อยแบบนี้ต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |