ยามาฮ่า เดินหน้าเต็มสูบรุกตลาดรถกอล์ฟ พร้อมชูจุดแข็งด้านมาตรฐาน ผลิตที่โรงงานไทยทั้งเน้นคุณภาพและบริการหลังการขาย ตั้งเป้าโต 15-20% ใน 3 ปี มุ่งขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งในไทย และรุกส่งออกกว่า 12 ประเทศ ธุรกิจรถกอล์ฟของยามาฮ่าเริ่มอย่างเป็นทางการในปี 2558 วางตำแหน่งสินค้าในระดับพรีเมี่ยม โดยปัจจุบัน รถกอล์ฟ ยามาฮ่า วายดีอาร์ ครูซ ได้ถูกผลิตในเมืองไทยเพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 4,000 คัน ซึ่งถูกส่งออกไปกว่า 10 ประเทศทั่วโลก อาทิ ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, สิงค์โปร์, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, เมียนมาร์, อินเดีย, ปากีสถาน และมัลดีฟส์ เป็นต้น ขณะเดียวกัน ยามาฮ่า ยังเตรียมขยายตลาดไปอีก 2 ประเทศในอาเซียนอย่างลาวและกัมพูชาในปีนี้และปีถัดไป เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของตลาดรถกอล์ฟอีกด้วย
จินตนา อุดมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันความต้องการเปลี่ยนรถกอล์ฟใหม่ เพื่อใช้งานในสนามกอล์ฟทั่วประเทศไทย มีอยู่ ราว 4,000 คันต่อปี คิดเป็นมูลค่าตลาดประมาณ 760 ล้านบาทต่อปี ซึ่งในตลาดมีแบรนด์หลักๆ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ไม่กี่แบรนด์ ประกอบกับธุรกิจรถกอล์ฟสามารถอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น เห็นได้ว่าในปัจจุบันรถกอล์ฟไม่ได้ถูกใช้งานแค่ในสนามกอล์ฟเท่านั้น แต่กลับมีความต้องการนำมาใช้ในธุรกิจประเภทอื่นๆ อาทิ ธุรกิจการท่องเที่ยว, โรงแรม, รีสอร์ทและธุรกิจด้านบริการต่างๆ นอกจากนี้ยังขยายมาถึงภาคธุรกิจอุตสาหกรรม, นิคมโรงงาน อสังหาริมทรัพย์และภาคธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสทีดีที่ธุรกิจรถกอล์ฟ จะสามารถขยายฐานตลาดให้กว้างขวางมากขึ้น
ปัจจุบันตลาดรถกอล์ฟเป็นที่ต้องการจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีหลากหลาย แบรนด์ที่ได้เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย อีกทั้งยังมีการนำเข้ารถกอล์ฟที่ประกอบในประเทศจีน เพื่อลดต้นทุนและสร้างความได้เปรียบทางการค้า เพื่อจัดจำหน่ายในประเทศไทย แต่รถกอล์ฟภายใต้แบรนด์ยามาฮ่า นั้นเป็นที่รู้จักและยอมรับจากทั่วโลกในผลิตภัณฑ์หลายๆ ด้าน เราจึงมั่นใจในเรื่องคุณภาพและการบริการหลังการขาย ซึ่งถือเป็นจุดแข็งและข้อได้เปรียบทางการค้า นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นในการออกแบบที่สวยงาม โดดเด่น ระบบช่วงล่างที่แข็งแกร่ง ทนทาน แต่ยังคงให้ความนุ่มนวลในการใช้งาน ไม่แตกต่างจากการขับรถยนต์ ซึ่งยามาฮ่ามีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ โดยมีพื้นฐานจากรถยามาฮ่า เอทีวี ที่โด่งดังในต่างประเทศ จึงทำให้รถกอล์ฟยามาฮ่าสามารถตอบสนองการใช้งานของลูกค้าได้เป็นอย่างดีและด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมา แม้เราจะวางตำแหน่งรถไว้ในระดับสินค้าพรีเมี่ยมเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด แต่เราสามารถรับประกันได้ถึงความคุ้มค่าต่อการลงทุน เป้าหมายในการดำเนินธุรกิจรถกอล์ฟ เราต้องการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้สูงขึ้น จากเดิมที่อยู่ราว 8-10% ภายใต้สโลแกน “Drive to be No.1” ครอบคลุมและตอบสนองการใช้งานของลูกค้าได้ในทุกเซ็กเม้นต์ ภายใน 3 ปี ต่อจากนี้โดยคาดการณ์ว่าส่วนแบ่งการตลาดรถกอล์ฟยามาฮ่า จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดขึ้นไปอีก 15 - 20% และในปี พ.ศ. 2565 ยามาฮ่าหวังว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นที่ 1 ในตลาดได้ ทั้งนี้ทางบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จะเดินเกมรุกในด้านความหลากหลายของสินค้า รักษามาตรฐานคุณภาพ เพิ่มประสิทธิภาพและการเข้าถึงบริการหลังการขายที่เป็นกันเองและรวดเร็วดังที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นเสมอมา
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |