ยอดติดโควิด-๑๙ รายวันยังแกว่ง
    ขึ้นๆ ลงๆ อยู่แถวๆ หมื่นสาม หมื่นหนึ่ง
    ยังไม่เห็นเลขหลักพันซะที 
    แต่ก็วางใจได้เปราะหนึ่ง เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อในวันนี้คือ ตัวเลขในวันที่ประเทศไทยปลดล็อกดาวน์ ประชาชนเริ่มทำมาหากินได้ปกติแบบวิถีใหม่ 
    หากตัวเลขไม่สูงไปกว่านี้ บวกกับการฉีดวัคซีนที่มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างวันนี้วันมหิดล ฉีดวัคซีน ๑ ล้านโดส สถานการณ์การระบาดน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ 
    มีข่าวดีจาก "หมอยง ภู่วรวรรณ" 
    "...การให้วัคซีนเบื้องต้น ๒ เข็ม เช่นเชื้อตาย เปรียบเสมือนให้ร่างกายรู้จักเหมือนการติดเชื้อ เมื่อกระตุ้นด้วยวัคซีนชนิด virus vector หรือ mRNA กระตุ้นภูมิต้านทานได้สูงมาก
    การกระตุ้นเข็ม ๓ ด้วย AstraZeneca หลังจากได้รับ Sinovac มาแล้ว ๒ เข็ม ภูมิต้านทานสูงมาก 
    ขัดขวางสายพันธุ์เดลตาในการทดลอง และมีระดับภูมิต้านทาน IgA ในเลือดสูงกว่าการให้เบื้องต้นอย่างมาก
    การตรวจในห้องปฏิบัติการ ภูมิที่สูงขึ้นสามารถขัดขวางสายพันธุ์ไวรัสเดลตาได้ หลายประเทศมีการให้วัคซีนเข็ม ๓ กันแล้ว ประเทศไทยให้เข็ม ๓ ด้วยวัคซีนตามคุณสมบัติและการศึกษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรค..."
    เรื่องวัคซีนยังต้องเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ครับ ไม่ได้จบที่วัคซีนไหนเทพกว่ากัน 
    และเช่นกัน วัคซีนยังคงถูกนำไปหาประโยชน์ทางการเมือง ไม่จบไม่สิ้น 
    ครับ...สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไปโผล่ที่อเมริกา พบปะกับ ส.ว.แทมมี ดักเวิร์ธ สายเลือดไทย ที่สำนักงานในกรุงวอชิงตันดีซี
    เห็นโพสต์เฟซบุ๊กว่าคุยกันหลายเรื่อง 
    ...สวัสดีค่ะทุกท่าน
    ไม่ได้คุยกันหลายวัน
    เพราะดิฉันได้เดินทางมาที่สหรัฐอเมริกา มาทำภารกิจหลายอย่าง ทั้งประชุมเรื่องวัคซีน mRNA รวมทั้งการหาช่องทางค้าขายให้ SMEs และสินค้าเกษตรไทย
    เพราะเศรษฐกิจอเมริกาฟื้นตัวแล้ว กำลังซื้อจึงกลับมาอย่างรวดเร็ว
    เมื่อวานดิฉันได้พบและหารือกับท่าน ส.ว.แทมมี ดักเวิร์ธ ส.ว.เชื้อชาติไทย แห่งรัฐอิลลินอยส์ ผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐบริจาควัคซีนไฟเซอร์จำนวน ๒.๕ ล้านโดส ให้ไทย ส.ว.แทมมีได้แสดงความห่วงใยต่อการแพร่ระบาดของ covid-19 ในไทย และประสงค์จะช่วยผลักดันรัฐบาลสหรัฐให้บริจาควัคซีนให้ประเทศไทยเพิ่มเติม จากที่ได้แสดงเจตจำนงบริจาคไปแล้ว ๒.๕ ล้านโดส ซึ่งได้ส่งมอบมาแล้วจำนวน ๑.๕ ล้านโดส
    ซึ่ง ส.ว.แทมมีได้กล่าวว่า สหรัฐพร้อมที่จะส่งมอบวัคซีน ไฟเซอร์ที่เหลืออีก ๑ ล้านโดสให้ไทย แต่ขณะนี้รัฐบาลไทยยังไม่ส่งเอกสารตอบรับมา จึงทำให้ยังไม่สามารถส่งมอบอีก ๑ ล้านโดสที่เหลือให้ชาวไทยได้ 
    นอกจากนี้ ส.ว.แทมมีได้แสดงความเห็นว่าถ้าประเทศไทยรีบดำเนินการเข้าโครงการโคแวค จะทำให้ไทยมีโอกาสในการได้รับจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติม เพื่อมาเร่งฉีดให้คนไทยได้มากขึ้น ซึ่งสหรัฐพร้อมสนับสนุน
    ดิฉันได้ใช้โอกาสนี้ในการขอบคุณรัฐบาลสหรัฐ และท่าน ส.ว.แทมมี สำหรับวัคซีนจำนวน ๒.๕ ล้านโดส ที่ได้บริจาคให้ประเทศไทย และหวังในความร่วมมือในการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมให้ชาวไทย
    โดยดิฉันได้เสนอว่า "ท้องถิ่น" ของไทยหลายแห่ง มีความพร้อมและประสงค์จะซื้อวัคซีน mRNA ที่ FDA สหรัฐ รับรองอย่างเต็มรูปแบบแล้ว เพื่อไปฉีดให้ประชาชนได้ทั่วถึงอย่างรวดเร็ว โดยท้องถิ่นมีเงินสะสมอยู่หลายแสนล้าน 
    ดิฉันจึงขอให้ ส.ว.แทมมี ช่วยสนับสนุนเรื่องนี้ด้วย ซึ่งทาง ส.ว.แทมมีได้ตอบรับที่จะประสานงานให้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลไทยจะเปิดทางให้หรือไม่
    สุดท้าย ดิฉันได้หยิบยกเรื่องการค้าการลงทุนขึ้นมาหารือกับ ส.ว.แทมมี ถึงลู่ทางที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐได้เริ่มฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสทองของผู้ส่งออก และ SMEs ไทยโดยท่าน ส.ว.แทมมีมีแผนงานที่จะนำนักธุรกิจจากสหรัฐมาประชุมกับภาคธุรกิจหลายประเทศในอาเซียนช่วงปลายปีนี้ แต่ไม่ได้มาไทย 
    ดิฉันจึงถือโอกาสเชิญท่าน ส.ว.ให้นำนักธุรกิจอเมริกันมาพบปะกับนักธุรกิจไทย เพื่อฟื้นฟู และส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยและสหรัฐหลัง  COVID ในช่วงต้นปีหน้าอีกด้วย...
    ความโดยสรุป "สุดารัตน์" ยืมมือ "วุฒิสมาชิกแทมมี ดักเวิร์ธ" เชือดรัฐบาลไทยด้วยเรื่องร้อน Pfizer ๑ ล้านโดส 
    เสียดายครับ เฟซบุ๊ก  Tammy Duckworth ของวุฒิสมาชิกแทมมี ดักเวิร์ธ ไม่ได้โพสต์ภาพ และข้อความเกี่ยวการพบปะกับ "สุดารัตน์" แต่อย่างใด
    จึงไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริงว่า สิ่งที่ "สุดารัตน์" สื่อสารกลับมาประเทศไทยนั้นถูกต้องหรือผิดพลาดแต่อย่างใดหรือไม่ 
    แต่หากติดตามช่องทางหลักที่อเมริกาใช้สื่อสารกับคนไทยคือ  เพจเฟซบุ๊ก U.S.Embassy Bangkok จะพบว่า การบริจาค Pfizer ล็อตแรก ๑.๕ ล้านโดสให้ไทยนั้น ถูกนำเสนออย่างเอิกเกริก
     ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ระบุว่า สหรัฐจะบริจาควัคซีนไฟเซอร์จำนวน ๑.๕ ล้านโดสให้กับไทย เราสองประเทศเป็นเพื่อนกันมากว่า ๒๐๐ ปี 
    และสหรัฐมุ่งมั่นที่จะช่วยคนไทยให้ปลอดภัยและมีสุขภาพดี
    ถัดมาคือวันที่ ๒๙ กรกฎาคม  
    "เรากำลังจะส่งมอบวัคซีนโควิดอย่างน้อย ๑.๕ ล้านโดส จริงๆ เป้าหมายคือการบริจาครวม ๒.๕ ล้านโดส 
    แต่การส่งมอบล็อตแรกคือ ๑.๕ ล้านโดส สายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเราสำคัญเสมอมาและเสมอไป" เป็นการอ้างอิงจากคำของวุฒิสมาชิกแทมมี ดักเวิร์ธ 
    “We will be sending no less than 1.5 million doses of the #Covid #vaccine. In fact, the goal is 2.5 million, but the first shipment is 1.5. The strength of our bond is as important as ever.”
    และวันที่ ๒ สิงหาคม เพจ U.S. Embassy Bangkok รายงานว่า อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐ ไมเคิล ฮีธ ร่วมยินดีกับนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา และรองนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ณ ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสที่วัคซีนโควิด-๑๙ ของไฟเซอร์ จำนวน ๑,๕๐๓,๔๕๐ โดส มาถึงประเทศไทย 
    เรายินดีที่ได้ทราบว่า รัฐบาลไทยจะจัดสรรวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งกลุ่มเสี่ยงก่อน และเห็นพ้องว่าทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะสัญชาติใด ควรจะสามารถเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพได้ เมื่อร่วมมือกัน เราจะช่วยชีวิตผู้คนมากมาย
    เราภูมิใจที่ได้บริจาควัคซีนจำนวน ๑.๕ ล้านโดสเหล่านี้เหมือนเช่นที่ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ ในวันที่ ๒๘ กรกฎาคม รัฐบาลสหรัฐยังให้คำมั่นว่าจะบริจาควัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอีก ๑ ล้านโดสให้กับประเทศไทย  
    แต่หลังจากนั้น U.S. Embassy Bangkok ไม่ได้พูดถึงวัคซีนอีก ๑ ล้านโดส ที่จะบริจาคให้ไทยอีกเลย จนถึงวันนี้
    หมายความว่าไง? 
    ประเด็นวัคซีนเป็นเรื่องอ่อนไหวทางการเมืองในไทย 
    จริงเท็จไม่รู้ แต่การบอกว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ใส่ใจที่จะสานต่อวัคซีนบริจาคอีก ๑ ล้านโดส ในทางการเมือง รัฐบาลถูกประชาชนกระทืบจมดินไปแล้ว 
    โดยเฉพาะการปล่อยเรื่องราวในโซเชียล ที่ไปไวเหมือนไฟลามทุ่ง แทบไม่มีใครสนใจเรื่องข้อเท็จจริง เพราะมีแต่สิ่งที่อยากหรือไม่อยากให้เป็นเท่านั้น 
    คุณหมอโอภาส การย์กวิน อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยเบื้องหลังก็ลองดูครับว่าจะน่าเชื่อถือกว่านักการเมืองหรือไม่ 
    "...การรับวัคซีนบริจาคจากสหรัฐที่ผ่านมา ๑.๕ ล้านโดสนั้น ผู้ที่ประสานงานในเบื้องต้นคือกระทรวงการต่างประเทศ โดยประสานงานร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย โดยจะมีหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการ
    ทั้งนี้ หลังจากสหรัฐบริจาคล็อตแรก ๑.๕ ล้านโดส ยังไม่ได้มีการแจ้งว่าจะบริจาคเพิ่มเติมในช่องทางใดๆ ให้กับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศ แม้กระทั่งกระทรวงสาธารณสุข
    ดังนั้นกระแสข่าวที่บอกว่าประเทศไทยปฏิเสธหรือไม่ตอบสนองต่อการบริจาควัคซีนนั้นเป็นเรื่องไม่จริง กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุขยืนยันยังไม่ได้มีการประสานบริจาควัคซีนเพิ่มเติมแต่อย่างใด..."
    ครับ...เชื่อหมา หรือเชื่อหมอ ก็เลือกเอา.