22 ก.ย.2564 - ผู้สื่อข่าวรายงานในเพจของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้ลงคำสัมภาษณ์ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎรกรณีที่ประชุมคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) มีมติสอบสวนวินัยร้ายแรงนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด หลังสั่งไม่ฟ้อง บอส อยู่วิทยาว่า ที่ประชุม ก.อ.มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายเนตรที่ขาดความรอบคอบ ประมาทเลินเล่อ อย่างค่อนข้างร้ายแรง ซึ่งจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต่อไป โดยวินัยร้ายแรงมีโทษทางข้าราชการ โทษสูงสุดคือการไล่ออก หากผู้เสียหายไม่พอใจ ไม่เห็นด้วย สามารถฟ้องต่อศาลปกครองได้ เป็นเรื่องที่สมควรกระทำ แต่ติดใจถ้อยแถลงที่ว่า“อย่างค่อนข้างร้ายแรง” ตรงนี้อาจจะเป็นถ้อยคำที่เบาไปหรือไม่ ซึ่งในการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงโทษสูงสุดคือ การไล่ออก และที่ผ่านมานายเนตรได้เคยยื่นหนังสือเพื่อขอลาออกจากราชการมาแล้ว 1 ครั้ง และครั้งนี้ได้ยื่นเข้ามาใหม่อีก 1 ครั้ง รวมเป็น 2 ครั้ง แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัตินั้น
“ต้องฝากไปยังอัยการสูงสุดช่วยพิจารณาหนังสือลาออกของนายเนตรอย่างถ่องแท้ว่า การจะอนุญาตให้ลาออกก่อนการพิจารณาสอบวินัยร้ายแรงนั้นสมควรหรือไม่ และจะทำให้ประชาชนรู้สึกถึงไม่สบายใจถึงความเชื่อมั่นของสำนักงานอัยการสูงสุดว่าจะมีความเที่ยงธรรมตรงไปตรงมาหรือไม่ ขณะเดียวกัน หากหนังสือลาออกของ นายเนตรเป็นผล การสอบคนที่ลาออกความชอบธรรมจะลดลง แม้ผมจะไม่มีหน้าที่ในการชี้ผิด ชี้ถูก แต่ต้องการสอบให้สุดทาง เพราะกรณีดังกล่าวเป็นที่สะเทือนใจต่อประชาชนเป็นอย่างมาก”
นายธีรัจชัยระบุว่า สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นองค์กรต้นเรื่องในการดูแลบุคลากรและฝ่ายบุคคลของสำนักงานอัยการสูงสุด มุมแรกคือต้องเน้นเรื่องการสอบวินัย และอีกหนึ่งมุมคือการดำเนินคดีอาญาในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และการแสดงความเห็นเพื่อดำเนินคดีทางอาญาหรือไม่ ซึ่งส่วนนี้ยังไม่เห็นมีการพูดถึงจากสำนักงานเอกการสูงสุดเลย ก่อนหน้านี้ ที่คณะกรรมการสอบสวนวินัยชุดของ นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ ได้มีความเห็นว่านายเนตรผิดวินัยไม่ร้ายแรง ในวันนั้นรู้สึกไม่สบายใจ แต่พอวันนี้เปลี่ยนเป็นการสอบวินัยร้ายแรง ก็ถือเป็นมาตรฐานที่สูงขึ้น แต่ในเรื่องของคดีอาญาได้ดำเนินการแล้วหรือไม่ และกรณีของอดีตอัยการสูงสุดที่ได้ลาออกจากราชการ ในขณะที่มีการสอบสวนนายเนตรก่อนหน้านี้ จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบความเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ว่า เหตุใดจึงปล่อยให้ลาออกในช่วงเวลานั้น นี่เป็นข้อกังขาที่ตนจำเป็นจะต้องตั้งประเด็นไว้ ว่าคณะกรรมการได้ทำอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่
“คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ได้ตั้งเรื่องรอไว้ขณะนี้ เพื่อรอผลการพิจารณาต่างๆ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเชิญฝ่ายอัยการสูงสุด ในส่วนประธานกรรมการอัยการและคณะกรรมการสอบสวนวินัย เข้าชี้แจงเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงว่า ที่ผ่านมา ท่านได้กระทำอย่างไรกับกรณีดังกล่าว เพื่อให้เกิดความตรงไปตรงมา ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูกจริงๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำจริงๆ”นายธีรัจชัยกล่าว
นายธีรัจชัย ยังกล่าวถึงกรณีการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ จากเดิมที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด มาเป็นต่ำกว่ากฎหมายกำหนด ที่มีหลายฝ่ายมองว่าจะช่วยให้หลุดจากความผิดทั้งยวง และต่อมาทาง กมธ.ป.ป.ช. ได้ติดตามมาโดยตลอด มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนในส่วนของตำรวจมาแล้ว ทางอัยการก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า อัยการท่านใดมีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงความเร็ว ท่านควรจะเปิดเผยให้ประชาชนได้ทราบว่าเป็นบุคคลใด สำนักงานอัยการสูงสุดควรที่จะเปิดเผยและทำให้โปร่งใสได้แล้ว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |