คลื่นสงบ!นับถอยหลัง“เรือดำน้ำ” ยุค“บิ๊กเฒ่า”ชูธง“กลับมารักกัน”


เพิ่มเพื่อน    

หลังจากกองทัพเรือถอนงบประมาณโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ (ลำที่ 2 และ 3) วงเงินรวม 22,500 ล้านบาท ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรายจ่ายประจำปี 2565 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา น่าจะเป็นสัญญาณชัดในการบ่งชี้ว่าในช่วง 3-5 ปีต่อจากนี้การจัดหาเรือดำน้ำเพิ่มเติมคงเป็นเรื่องยาก ทั้งจากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ความจำเป็นในการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาโควิดที่ยังไม่จบไม่สิ้น ยังไม่นับภาระหนี้ก้อนโตในอนาคตที่ต้องจัดการ 
    ภายใต้สถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาค โดยเฉพาะพื้นที่ทะเลจีนใต้ กลุ่มพันธมิตรมหาอำนาจกำลังจับมือกันเหนียวแน่นในเผชิญหน้ากับจีน แม้ปัจจุบันยังไม่ถึงจุดแตกหัก แต่ครั้งนี้นับได้ว่าตึงเครียดที่สุดนับแต่สงครามเกาหลีเป็นต้นมา ในส่วนของประเทศไทยนั้นแม้ไม่ใช่คู่ขัดแย้งแต่ก็ต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะเพื่อนบ้านอาเซียนหลายประเทศเป็นคู่พิพาท แม้ไทยไม่ได้รับผลกระทบทางตรงแต่อาจมีผลทางอ้อมก็เป็นได้ 
    ดังนั้น การเสริมสร้างกำลังทางเรือจึงมุ่งเน้นความพร้อมรบทุกมิติเพื่อรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล พร้อมสร้างภาวะสมดุลกับประเทศรอบบ้านยังคงเดินหน้าต่อไป การมีเรือดำน้ำเข้าประจำการในต้นปี 2567 นี้เพียง 1 ลำ แม้ไม่เป็นไปตามแผนแต่ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าในระดับหนึ่ง 
    “เหตุที่เราต้องมีเรือดำน้ำ 3 ลำนั้น เพราะเมื่อลำแรกออกปฏิบัติการในพื้นที่ ลำที่สองจำเป็นต้องสแตนด์บายเมื่อลำแรกเข้ามา ลำที่สองก็เข้าไป นั่นแสดงว่าจะมีเรือดำน้ำปฏิบัติการในพื้นที่ตลอดเวลา ส่วนลำที่สามจะเข้าสู่การส่งกำลังบำรุง หรือซ่อมทำ นี่คือแผนงานที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบ แต่หากมีเพียงลำเดียวเราก็ต้องยอมรับในขีดจำกัด เมื่อเราปฏิบัติภารกิจได้ถึงระยะเวลาหนึ่งพื้นที่ตรงนั้นก็จะว่างเว้นจากการปฏิบัติงานของเรือดำน้ำไป” พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือระบุ
    สำหรับความคืบหน้าในการต่อเรือดำน้ำ S26T จากประเทศจีน หลังทยอยชำระเงินงวดตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา อู่ต่อเรือที่เมืองอู่ฮั่นซึ่งปิดไปชั่วคราวจากการระบาดของโควิดรอบแรกได้กลับมาดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จึงอาจส่งมอบล่าช้าไปจากเดิมเล็กน้อย คือ จากปี 2566 ไปช่วงต้นปี 2567 ตามที่ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือได้พูดไว้เมื่อโอกาสครบรอบวัน “เรือดำน้ำ” เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา 
    “ทร.จะมีเรือดำน้ำเข้ามาประจำการในปี 2567 ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากำลังพลของกองทัพเรือมุ่งมั่น ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญาอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อเสริมสร้างและดำรงไว้ซึ่งเรือดำน้ำให้ ทร.มีสมรรถนะและขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางเรือทุกมิติ” ผบ.ทร. ระบุ 
    โดยกองทัพเรืออนุมัติการสร้างอู่ซ่อมบำรุง-อู่จอดเรือที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรีไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการในระยะที่ 1 คือ การเตรียมพื้นที่ และกำลังคัดเลือกผู้เข้าดำเนินการในระยะที่ 2 รวมไปถึงการเตรียมพร้อมในด้านของกำลังพลประจำเรือ 
    ขณะที่ปลายเดือนกันยายนนี้ บิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย จะเกษียณอายุราชการ โดยมี บิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย มารับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ ถือเป็น “โผข้ามห้วย” เพื่อคืนความชอบธรรมให้ที่ถูกเตะออกไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหมมาหลายปี
    2 ปีนับจากนี้ หลังจาก กองทัพเรือ เจอ “ศึกใน-ศึกนอก” อย่างหนัก คงต้องหันกลับมาตั้งหลักใหม่ให้ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย และเตรียมพร้อมองค์ประกอบอื่นๆ ก่อนที่เรือดำน้ำจะเข้าประจำการ และยังต้องจัดระบบงบประมาณที่ ทร.ถูกตัดไปหลายรอบ จนมีผลกระทบต่อการบริหารจัดการหน่วยในภาพรวมให้ดำรงภารกิจปกติให้ได้
    ขณะที่การจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารรอบนี้ถูกจับตามองจากคนในกองทัพเรือค่อนข้างมาก หลังเกิด “คลื่นใต้น้ำ” ช่วงที่ บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร. ใช้สูตร “เลือกไข่ใส่ตะกร้า” จัดวางคนจนกลายเป็น “บาดแผลร้าวลึก” 
    จนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผูกพันโยงใย กระทบชิ่งไปยังโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ในช่วง บิ๊กลือ เริ่มต้นไว้ เมื่อข้อมูลไปถึงมือ ฝ่ายค้าน และถูกนำไปพูดในสภาฯ ระหว่างการอภิปรายงบประมาณฯ เลยไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กลาโหม จน กองทัพเรือ กลายเป็นเป้าหมายใหญ่และจำเลยสังคม
    หนีไม่พ้นที่ เรือดำน้ำ จะเป็นผู้ร้ายเบอร์หนึ่ง ไม่นับโครงการอีกหลายอย่างถูกตั้งคำถามเรื่องความไม่คุ้มค่าและความไม่เหมาะสมในการจัดซื้อ ท่ามกลางวิกฤตงบประมาณในช่วงที่คนไทยกำลังเจอกับโควิด
    หลังเดือนตุลาคมนี้เมื่อคลื่นลมในกองทัพเรือจะสงบลง ด้วยการสมานแผล-รอยร้าวที่เกิดขึ้นจากปมการเลื่อนลด-ปลดย้ายให้เข้าที่เข้าทาง ด้วยการที่ บิ๊กเฒ่า จะใช้นโยบาย “ให้กลับมารักกันเหมือนเดิม” เพื่อสามารถสร้างความกลมเกลียว-สามัคคีให้กลับคืนมาสู่กองทัพเรืออีกครั้ง  
    เป็นความหวังว่ากองทัพเรือในยุคที่ต้องรับมือกับโจทย์ใหม่ๆ ของประเทศและภูมิภาค จะจับมือกันเป็นหนึ่งเดียวผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไปได้อย่างราบรื่น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"