"บิ๊๊กตู่" ให้ความมั่นใจกองทัพ ยัน "3 ป." เหนียวแน่น ลั่นกลางวงสภา กห. "ผมกับพี่ป้อมยังรักกันเสมอไม่มีขัดแย้ง" เตรียมลงพื้นที่อีกต่อเนื่อง ลุย จ.สุโขทัย 26 ก.ย. วางคิวต่อที่ "โคราช-นครศรีฯ" ด้าน "ธรรมนัส" ปัดล็อบบี้ ส.ส.ลงพื้นที่ช่วย "บิ๊กป้อม" ยอมรับกลางที่ประชุมกระแส พปชร.ย่ำแย่เลือกตอนนี้อาจแพ้ "ก้าวไกล" สั่งทำการบ้านให้มากขึ้น "ประวิตร" ไฟเขียว "ไผ่ ลิกค์" ประสานส.ส. รอต้อนรับนายกฯ ลงพื้นที่ลบภาพแบ่งก๊วน ป่วนอีก! "สุชาติ" แอบชงชื่อ "สรวุฒิ-อัฏฐพล" ให้นายกฯ พิจารณาปรับครม. แต่แกนนำพรรคไม่แฮปปี้ เหตุข้ามขั้นตอน ดักคอนายกฯ ต้องยึดตามพรรคเสนอ
ที่กระทรวงกลาโหม (กห.) วันที่ 23 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางเข้ามาเป็นประธานประชุมสภากลาโหม ครั้งแรก นับตั้งแต่มาตรการป้องกันแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้การประชุมในช่วงที่ผ่านมาเป็นการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนเข้าประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้ร่วมพิธีอำลาราชการ ของ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม, พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร., พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. และ นายทหารระดับห้าเสือแต่ละเหล่าทัพที่เป็นสมาชิกสภากลาโหมที่จะเกษียณราชการ 30 กันยายนนี้
เป็นที่น่าสังเกตว่า การประชุมครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาสภากลาโหม ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุมด้วย
มีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวในที่ประชุมสภากลาโหม ถึงกระแสข่าวความขัดแย้งระหว่างตนกับ พล.อ.ประยุทธ์ว่า "ผมกับพี่ป้อมไม่มีอะไรกันเลย ยังรักกันเสมอ ยืนยันไม่มีขัดแย้ง" และหลังประชุมเสร็จ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางออกจาก กห. โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆได้แต่โบกมือให้ผู้สื่อข่าวพร้อมชู 2 นิ้ว
จากนั้น พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์โฆษก กห. กล่าวยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ยังเป็นหนึ่งเดียว และเป็นพี่น้องที่เหนียวแน่น และยังมุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศ ประชาชนเป็นหลัก และจรรโลงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
"ไม่อยากให้เอาไปเสี้ยมให้เกิดความขัดแย้งกัน ทั้ง 3 ท่านมีความหนักแน่น และการลงพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมาเพื่อไปแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำว่าความขัดแย้งต้องไม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะหน่วยงานราชการ ขอให้มั่นใจว่าการทำงานของรัฐบาลยังมีความเหนียวแน่น เพื่อให้กองทัพเกิดความสบายใจกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งนายกฯ เน้นย้ำกับกองทัพว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน" พล.ท.คงชีพ กล่าว
มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่าภายหลังการลงพื้นที่ตรวจราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามสถานการณ์ การบริหารจัดการน้ำและแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัยในเวลานี้ โดยวันที่ 26 ก.ย. นายกฯ มีกำหนดการลงพื้นที่ จ.สุโขทัย ซึ่งเดิมนายกฯ จะลงไปเมื่อวันที่ 22 ก.ย. แต่ได้เปลี่ยนมาเป็น จ.เพชรบุรี จากนั้นนายกฯ จะลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา และ จ.นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่ต่อเนื่อง เริ่มจาก จ.สมุทรปราการเป็นที่แรก ต่อด้วย จ.ชัยนาท จ.ชลบุรี และ จ.เพชรบุรี และหลังนายกฯ ระบุจะทำงานใกล้ชิด ส.ส.มากขึ้น จะลงทุกพื้นที่ รับฟังความคิดเห็น ส.ส.ในการดูแลแก้ปัญหาประชาชน ส่วนการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลังลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นที่แรก มี ส.ส.พปชร. ไปร่วมลงพื้นที่เป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องจับตาว่าเตรียมลงพื้นที่จังหวัดอื่นอีกหรือไม่
ที่ห้องประชุมชั้น 6 อาคารรัฐสภา พรรคพลังประชารัฐนัดประชุม ส.ส. มีแกนนำพรรคและ ส.ส.มาประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานวิปฝ่ายรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมถึงการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการวัดพลังทางอำนาจกันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การวัดพลังอำนาจระหว่างกัน พล.อ.ประวิตรยืนยันเองแล้วว่าทั้ง 2 คนจะรักกันจนวันตาย โดยทางพรรคมอบหมายรองเลขาธิการพรรคคอยประสานงานเรื่องการลงพื้นที่ ส่วนจะแบ่งให้เท่าเทียมกันหรือไม่ ขอใช้คำว่าใกล้เคียงกันดีกว่า กรณีที่ ส.ส.เดินทางไปต้อนรับ พล.อ.ประวิตรมากกว่า อาจเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน การลงพื้นที่ ไม่มีการส่งสัญญาณยุบสภา ขอย้ำว่ารัฐบาลจะอยู่จนครบเทอม
"ธรรมนัส"ปัดวัดพลังนายกฯ
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค กล่าวถึงกรณีถูกตั้งข้อสังเกตการที่ ส.ส.ไปแสดงตัวในการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตร เป็นการแสดงเจตจำนงเลือกที่จะอยู่กับพรรค ว่าไม่ใช่ ส.ส.ที่เดินทางมาจากภาคเหนือ ภาคอีสาน เพื่อจะมาประชุมพรรคในวันที่ 23 ก.ย. และได้มีการนัดทานข้าวกับพี่น้อง ส.ส.หลายท่าน ไม่ได้เป็นเรื่องของการประลองกำลังกัน อย่าไปมองอย่างนั้น ที่มีข่าวว่าตนโทรศัพท์ไปล็อบบี้ ส.ส.ให้ไปกับหัวหน้าพรรค ก็ไม่มี ขออย่าไปมองแบบนั้น นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ไปเพื่อแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน ในพื้นที่เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ที่จะลงไปต้อนรับท่านนายกฯ หรือหัวหน้าพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้การประชุมพรรค พปชร.ครั้งนี้ พล.อ.ประวิตรจะไม่ได้เดินทางมาประชุม เนื่องจากติดภารกิจ แต่มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยก่อนการประชุม พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรค เดินทางมาพร้อมกับ ร.อ.ธรรมนัส และได้ร่วมนั่งประชุมหัวโต๊ะร่วมกับนายวิรัช รัตนเศรษฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ซึ่งวาระสำคัญในการประชุม คาดว่าจะมีการหารือถึงความชัดเจนต่อการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่จะมีการเลือกตั้งในเดือน พฤศจิกายนนี้
ด้าน พล.อ.วิชญ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมพรรคว่า การเข้ามาเป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ถือเป็นคนใหม่ในการเมือง ถือว่ามีความท้าทาย จะช่วยงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตนไม่มีเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองอยู่แล้ว เป็นคนทำตรงๆ มีอะไรก็พูดกัน พยายามไม่ให้มีการแบ่งกลุ่มก้อนภายในพรรค เพื่อเข้ามาสร้างความรักและความสามัคคีภายในพรรค จุดหลักของพรรคพลังประชารัฐก็คือความปรองดองอยู่แล้ว ตนจึงพยายามที่จะทำให้ทั้งภายในพรรคและนอกพรรค หรือภายในประเทศให้เกิดการปรองดองให้มีความเข้าใจต่อการเดินหน้าของประเทศ ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก ไม่มีสี คิดว่าหลังจากนี้ต้องดีขึ้น บ้านเมืองต่อจากนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งประเทศเป็นหลัก ไม่อยากให้แบ่งนู่นแบ่งนี่ การสร้างความสามัคคี ปรองดอง พล.อ.ประวิตรท่านทำได้อยู่แล้ว ตอนนี้ทุกอย่างก็ปรองดอง ยืนยันว่าไม่มีคลื่นใต้น้ำในพรรค
พล.อ.วิชญ์กล่าวอีกว่า การเข้ามารับตำแหน่งเป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไม่ได้เข้ามาเพื่อคานอำนาจของนายกฯ แต่เข้ามาช่วยทำงานให้กับหัวหน้าพรรคเท่านั้น ยืนยันว่าพรรคพปชร.จะไม่มีการปรับโครงสร้างในพรรค และไม่มีกระแสข่าวคนในพรรคไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ ส่วนการลงพื้นที่ของหัวหน้าพรรคท่านก็ลงพื้นที่ทั่วทุกพื้นที่อยู่แล้ว ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะไปที่ไหน พื้นที่ไหนที่มีความเดือดร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือก็ต้องไป กำหนดการลงพื้นที่ ก็ให้ฝ่ายที่ดูแลเรื่องนี้ จัดการกันไป
รายงานข่าวจาก พปชร.แจ้งว่า สำหรับการประชุมพรรค พปชร. ที่มี ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะเลขาธิการพรรคเป็นประธานการประชุม บรรยากาศการเป็นไปด้วยดี แต่พบว่า ส.ส.หลายคนไม่ได้มาประชุม เนื่องจากติดภารกิจทั้งในพื้นที่ และการลงพื้นที่กับคณะกรรมาธิการฯ ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัสได้เน้นย้ำกับ ส.ส. ว่าให้สมัครสมานสามัคคี เป็นหนึ่งเดียว ไม่มีมุ้ง ให้ผนึกกำลังดีกว่า อย่าไปทะเลาะ อย่างที่บอกกัน พล.อ.ประวิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่มีอะไร เราต้องอย่าไปตามกระแสเหมือนที่สื่อมองว่าทะเลาะกัน และในสัปดาห์หน้า พล.อ.ประยุทธ์มีภารกิจที่จะลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา หาก ส.ส.คนใดไม่มีภารกิจ ขอให้ไปรับและให้กำลังใจนายกฯ ช่วยกันทำงาน สำหรับปัญหาเรื่องการทำงาน หาก ส.ส.คนใดมีข้อติดขัดให้บอกกับตน และประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคได้ทันที เพื่อประสานหน่วยงานเข้ามาแก้ปัญหา
ร.อ.ธรรมนัสยังได้กำชับเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ด้วย ส่วนที่การเลือกตั้งสมาชิกกรุงเทพมหานคร (กทม.) และผู้ว่าฯ กทม.พรรคยังยืนยันที่จะไม่ส่งผู้สมัครในนามพรรค
พปชร.อาจแพ้ก้าวไกล
อย่างไรก็ตาม มีอยู่ช่วงหนึ่ง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า "ขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมเลือกตั้ง เพราะเวลารัฐบาลอยู่อีกไม่นาน ต้องเอาความจริงมาพูดกัน พรรคพลังประชารัฐตอนนี้ถือว่าตกต่ำ คะแนนเสียงเราไม่ดีเลยถ้าเทียบกับเมื่อ 5 เดือนก่อนหน้านี้ที่กระแสพรรคดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถ้าเราไม่กระตือรือร้น ไม่ลงพื้นที่ และในช่วงนี้รัฐบาลเจอวิกฤต พรรครัฐบาลก็ย่ำแย่ไปตามกัน ถ้าเรายังทำอยู่เท่านี้ แล้วไปสำรวจคะแนนความนิยมชมชอบเราอาจจะอยู่รั้งท้าย หรืออาจจะแพ้พรรคก้าวไกลก็ได้ และเราไม่รู้นายกฯ จะกำหนดวันเลือกตั้งเมื่อไหร่ ดังนั้น ให้ทุกคนทุ่มเท ทำการบ้านให้มากยิ่งขึ้น อย่าประมาท" ทั้งนี้ มี ส.ส.บางคนแสดงความคิดเห็นถึงการเลือกตั้งว่า นโยบายของพรรคแทบไม่มีอะไรที่จะนำไปเป็นผลงานในการหาเสียงได้เลย
นอกจากนี้ ในที่ประชุม ส.ส.แต่ละคนเปิดใจกับ พล.อ.วิชญ์ เกี่ยวกับการขอทำโครงการระดับพื้นที่ใน 2 ปีงบประมาณที่ผ่านมา แต่ขออะไรไปกลับไม่ได้รับการตอบสนอง โดย พล.อ.วิชญ์รับทราบปัญหาดังกล่าว และระบุว่า หลังจากนี้จะเป็นคนไปเจรจากับทางรัฐบาลเอง โดยมอบหมายให้นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และรองเลขาธิการพรรค เป็นผู้รวบรวมความต้องการของ ส.ส.ในแต่ละพื้นที่ด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมพรรคใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นแกนนำพรรค ประกอบด้วย พล.อ.วิชญ์, ร.อ.ธรรมนัส และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ได้เดินทางไปพบ พล.อ.ประวิตรที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า พล.อ.ประวิตร ได้เห็นชอบการมอบหมายภารกิจให้กับนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และรองเลขาธิการพรรค พปชร. ในการทำหน้าที่เป็นผู้ประสาน ส.ส.ของพรรค แต่ละพื้นที่เพื่อร่วมคณะต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ ในการลงพื้นที่ตรวจราชการตามจังหวัดต่างๆ ที่ถือเป็นโอกาสให้ ส.ส.ได้ใกล้ชิดนายกฯ และสะท้อนปัญหาประชาชนเพื่อนำสู่การแก้ไขโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม ส.ส.พรรควันเดียวกันนี้ ได้มีการแจ้งให้สมาชิกของพรรคทราบแล้ว โดยนายไผ่ได้เริ่มงานทันที มีการประสาน ส.ส.ให้ร่วมต้อนรับคณะ พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่ จ.สุโขทัย ในวันที่ 26 ก.ย.นี้เป็นที่เรียบร้อย รวมถึงกำหนดการเบื้องต้นของนายกฯ ที่จะลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา ในวันที่ 29 ก.ย. และ จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ก็ได้เตรียมการประสาน ส.ส.ไว้แล้วเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ การตั้งผู้ประสานงานครั้งนี้ เพื่อไม่ให้พรรคถูกมองว่ามีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย วัดกำลังเหมือนเช่นการลงพื้นที่ของนายกฯ ที่ จ.เพชรบุรี และการลงพื้นที่ของพล.อ.ประวิตรที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจำนวน ส.ส.ของพรรคไปต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์น้อยกว่าพล.อ.ประวิตรอย่างมีนัยสำคัญ
นายวิรัชให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการให้นายไผ่ ลิกค์ เป็นผู้ประสาน ส.ส.ร่วมฯ ว่าคงต้องบอกกับ ส.ส.ไผ่ว่าต่อไปนี้ต้องมาช่วยกัน ถ้าไปพร้อมกันอีก ก็ต้องจัดให้ดูเสมอๆ ต้องคุยกัน ไม่ใช่ไม่คุย มีความรู้สึกว่าถ้าเป็นอย่างนี้เดี๋ยวสื่อมวลชนก็แหย่กันไปแหย่กันมา มันไม่มีอะไร แต่ก็สั่นคลอนเหมือนกัน
แอบชงชื่อ‘สรวุฒิ-อัฏฐพล’นั่งรมต.
มีรายงานถึงความเคลื่อนไหวภายในพรรค พปชร.ขณะนี้ด้วยว่า มีการเตรียมการเสนอชื่อบุคคลของพรรคให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างลงหลังจาก ร.อ.ธรรมนัสถูกปลดพ้น รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมลถูกปลดพ้น รมช.แรงงาน ล่าสุด นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะกรรมการบริหารพรรค ได้เสนอชื่อนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และแกนนำกลุ่มสามมิตร และนายอัฏฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)
แต่อย่างไรก็ดี การดำเนินการของนายสุชาติครั้งนี้ เป็นการข้ามขั้นตอนในการเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมให้นายกฯ พิจารณาปรับ ครม. เนื่องจากต้องผ่านความเห็นชอบของ กก.บห.พรรค และพล.อ.ประวิตรก่อน แต่นายสุชาติได้เสนอชื่อกับนายกฯ โดยตรง สร้างความไม่พอใจให้กับแกนนำของพรรคเป็นอย่างมาก เนื่องจากบุคคลที่เป็นแคนดิเดตที่พรรคพปชร.จะเสนอชื่อในการปรับ ครม. หรือ เป็น waiting list อันดับ 1 ของพรรค คือนายไผ่ ลิกค์ ในฐานะรองเลขาธิการพรรค โดยบรรดาแกนนำทุกกลุ่มของพรรคเห็นตรงกันว่า หากรายชื่อที่ทางพรรคเสนอให้นายกฯ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม กก.บห.แล้วนั้น หากนายกฯ ไม่เห็นชอบที่จะแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ก็ขอให้ส่งกลับมาเพื่อที่พรรคจะได้พิจารณาบุคคลที่เหมาะสมก่อนเสนอใหม่ และแกนนำพรรคต่างไม่เห็นด้วยหากนายกฯ จะปฏิเสธคนที่พรรคเสนอ แล้วพิจารณาแต่งตั้งคนนอกพรรคในการปรับ ครม.
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์มักทำอะไรผิดที่ผิดเวลา ตอนโควิดวิกฤตหนักสุด ประชาชนเรียกร้องให้ใส่ชุด PPE ลงพื้นที่ให้กำลังใจประชาชน แต่กลับเวิร์กฟรอมโฮมในค่ายทหาร รอจนโควิดซา พล.อ.ประยุทธ์ถึงค่อยออกมา ประชาชนไม่ได้ประโยชน์จากการลงพื้นที่ประลองกำลังเพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองภายในพรรครัฐบาล อยู่มาเกือบ 8 ปี เพิ่งคิดจะมาพลิกโฉมประเทศ การลงพื้นที่วัดกำลังกับ พล.อ.ประวิตร ผลก็ออกมาชัด 9 ต่อ 55 แสดงว่านอกจากประชาชนจะไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ส.ส.ส่วนใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐก็ไม่เอาด้วย ถึงเวลาที่พล.อ.ประยุทธ์ต้องยอมรับความจริง ก่อนพลิกโฉมประเทศ ควรพลิกการตัดสินใจ ยุติบทบาททางการเมือง เพราะเดินต่อไปลำบากแล้ว
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า #รัฐธรรมนูญลักไก่ ยังไม่มีท่าทีใดๆ จากท่านนายกฯ และนักการเมืองทั้ง ส.ส. ส.ว.ก็ไม่ยอมร้องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ต่อปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงขอเชิญชวนพี่น้องสื่อมวลชน ร่วมฟังการแถลงข่าว "การร้องศาลรัฐธรรมนูญของประชาชน กรณีลักไก่แก้ไขรัฐธรรมนูญจากบัตรหนึ่งใบไปเป็นบัตรสองใบ" วันศุกร์ที่ 24 กันยายนนี้ เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานไทยภักดี ชั้น 2 อาคารสถาบันทิศทางไทย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |