บิ๊กตู่เดินสายเช็กเรตติ้ง!


เพิ่มเพื่อน    

โฆษกรัฐบาลเผยนายกฯ    เตรียมลงพื้นที่สุโขทัย 26 ก.ย.นี้ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมรับฟังปัญหาความเดือดร้อน ปชช.จับตา! "บิ๊กตู่" ควง "บิ๊กป๊อก" ลงพื้นที่ รมต.แกนนำ-ส.ส.กลุ่มสามมิตรแห่ต้อนรับ "ไผ่ ลิกค์” เผยรอบนี้ประสาน ส.ส.แล้วคงจะไปกันหมด "สุชาติ" ปัดชงชื่อให้นายกฯ ปรับ ครม. ลั่นมีมารยาทพอ เหน็บมีเพียงบางคนเท่านั้นที่อาจคิดอะไรอยู่ "ธรรมนัส" ไร้คุณสมบัติรับเกียรติยศจักรดาวหลังมูลนิธิศิษย์เก่าเตรียมทหารปรับระเบียบตัดฝ่ายการเมืองทิ้ง "พท." ฟ้องกลับ "สนธิญา" จงใจกลั่นแกล้งร้องยุบพรรค ปัดเป็นท่อน้ำเลี้ยงม็อบ
    เมื่อวันศุกร์ ยังมีความเคลื่อนไหวในการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม อย่างต่อเนื่อง โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี   เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสุโขทัย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมสุโขทัยที่ได้รับผลกระทบจากอ่างเก็บน้ำแม่ม่อมล้นอ่าง จากฝนตกหนักในช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งรับฟังการเตรียมพื้นที่รับน้ำแก้มลิงบริเวณแม่น้ำยมฝั่งซ้าย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะพบปะประชาชนและมอบปัจจัยทางการเกษตรให้แก่ผู้แทนเกษตรกรในพื้นที่ ในวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายนนี้ 
    นายธนกรกล่าวว่า นายกฯ จะประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ณ โรงแรมสุโขทัย เฮอริเทจ รีสอร์ท จากนั้นจะพบปะให้กำลังใจประชาชนพร้อมมอบปัจจัยทางเกษตรให้แก่ผู้แทนเกษตรกร เพื่อนำไปมอบต่อให้กับเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูกการเกษตร เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางโดยรถยนต์เพื่อสำรวจพื้นที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในวันเดียวกัน
    "การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารน้ำด้วยตนเองเพิ่มเติมจากที่หน่วยงานต่างๆ ได้รายงาน ซึ่งในการลงพื้นที่ทุกครั้ง นายกรัฐมนตรีจะร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งจะหาโอกาสพบปะกับพูดคุยกับ ส.ส.ในพื้นที่ ประชาชน เกษตรกร เพราะต้องการทราบถึงความต้องการจากเสียงสะท้อนของประชาชนโดยตรง เพื่อนำมาสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนให้ตรงจุด โดยเฉพาะเรื่องการเยียวยาความเสียหายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วนต่อไป" นายธนกรกล่าว
    สำหรับการลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามสถานการณ์แผนบริหารจัดการน้ำ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จากกำหนดการเตรียมลงพื้นที่ จ.สุโขทัย จ.นครราชสีมา และ จ.นครศรีธรรมราชนั้น สำหรับการลงพื้นที่ จ.สุโขทัย วันที่ 26 ก.ย. นายกฯ มีกำหนดการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ที่โรงแรมสุโขทัย เฮอริเทจ รีสอร์ท ท่าอากาศยานสุโขทัย จากนั้นเดินทางไปยังวัดบ้านซ่าน ต.บ้านซ่าน อ.ศรีสำโรง สักการะหลวงพ่อสามพี่น้องและหลวงพ่อขาว พร้อมพบปะประชาชนและมอบปัจจัยทางการเกษตรให้กับผู้แทนเกษตรกรจำนวน 500 ชุด แล้วเดินทาง จากวัดบ้านสร้างไปยังท่าอากาศยานสุโขทัย โดยใช้เส้นทางผ่านพื้นที่ประสบอุทกภัย ก่อนเดินทางกลับ กทม.
    ขณะที่กำหนดการลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา ในวันที่ 29 ก.ย. ล่าสุด อาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยมีรายงานข่าวนายกฯ จะไปลงพื้นที่ จ.ชัยภูมิแทนเนื่องจากเห็นว่า จ.ชัยภูมิขณะนี้ประสบปัญหาอุทกภัยมากกว่า ขณะที่ จ.นครราชสีมา มีหลายหน่วยงานลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นส่วนใหญ่แล้ว ทั้งนี้ จ.ชัยภูมิมี ส.ส.พลังประชารัฐ (พปชร.) 2 คนคือ เขตเลือกตั้งที่ 2 มีนายเชิงชาย ชาลีรินทร์ ส.ส.เขต 2 และนายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.เขต 3 ส่วน จ.นครศรีธรรมราช เบื้องต้นยังเป็นไปตามกำหนดการเดิมคือวันที่ 30 ก.ย.
จับตา "2 ป." ลงพื้นที่
    ทั้งนี้ คณะที่ร่วมลงพื้นที่กับนายกฯ ที่ จ.สุโขทัย ประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายสมเกียรติ ประจำวงศ์  เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.), นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน, นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร
    นอกจากนี้ ที่ จ.สุโขทัย มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร., นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และกรรมการบริหารพรรค, นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส.ส.ชัยนาท และกรรมการบริหารลงพื้นที่ ต้อนรับและร่วมคณะ นอกจากนั้นจะมี ส.ส.พลังประชารัฐ จ.สุโขทัย และจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ จ.สุโขทัย จ.กำแพงเพชร จ.นครสวรรค์ พิษณุโลก และ จ.ชัยนาท ไปร่วมต้อนรับด้วย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.สุโขทัยถือเป็นบ้านเกิดของนายสมศักดิ์ และเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มสามมิตร จึงปรากฏภาพบรรดาแกนนำและ ส.ส.ในกลุ่มเตรียมมาร่วมต้อนรับคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างคับคั่ง 
    นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และรองเลขาธิการพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสาน ส.ส.ของพรรคแต่ละพื้นที่เพื่อร่วมคณะต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ในการลงพื้นที่ตรวจราชการตามจังหวัดต่างๆ ว่า ไม่มีอะไร แค่ประสานกับ ส.ส.เวลามีการลงพื้นที่ เพื่อให้ไปร่วมรอรับคณะ เพราะในบางครั้ง ส.ส.ไม่ทราบว่าจะไปอย่างไร ที่ไหน และมีกำหนดการอย่างไร เหมือนที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร.บอกว่าใครว่างก็ให้ไป   
    เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ จ.สุโขทัย ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่ 26 ก.ย.นี้ ได้ประสานงานกับ ส.ส.อย่างไรบ้าง นายไผ่ กล่าวว่า ประสานไปแล้ว และครั้งนี้คงจะไปกันหมด รวมถึงพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง เช่น ตาก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เป็นต้น ยกตัวอย่างการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร. ก็ไม่ได้มีใครโทรศัพท์ตาม แต่เมื่อรู้ว่าเป็นพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นแหล่งรับน้ำ ถ้าปล่อยน้ำไม่ดีน้ำจะท่วมทั้งหมด แล้วจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับทางภาคเหนือก็ไม่ใช่ ทั้งนี้ยังไม่ได้ประสานกับทางนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ แต่ได้คุยกับผู้เกี่ยวข้องคร่าวๆ แล้ว คงจะเหมือนกับที่ จ.เพชรบุรี ก็มีรถไปพร้อมรับส.ส.ติดตามคณะ 
    นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะกรรมการบริหารพรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวเตรียมจะเรียกประชุม กก.บห.พรรค เพื่อทบทวนตำแหน่งรัฐมนตรี ที่เป็นโควตาของพรรคทั้งหมดว่า ยังไม่ทราบและยังไม่มีใครพูดถึง เรื่องนี้เป็นเรื่องความคิดของคนบางกลุ่มเท่านั้น และพรรคไม่ได้มีแค่ กก.บห.แต่ยังมี ส.ส.อีกตั้งกว่า 100 คน  
    ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตรได้เรียกคุยหลังจากมีรายงานข่าวเกี่ยวกับนายสุชาติ ต่อการปรับ ครม.ออกมาเป็นเชิงลบหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า เพิ่งคุยกันแต่ไม่มีอะไร  เพราะคนให้ข่าวก็ต้องสร้างข่าวของเขาไปเป็นเรื่องปกติ และในพรรคส.ส.ก็คุยกับตนทุกคน มีเพียงบางคนเท่านั้นที่อาจจะคิดอะไรอยู่ แต่สุดท้ายเป็นเรื่องของเขา ทั้งนี้ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ตนทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองและพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว ตนทำอะไรที่บกพร่องในหน้าที่หรือเปล่า ไปดูสิว่าทำอะไรบ้าง  
ปัดชงชื่อให้นายกฯ ปรับ ครม.
    เมื่อถามถึงรายงานข่าวที่นายสุชาติ เตรียมเสนอชื่อ ส.ส.พรรค พปชร.ให้พล.อ.ประยุทธ์พิจารณาปรับ ครม. นายสุชาติกล่าวว่า เขาไม่ได้มาสัมภาษณ์ตนและไม่รู้เอาข่าวจากไหนมา แต่ตนมีมารยาทพอ ไม่ใช่คนแบบนั้นแบบที่ให้ข่าวดังกล่าว ตนเคารพและอยู่กับ พล.อ.ประวิตรตลอด และไม่เคยคุยเรื่องนี้ทั้งกับพล.อ.ประวิตรและ พล.อ.ประยุทธ์แม้แต่ครั้งเดียว แล้วจะได้ประโยชน์อะไรกับการเสนอรายชื่อดังกล่าว เป็นลูกหรือเป็นครอบครัวตนหรือไม่ ตนเสนอแล้วได้อะไร 
    เมื่อถามถึงกรณีที่นายไผ่ ลิกค์ ได้รับมอบให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสาน ส.ส.ของพรรคแต่ละพื้นที่เพื่อร่วมคณะต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ ในการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดต่างๆ นายสุชาติกล่าวว่า ต้องถามหัวหน้าพรรคก่อน เพราะเป็นเรื่องของพรรค แล้วการประสานไม่ใช่อยู่ๆจะประสาน ต้องถามทางสำนักนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ ไม่อยากออกความเห็นเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของคนที่คิดกันไปเอง  
    จากกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค พปชร. แจ้งความจำนงไม่ขอรับรางวัลเกียรติยศจักรดาวนั้น ล่าสุดแหล่งข่าวจากมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร เปิดเผยว่า สำหรับปีนี้มูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหารได้มีการปรับระเบียบเมื่อประมาณเดือนเมษายน ปี 2564 ว่าด้วยการรับรางวัลเกียรติยศจักรดาว โดยระเบียบที่ออกมาใหม่ไม่มีฝ่าย การเมืองแล้ว โดยในที่ประชุมของมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหารขอให้ตัดฝ่ายการเมืองออก โดยมีความเห็นร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ขอให้ตัดออก แต่ยังคงตำแหน่งสูงสุดข้าราชการที่เป็นพลเรือนของปลัดกระทรวง เลขาฯ สมช. ถือว่ามีคุณสมบัติ ซึ่งระเบียบดังกล่าวเริ่มบังคับใช้ในการประกาศรางวัลเกียรติยศจักรดาวปี 2565 ที่จะถึงนี้ 
    แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า ร.อ.ธรรมนัสจะได้หรือไม่ได้รางวัลเกียรติยศจักรดาว แต่ไม่ได้ถูกนำชื่อเสนอตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว สำหรับปีนี้ ร.อ.ธรรมนัส ท่านไม่ได้อยู่ในบุคคลที่มีคุณสมบัติตามระเบียบ แม้ยังสามารถเป็นตัวแทนรุ่นในประเภทที่ 2 ได้ แต่เตรียมทหารรุ่น 25 เบื้องต้นไม่มีการเสนอชื่อ ร.อ.ธรรมนัส  ส่วนจะเป็นการชิงออกมาให้ข่าวก่อนผลรางวัลประกาศ เช่นเดียวกับเมื่อครั้งประกาศชิงลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีหรือไม่นั้น เชื่อว่าทีมงานของท่านอาจจะไม่รู้หรือให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนว่ามีรางวัลนี้ จึงออกมาให้ข่าวเช่นนั้น  
    วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์กรณีที่นายสนธิญา สวัสดี ได้ยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย โดยอ้างคำพูดของนายไชยอมร แก้ว วิบูลย์พันธุ์ ที่ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุทำนองว่าพรรคเพื่อไทยสนับสนุนเรื่องทุนให้กับผู้ชุมนุมทางการเมืองนั้น เป็นการดำเนินการที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เพียงพอก่อนนำไปร้อง แต่กลับนำข้อความหรือคำพูดดังกล่าวไปร้องต่อ กกต.ทันที แสดงให้เห็นว่านายสนธิญามีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็จะได้ดำเนินการตามกฎหมายกับนายสนธิญาเช่นกันตามกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 101 ซึ่งกำหนดว่า ผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมืองว่ากระทำความผิดต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งโดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น
          แถลงการณ์ระบุว่า พรรคเพื่อไทยยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยและต่อสู้กับอำนาจเผด็จการมาโดยตลอด แต่พรรคก็ยึดหลักสันติวิธี ไม่นิยมการใช้ความรุนแรงใดๆ ยืนยันว่าไม่เคยมีนโยบายหรือให้เงินทุนสนับสนุนผู้ชุมนุมกลุ่มใด การที่จะมีสมาชิกพรรคคนใดไปร่วมชุมนุมหรือสนับสนุนการชุมนุม ก็ถือเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลและความรับผิดชอบส่วนตัว ที่ผ่านมาไม่เคยมีสมาชิกผู้ใดไปกล่าวอ้างว่ากระทำในนามพรรค ในส่วนของพรรคนั้นเมื่อมีการร้องและหาก กกต.รับเรื่องพรรคก็พร้อมจะชี้แจง และไม่รู้สึกกังวลใดๆ เพราะพรรคดำเนินการทุกอย่างด้วยความโปร่งใส พร้อมให้ตรวจ สอบได้ตลอดเวลา. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"