จับใหญ่4คดียาเสพติด


เพิ่มเพื่อน    

กวาดล้างไม่หมด ตำรวจแถลงผลการสกัดจับยาเสพติด ล่าสุดจับได้อีก 4 คดี สามารถยึดยาบ้าได้ 7.5 ล้านเม็ด กัญชา 1.4 ตัน ฝิ่นอีก 3 กิโลกรัม พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. ชี้แก๊งค้ายาไม่เกรงกลัวกฎหมายและการแพร่ระบาดโควิด
    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.ย.2564 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการจับกุมและสกัดกั้นผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ 4 คดี ยึดของกลางยาบ้า 7,500,000 เม็ด และกัญชา 1,480 กิโลกรัม ฝิ่นสุก 3 กิโลกรัม
    โดยคดีแรกจับกุมนายเจด็จ อายุ 45 ปี พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง 620 กิโลกรัม และรถกระบะ 1 คัน ขณะลักลอบขนกัญชาบนถนนบ้านม่วง-สว่างแดนดิน ต.สว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร หลังสืบทราบมาว่าจะมีการขนมาจากชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการ
    คดีที่ 2 จับกุมนางกลิ่นนภา อายุ 45 ปี พร้อมของกลางกัญชา 861 กิโลกรัม, ฝิ่นสุก 3 กิโลกรัม และรถกระบะ 2 คัน โดยถูกจับกลุ่มที่ริมถนนพระยาพายัพพิริยะกิจ ต.ตลาด อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ และในพื้นที่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยก่อนหน้านี้สืบทราบว่าจะมีกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงเฝ้าติดตามดูพฤติกรรมของกลุ่มดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งมีการวางแผนจับกุม โดยพบรถกระบะ 3 คัน ขับตามกันมา ซึ่งเป็นรถคุ้มกันและรถขนยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาต่อเนื่องจังหวัดสมุทรปราการ แต่คนร้ายไหวตัวทันทิ้งรถขนยาเสพติดไว้ริมถนนแล้วหลบหนีไป ซึ่งต่อมาได้ขยายการจับกุมผู้ต้องหามาได้ 1 คน อยู่ระหว่างขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้อง
    คดีที่ 3 จับกุมนายลอซา อายุ 29 ปี และนายปเส่ อายุ 47 ปี ทั้ง 2 เป็นกลุ่มชาติพันธุ์เผ่าลาหู่ พร้อมของกลางยาบ้า 5 ล้านเม็ด, รถกระบะ 2 คัน และอาวุธปืน 3 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน โดยถูกจับกุมได้ที่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่ามีกลุ่มเครือข่ายจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนเชียงใหม่เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ
    กลุ่มดังกล่าวมีการใช้รถคุ้มกันและอาวุธครบมือ โดยขณะที่เจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าจับกุมตัวก็มีการยิงต่อสู้เพื่อเปิดทางขับรถหลบหนี จึงขับตามไล่ล่าจนรถคนร้ายเสียหลักตกลงข้างทาง ปรากฏว่าคนร้ายถูกวิสามัญ 1 ราย คือ นายยาสี ก่อนจะจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน พร้อมของกลาง และหลบหนีไปได้ 2 คน อยู่ระหว่างติดตามตัว
    คดีสุดท้าย จับกุมนายวิเชียร อายุ 28 ปี, นายก้องเกียรติ อายุ 40 ปี และเยาวชนอายุ 17 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 1,494,000 เม็ด และรถยนต์ 2 คัน โดยถูกจับกุมได้ที่ในปั๊มน้ำมันในพื้นที่หมู่ 3 ถนนสายเอเชีย อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี หลังได้รับการแจ้งจากสายลับว่ามีการลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่เชียงราย มาส่งมอบให้กับเครือข่ายใน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยผู้ต้องหามีความสัมพันธ์เป็นญาติกัน และแบ่งหน้าที่กันขับรถสำรวจเส้นทางและรถที่ใช้ขนยาเสพติด แต่ก็ไปไม่รอดถูกจับกลุ่มได้ในที่สุด
    ด้าน พล.ต.ท.มนตรีเปิดเผยว่า แม้จะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดก็ยังมีความพยายามที่จะขนส่งยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ลดลงไปจากเดิม ซึ่งการจับกุมทั้ง 4 คดีนี้ พบว่ากัญชาของกลางจะถูกจำหน่ายในประเทศ และส่งไปยังประเทศที่ 3 ส่วนยาบ้าจะถูกส่งไปจำหน่ายในพื้นที่ชั้นใน และลงไปยังภาคใต้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"