สองคนนี้เคยรักใคร่สนิทสนมกันเป็นอย่างยิ่ง
วันนี้ประธานาธิบดีอีมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสโกรธเกรี้ยวประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ มาก
ถึงขนาดที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลฝรั่งเศสบอกว่าสหรัฐฯ กับออสเตรเลีย “แทงข้างหลัง” กันเลยทีเดียว
ไม่แต่เท่านั้น กระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศสยังเรียกทูตประจำอเมริกาและออสเตรเลียของตนกลับบ้านเพื่อแสดงท่าทีความไม่พอใจอย่างเป็นทางการ
ต้องถือว่าเป็นครั้งแรกที่ฝรั่งเศสเรียกทูตของตนจากวอชิงตันกลับบ้านเพื่อแสดงความไม่พอใจอย่างนี้
เหตุเพราะไบเดนกับนายกฯ สกอตต์ มอร์ริสัน แห่งออสเตรเลีย และนายกฯ บอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักร ประกาศตั้งกลุ่ม AUKUS (Australia-UK-USA)
โดยที่สหรัฐฯ กับอังกฤษบอกว่าจะแบ่งปันเทคโนโลยีสร้างเรือดำน้ำขับเคลื่อนโดยพลังนิวเคลียร์ให้ออสเตรเลีย
ฝรั่งเศสช็อก เพราะมีข้อตกลงที่จะขายเรือดำน้ำให้ออสเตรเลีย 12 ลำ มูลค่าเกือบ 1.3 ล้านล้านบาทตั้งแต่ปี 2016
อยู่ดีๆ สหรัฐฯ ไปชิงดีลไปหน้าตาเฉยโดยที่ฝรั่งเศสบอกว่าไม่มีใครบอกล่วงหน้าเลย
แต่รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย ปีเตอร์ ดัตตัน ยืนยันว่าได้มีการแสดงความกังวลเรื่องนี้กับฝรั่งเศสมาระยะหนึ่งแล้ว
“ความห่วงใยของเราต่อรัฐบาลฝรั่งเศสนั้นได้ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นทางการเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว” เขาบอก
นายกฯ ออสเตรเลียอ้างว่าได้แจ้งเรื่องนี้กับประธานาธิบดีมาครงตั้งแต่เดือนมิถุนายน
“ตอนนั้นเราบอกว่าออสเตรเลียจำเป็นต้องตัดสินใจไปทางใดทางหนึ่งเพื่อประโยชน์แห่งชาติ” นายกฯ มอร์ริสัน บอก
อ่านระหว่างบรรทัดก็น่าจะตีความได้ว่าฝรั่งเศสได้ยิน “ความกังวล” ของออสเตรเลีย
แต่ไม่คิดว่าจะไปไกลถึงขั้นจะยกเลิกคำสั่งซื้อเรือดำน้ำทั้งฝูงทั้งหมด
มิหนำซ้ำคนที่เข้ามาแทนที่ยังเป็นสหรัฐฯ ที่ควรจะถือว่าฝรั่งเศสเป็นพันธมิตรมากกว่าที่จะเป็นคู่แข่ง
ทำนองว่าออสเตรเลียกลัวว่าฝรั่งเศสจะมีปัญหาการผลิตและส่งมอบให้ทันเวลา
รัฐมนตรีคลังของออสเตรเลีย ไซมอน เบอร์มิงแฮม บอกว่าได้แจ้งให้ทางฝรั่งเศสได้รับรู้ถึงการก่อตั้ง AUKUS ก่อนหน้านี้ แต่ก็ยอมรับว่าการเจรจาเป็นเรื่องลับเพราะมีความละเอียดอ่อนสูง
แล้วข้อตกลงกับอเมริกามีค่าใช้จ่ายเพียงใด
รัฐบาลออสเตรเลียไม่เปิดเผยตัวเลข แต่บอกว่า “คงไม่ใช่โครงการถูกๆ ก็แล้วกัน”
แถลงการณ์กระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศสบอกว่า การที่ออสเตรเลียบอกเลิกดีลเรือดำน้ำกับฝรั่งเศสนั้นถือเป็น “พฤติกรรมที่ไม่อาจจะยอมรับได้ระหว่างพันธมิตรและหุ้นส่วน และผลที่ตามมาย่อมจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นที่ว่ายุโรปมีความสำคัญต่อนโยบาย Indo-Pacific ร่วมกัน”
พูดง่ายๆ คือ ฝรั่งเศสเห็นว่าอเมริกาไม่มีความจริงใจต่อเพื่อนในยุโรป และออสเตรเลียก็ไม่แคร์ว่าการบอกเลิกดีลเรือดำน้ำดื้อๆ อย่างนี้จะทำให้มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างกัน
เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสบางคนบอกว่ารัฐบาลฝรั่งเศสมารู้เรื่อง AUKUS จากรายงานในสื่อ ทำให้เสียหน้าและเสียความรู้สึกอย่างมาก...นอกจากจะเสียรายได้มหาศาลจากการที่อเมริกากับฝรั่งเศส “มุบมิบ” ทำข้อตกลงเรื่องเรือดำน้ำ
แต่ออสเตรเลียแย้งว่าได้มีการส่งสัญญาณ “อย่างชัดแจ้ง” แล้วว่าออสเตรเลียอาจจะต้องยกเลิกโครงการนี้กับฝรั่งเศส
รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศสออกแถลงการณ์แสดงความผิดหวังอย่างหนัก
ต่อมารัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสพูดอย่างไม่เกรงใจว่า “นี่คือการแทงข้างหลังกันชัดๆ”
ประธานาธิบดีมาครงเองสั่งให้ยกเลิกงานเลี้ยงใหญ่ที่สถานทูตฝรั่งเศสที่วอชิงตัน ที่เดิมทีกำหนดให้เป็นงานรำลึกถึงวันครบรอบ 240 ปีที่กองเรือฝรั่งเศสช่วยสหรัฐฯ ชนะสงครามเอกราชจากอังกฤษ
ฝรั่งเศสมีประเด็นต้องกริ้วเพราะประการแรกสหรัฐฯ ชวนอังกฤษแต่เพียงประเทศเดียวจากยุโรปมาร่วม AUKUS และสองทำให้ Naval Group ซึ่งรัฐบาลถือหุ้นใหญ่เสียงานสร้างและขายเรือดำน้ำทั้งฝูง 12 ลำที่ตกลงไว้กับออสเตรเลีย
โจ ไบเดน บอกว่าจะพยายาม “เคลียร์ใจ” กับมาครง อ้างว่าไม่รู้ว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
งานนี้ก็เลยทำให้ทั้งจีนและฝรั่งเศสออกมาต่อต้านทั้งๆ ที่ฝรั่งเศสควรจะเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของโลกตะวันตก
แต่อย่างไรเสียอเมริกากับฝรั่งเศสคงจะทะเลาะกันนานไม่ได้ เพราะจีนยังเป็น “ภัยร่วม” ของทั้งสอง
สำคัญคือจะ “เยียวยา” ทั้งด้านใจและเงินทองให้กับฝรั่งเศสอย่างไรเท่านั้นเอง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |