"บิ๊กปั๊ด" สั่ง ตร.ปรับยุทธวิธีรับมือม็อบทะลุแก๊ส หลังยกระดับป่วนหนัก! เผาป้อมจราจรคืนเดียว 6 จุด พร้อมกำชับฝ่ายสอบสวนงัด กม.อั้งยี่-ซ่องโจรเอาผิดเพิ่ม "บิ๊กหมู่บ้านเสื้อแดง" เตือนม็อบรุ่นน้องระวังถูกเท "สนธิญา" ร้อง กกต.ยุบ "เพื่อไทย" ปมแอมมี่โพสต์อ้างช่วยสนับสนุนเงินทุนม็อบ "ไมค์" นอนคุกอีกรอบ ศาลไม่ให้ประกันคดีโพสต์หมิ่นสถาบันฯ ลงโซเชียล 
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วันที่ 23 ก.ย. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงถึงเหตุการณ์การชุมนุมกลุ่มทะลุแก๊สช่วงค่ำวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ตั้งแต่เวลา 18.20 น. กลุ่มทะลุแก๊สได้มารวมตัวที่แยกดินแดง เริ่มมีการนำยางรถจักรยานยนต์มาเผาบนถนนวิภาวดีขาออก จุดไฟเผาทรัพย์สินบริเวณใต้ทางด่วน ขว้างปาประทัด ยิงหนังสติ๊ก พลุไฟ ระเบิดต่างๆ ยั่วยุเจ้าหน้าที่ กระทั่งหลังเที่ยงคืนมีกลุ่มผู้ก่อเหตุขับรถจักรยานยนต์จำนวน 15-20 คัน ตระเวนทุบทำลายและเผาป้อมจราจรอีก 6 จุด ได้แก่ สน.บางซื่อ 3 จุด ที่แยกสะพานควาย, แยกประดิพัทธ์ และด่วนระนอง,  สน.ลุมพินี 1 จุด ที่แยกราชประสงค์ และสน.พญาไท 1 แห่ง คือ แยกอุรุพงษ์ และสน.มักกะสัน 1 จุด ที่แยกมิตรสัมพันธ์ 
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า สำหรับการนัดหมายชุมนุมทางการเมืองในช่วงวันที่ 23-26 ก.ย.64 ในวันที่ 23-26 ก.ย.64 กลุ่มทะลุแก๊สรวมตัวที่สามเหลี่ยมดินแดง ส่วนวันที่ 25 ก.ย.64 กลุ่มทะลุฟ้าได้นัดหมายรวมตัว โดยยังไม่มีการระบุเวลาและสถานที่ ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนวันที่ 26 ก.ย.64 กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดหมายเวลา 16.00-19.00 น. ที่ลานหน้าหอศิลป์ ทั้งนี้ บช.น.ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองไว้แล้ว
    "ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่เดือน ก.ค.2564 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 220 คดี มีผู้ต้องหาทั้ง หมด 808 คน ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 563 คน" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
    ขณะที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกลุ่มผู้ชุมนุมเผาป้อมจราจรหลายจุดในกรุงเทพฯ ว่าได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ก็ต้องปรับยุทธวิธีกันไป ต้องประเมินสถานการณ์ให้แม่นยำกว่านี้ จะเห็นว่ามีการกระจายตัวยกระดับความรุนแรง ตำรวจต้องปรับยุทธวิธีการใช้กำลัง การบังคับใช้กฎหมาย และเรื่องการข่าว ตำรวจไม่ได้วิ่งตามม็อบ แต่เป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งอาจจะเป็นเส้นเบลอๆ ระหว่างม็อบกับผู้ที่ก่อเหตุ เพราะเขาต้องการให้เป็นแบบนั้น
    "การกระทำแบบนี้ไม่ใช่อาชญากรทั่วไป จะเห็นว่าตั้งแต่ ส.ค.จนถึงปัจจุบัน มีการจับกุมผู้ก่อเหตุกว่า 400 ราย ทุกครั้งที่จับเขาจะมีความรู้เทคนิคข้อกฎหมายต่างๆ มากขึ้น เห็นจากมีฝ่ายกฎหมายที่พร้อมปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง พอมีคนโดนจับจะมาทันที ตอนนี้ผมได้พูดคุยกับฝ่ายสอบสวนว่าการบังคับใช้กฎหมายให้ดูเรื่องฐานความผิดอื่นๆ ถ้ามีองค์ประกอบความผิดอื่น เช่นอั้งยี่ ซ่องโจร ให้ไปรวบรวมพยานหลักฐานมา" ผบ.ตร.กล่าว
    ส่วน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวว่า รูปแบบการก่อเหตุของกลุ่มที่ก่อความวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ เน้นการเผาทำลายทรัพย์สินทางราชการและของประชาชนในบริเวณใกล้เคียง หลังจากนั้นทำการหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ โดยใช้พื้นที่แฟลตดินแดงทำการหลบซ่อนตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการปรับยุทธวิธี ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อระงับเหตุป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวาย และยังคงเน้นปกป้องสถานที่ราชการ ไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ
    ด้านนายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากม็อบราษฎรมาเป็นม็อบ 3 กีบ และม็อบทะลุแก๊ส แกนนำรุ่นเก่าถูกจับกันไปหมดแล้วบางคนก็ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมกันถึงที่บ้านเพราะอะไร เพราะไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับม็อบกันอีก จนทางพรรคการเมืองที่สนับสนุนก็ส่งนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ มาคุมม็อบ แต่สุดท้ายคุมไม่อยู่ เพราะน้องๆ ที่ร่วมชุมนุมทราบดีว่านั้นคือแกนนำของพรรคการเมืองเลยไม่ยอมเชื่อฟัง แต่น้องๆ ก็ยังทำผลงานกันอีกเพื่อเรียกร้องให้กลุ่มนายทุนออกมาจ่ายเงินค่าดำเนินงานต่างๆ ของม็อบ แต่สุดท้ายเขาก็เมินแล้วเริ่มเทม็อบแล้ว 
    "ผมในฐานะม็อบรุ่นพี่อยากจะเตือนม็อบรุ่นน้อง พอกันเถอะน้อง กลับบ้านได้แล้วก่อนที่คนที่อยู่เบื้องหลังของน้องๆ จะเล่นระบบ IO ใส่ร้ายป้ายสีจนทะเลาะกันเองเหมือนกับอดีตที่ผ่านมา ที่คนเสื้อแดงต้องทะเลาะกันเอง เพราะว่า IO ของพรรคการเมืองและกลุ่มนายทุนที่เห็นม็อบหมดสภาพ หมดค่า ตอนเรามีค่าเขาก็จะช่วยเราดี แต่วันไหนคุณไร้ค่าเขาก็จะผลักไสไล่ส่ง สุดท้ายเขาก็เท กลับบ้านเถอะ น้อง พ่อแม่พี่น้องและครอบครัวของพวกเรายังรออยู่" อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงระบุ
    ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อพิจารณายุบพรรคเพื่อไทย กรณีที่นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์ หรือแอมมี่ บอตทอมบลูส์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุพรรคเพื่อไทยสนับสนุนการเงินในการเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมือง ซึ่งหากมีการกระทำดังกล่าวจริง จะเป็นการกระทำของพรรคเพื่อไทยที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ในมาตรา 45 และมาตรา 92 (1) (2) (3) (4) ซึ่ง กกต.จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 224 (5) เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ให้ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญ และตัดสิทธิ์การเลือกตั้ง ของกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยต่อไป  
    "การยื่นครั้งนี้เป็นการยื่นครั้งที่ 2 โดยก่อนหน้านี้ได้ยื่นยุบพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 6 ก.ค.64 และวันนี้มีหลักฐานใหม่ของนายไชยอมร จึงได้มายื่นซ้ำ ส่วน กกต.จะรวมเป็นเรื่องเดียวหรือไม่ก็แล้วแต่ กกต." นายสนธิญากล่าว
    ที่ศาลอาญา พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก อายุ 25 ปี แกนนำม็อบคณะราษฎร เป็นจำเลย ในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 8 ซึ่งในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ
    คำฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย.-7 ธ.ค.63 จำเลยเป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊กใช้ชื่อบัญชี “ภาณุพงศ์ จาดนอก” มีผู้ติดตามกว่า 9 หมื่นคน ได้โพสต์ข้อความลักษณะหมิ่นสถาบันฯ ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร โดยการโพสต์ของจำเลยดังกล่าวทำให้บุคคลทั่วไปที่พบเห็นเข้ามาแสดงความคิดเห็น และแชร์ข้อความ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ต่อมาวันที่ 25 ม.ค.63 พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาให้จำเลยทราบและทำการสอบสวนแล้วปรากฏว่าจำเลยให้การปฏิเสธ
    ท้ายคำฟ้องยังระบุว่า นายภาณุพงศ์จำเลยเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำ อ.1668/2564 ของศาลอาญา, จำเลยในคดี อ.1061/2564 ของศาลจังหวัดระยอง และจำเลยที่ 3 คดี อ.708/2564 ของศาลแขวงดุสิต ขอให้ศาลนับ โทษจำคุกของจำเลยคดีนี้ต่อจากคดีดังกล่าวด้วย หากจำเลยยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล 
    ศาลอาญาประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2380/2564 และนัดพร้อมสอบคำให้การจำเลยวันที่ 1พ.ย.2564 เวลา 09.00 น. 
    ภายหลังฝ่ายจำเลยได้ยื่นเงินสด 200,000 บาท ขอประกันตัว ศาลอาญาพิจารณาแล้วให้ยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าพฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง และมีอัตรา โทษสูง หากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลย อาจจะไปกระทำผิด ตามที่ถูกกล่าวหาอีก หรือก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง จึงไม่อนุญาต.