"ก็...ไม่ได้กู้มาโกงนี่ครับ"    


เพิ่มเพื่อน    

พี่ "หมอเดชา" ของผม....
    "นาวาโทเดชา สุขารมณ์" ท่านจากไปโดยสงบเสียแล้ว 
    เห็นข่าวใจหายแวบ! 
    เพราะท่านคือ "พี่หมอที่เคารพ" ของผมมายาวนานไม่ต่ำกว่า ๕๐ ปี ทั้งข้าว น้ำ รอยยิ้ม และรักที่มีให้ ฝังใจจำตลอด
    พี่หมอชอบเล่าเหตุการณ์นอกประวัติศาสตร์บันทึกให้ผมระทึกเสมอ 
    เพราะตอนเป็น "หมอหนุ่ม" พี่หมอเดชาเป็น "หมอประจำตัว" นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ "จอมพลถนอม กิตติขจร"
    นายกฯ ถนอมคุย ๒ ต่อ ๒ กับใคร 
    พี่หมอเดชาที่จอมพลถนอมบอกให้หลบไปอยู่ในห้องข้างหลัง ก็จะพลอยได้ยินด้วยตลอด 
    ต่อมา วางมือจากกิจการโรงพยาบาล ลงเล่นการเมือง เป็น ส.ส.กาญจนบุรี เป็นรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย สมัยรัฐบาลชวน และเป็นรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข
    ๒๑ กันยา.เป็นวันเกิดพี่หมอ
    จะโทรมาชวนผมไปทำบุญ ล่าสุดที่โรงพยาบาลสงฆ์แล้วไปกินข้าวกัน ถึงไม่ประจำทุกปี แต่ก็บ่อยครั้ง 
    แต่ ๒๑ กันยา.ปีนี้ ไม่มีสายเรียกจากพี่หมอ
    มีแต่ข่าว.......
    "พี่หมอ" ดุ่มเดินเดียวดายไปตามรอยบุญที่ทำไว้ สู่ ณ ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบอีกต่อไป ด้วยเส้นใต้ชีวิตที่ขีดไว้ 
    ๘๖ ปี "บริสุทธิ์-บริบูรณ์"
    ในภาวะมนุษย์วิสัย "เกิดกับตาย" ตัวเดียวกัน
    "การเกิด" มาจากการตายในที่หนึ่ง มาสู่อีกที่หนึ่ง ในสภาพเกิด "การตาย" ก็เช่นกัน จากการดับในที่หนึ่ง สู่อีกที่หนึ่ง ในสภาพเกิด
    สรุปแล้ว ความหมายของ "น้ำตา" เป็นได้ทั้งสุขและเศร้า เราจึงเห็นทั้งตอนหัวเราะและตอนร้องไห้ น้่ำตาไหลเหมือนๆ กัน
    ผมก็ใกล้จะได้ทั้งหัวเราะและร้องไห้อยู่แล้วเหมือนกัน!
    เอ้อ...นี่รู้กันหรือยัง ว่า.....
    "พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕" ด้วยวงเงิน ๓,๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท 
    มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว มีผลตั้่งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๕
    พูดเรื่องเงิน ก็ต้องพูดต่อเรื่อง รัฐบาลขยายเพดานเงินกู้หนี้สาธารณะของประเทศ จากร้อยละ ๖๐ เป็นร้อยละ ๗๐ 
     พอบอกว่าขยายเพดานเงินกู้...
     พวกนิยมด่า ไม่นิยมเหตุผล ก็ด่าไฟแลบ รัฐบาลนี้ดีแต่กู้บ้าง,ประยุทธ์นักกู้แห่งลุ่มน้่ำเจ้าพระยาบ้าง, ๗ ปีมีแต่กู้ให้เป็นภาระคนรุ่นต่อไปบ้าง และ ฯลฯ
    แต่คนรู้กลไกเศรษฐกิจและมีเหตุผล แม้บางคนในฝ่ายค้านเอง ที่เข้าใจปัญหา นอกจากไม่ค้านแล้ว ยังสนับสนุนและเร่งให้ทำด้วยซ้ำ
    กระทั่ง "แบงก์ชาติ" เอง ยังต้องออกมาส่งสัญญาณ ว่าด้วยปัญหาโควิด นอกจากทำเครื่องยนต์เศรษฐกิจพังทุกตัวแล้ว
    "ประชาชน" ยิ่งพังกับพัง!
    รัฐบาลควรต้องกู้อย่างน้อยอีกซัก ๑ ล้านล้านบาท มาพยุงรายได้ชาวบ้านด่วน
    สรุปแล้ว คนที่รู้และเข้าใจปัญหา "ไม่มีใครค้าน" 
    มีแต่บอกให้รัฐบาลรีบกู้ เอาเงินมากระตุ้น-กระชากระบบเศรษฐกิจและชีวิตชาวบ้านเร็วๆ แทบทั้งนั้น
    อย่าไปบ้ากับตัวเลขเพดานกู้ "ไม่เกินร้อยละ ๖๐ ของจีดีพี" อะไรนั่นเลย
    คำว่า "เพดานเงินกู้" มันเหมือนเส้น "ขอบน้ำ-ขอบฟ้า" ทุกคนเห็นว่ามีอยู่ แต่ในความเป็นจริง มันไม่มีหรอก!
    ก็ด้วย "กติกาโลก" กำหนดให้มันมีเป็นจุดบรรจบทางสมมุติไว้บ้างเท่านั้น 
    เพื่ออะไร เพื่อป้องกันรัฐบาลประเภท "กู้มาโกงแบ่งกัน" นั่นแหละ!
    แต่เมื่อจำเป็น เพื่อความอยู่รอดหรือเพื่อความเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนทางเศรษฐกิจ จะกู้..ก็ต้องกู้ ยกเว้นผู้บริหารที่ซื่อบื้อ ที่ไม่รู้จักปริวรรต ในสถานการณ์อันควรเท่านั้น
    ทุกวันนี้ ไม่มีประเทศไหนในโลก ที่เอาการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม ไปแขวนคอไว้กับคำว่า "เพดานเงินกู้"
    อย่าว่าเกินร้อยละ ๗๐ เลย
    เกินร้อยละร้อยด้วยซ้ำ ประเทศที่ยิ่งก้าวหน้า อย่างสหรัฐ-ยุโรป-ญี่ปุ่น ด้วยแล้ว ยิ่งกู้ ยิ่งก้าวหน้า
     เพราะเขาไม่ได้กู้มาโกงแบ่งกัน แต่เขากู้มาขยายฐาน ทางพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม หรือกู้มาแก้บางปัญหาเฉพาะหน้าที่เห็นว่า มีทางได้คืน
    ไทยเรา จากโควิด ถึงวันนี้ รายได้ทางเศรษฐกิจหายไปไม่หนี ๓ ล้านล้าน ทั้งภาคธุรกิจการค้าและภาคครัวเรือน
    เงินที่รัฐบาลใส่ไปแล้วในระบบรูปแบบต่างๆ นั่นแค่เยียวยาเฉพาะหน้าให้ชีวิตรอดไปวันๆ
    แต่จะให้ฟื้น ให้ยืนได้ วิ่งได้ โตได้ แตกกิ่งก้าน แผ่ขยาย ออกดอก-ออกผลได้
    มันไม่ได้และไม่มีทางเลย!
    ก็ต้องใช้มาตรการ "ทางการคลัง" กระตุก-กระชากเครื่องยนต์ ทั้งเยียวยา ทั้งกระตุ้น ทั้งฟื้นฟู ทั้งปรับสภาพ เอากันให้ครบสูตร ทุกอย่างที่ทุ่มลงไปจึงจะไม่เสียเปล่า
    ไม่ต้องกลัวหรอก ทั้งสภาพคล่อง ทั้งฐานเศรษฐกิจประเทศของไทยเรานั่นน่ะ 
    ไม่ได้โม้นะ ต่อให้ยุโรป-สหรัฐด้วย ของไทยเราแข็งปั๋ง "กินขาด"!    
    ฉะนั้น รัฐบาลอย่าโอ้เอ้ รีบจัดทำแล้วรีบกู้มาเลย ที่ว่าอีก ๑ ล้านล้านนั่นน่ะ
    ผมว่า ไม่กู้ตอนนี้ นั่นแหละ...โง่
    เพราะตอนนี้ ดอกแค่ร้อยละบาทกว่า ไม่กู้..จะรอไปกู้ตอนขาขึ้น ร้อยละ ๓-๕ บาท ในอีก ๒-๓ ปีข้างหน้างั้นหรือ?
    กู้ตอนนี้แหละ "โคตรกำไร"
    ยิ่ง "กู้ในประเทศ" ด้วยแล้ว เหมือนเรือล่มในหนอง เอามาจัดสรรปันส่วนให้ภาคธุรกิจ-เศรษฐกิจ, ภาคประชาชน โดยเฉพาะเศรษฐกิจชุมชน พ่อค้า-แม่ขายรายเล็ก-รายน้อย
    เงินล้านล้านที่ปล่อยไป....
    ก็เหมือนหว่านกล้า-รดน้่ำ-ใส่ปุ๋ย พืชไร่ ระบบก็จะไปฉุดเครื่องยนต์ภาคการผลิต การค้า-การขาย การกิน การบริโภคต่อไปถึงภาคอุตสาหกรรม
    ลงท้าย เงินล้านล้าน มันก็ไหลกลับเข้าคลังพร้อมดอกผล ด้วยระบบภาษีและการขยายฐานการเก็บภาษีที่เป็นเงาตามไปกับเศรษฐกิจที่ฟื้นแล้วแตกโตขยาย ใน ๑๐ ปีข้างหน้า
    ถ้าใครยังนึกภาพไม่ออก นึกถึงระบบ "เจ้ามือบ่อน" จะเข้าใจ
    เจ้ามือกินลูกบ่อนหมดตูดแล้ว จะเล่นต่อ ลูกบ่อนก็ไม่มีเงินแทง เจ้ามือก็ต้องฟื้นฟูสภาพคล่องลูกบ่อน 
    ปล่อยให้กู้เพื่อเล่นต่อ สมมุติคนละ ๑๐๐ บาท ธุรกิจบ่อนก็เดินต่อไปได้ เรียกว่า "กลไกระบบ" หมุนเวียน "ปล่อยกู้-คืนกลับ, คืนกลับ-ปล่อยกู้" คู่กันอย่างนี้
    ๑ ล้านล้าน พอหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจ 
    แต่ขอให้ทุกคนเข้าใจว่า การขยายเพดานกู้ครั้งนี้ สมควร-จำเป็น และมีเหตุผลต้องทำอย่างยิ่ง
    มันเป็นการลงทุน "กับประชาชน-เพื่อประชาชน-โดยรัฐบาลของประชาชน บนฐานอนาคตประเทศที่มั่นคงและยั่งยืน
    รีบทำ....
    ชักช้าประเทศชาติจะเสียทั้งโอกาสและเสียทั้งประโยชน์!.

คนปลายซอย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"