จุรินทร์ มั่นใจปชป.ผลงานเด่น ‘ประกันรายได้-แก้ไขรัฐธรรมนูญ’ลุ้นทวงคืนเก้าอี้ส.ส.ทุกภาค


เพิ่มเพื่อน    

 

19 กันยายน 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมเสวนากับ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ภาคเหนือ ซึ่งมีนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ จัดการเสวนาในหัวข้อ “การทำงานพรรคประชาธิปัตย์ผ่านกลไก 6 กระทรวง”  ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ Zoom

โดยหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขับเคลื่อนนโยบายที่ ประกาศต่อรัฐสภาผ่าน 3 กลไก ซึ่งประกอบด้วย 1. กลไกในฐานะรัฐมนตรีของพรรคที่เราได้ร่วมรัฐบาล 2. กลไกรัฐสภา ซึ่งมีนายชวน หลีกภัย เป็นประธานรัฐสภา และสภาผู้แทนราษฎร ผ่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค 3. กลไกภายในพรรค ที่ตนรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค รองหัวหน้าพรรคที่ได้มอบหมายให้ดูแลในแต่ละภาค รวมทั้งสาขาพรรค และเพื่อนสมาชิกทุกคน ซึ่งถือว่าเป็นกลไกที่เป็นทางตรง และมีประสิทธิผล จึงเชื่อว่าจะได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนมากขึ้นในพื้นที่อย่างแน่นอน ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยได้ชักชวนให้ทุกคนได้เผยแพร่ผลงานของพรรคที่ทำงานผ่านกลไกของพรรคในทุกรูปแบบต่อไป

นายจุรินทร์ ยังกล่าวอีกด้วยว่าที่ผ่านมา ได้มี “จุรินทร์ ออนทัวร์” ไปแล้วหลายจังหวัด ซึ่งล่าสุดได้มี “จุรินทร์ ออนทัวร์” ไปจังหวัดอันดามัน ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต โดยเฉพาะที่จังหวัดระนอง ได้มีการเปิดตัวผู้สมัคร ซึ่งเป็นเลือดใหม่ นักการเมืองรุ่นใหม่ มีผู้สนับสนุนเป็นจำนวนมาก ส่วนที่จังหวัดภูเก็ตนั้นได้มีการเปิดยุทธศาสตร์ ภูเก็ตยกทีม ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับภูเก็ต และเชื่อว่าเราจะทวงเก้าอี้กลับมาได้

สำหรับวานนี้ ก็มี “จุรินทร์ ออนทัวร์ กรุงเทพ” ซึ่งทำมาตลอดเช่นเดียวกัน โดยวานนี้ได้ไปที่เขตตลิ่งชัน และเป็นการเปิดตัว ส.ก. สตรี  เพื่อเพิ่มบทบาทให้สตรีเข้ามาสู่การเมืองมากขึ้น เราให้ความสำคัญกับสตรีในการที่จะเข้ามามีบทบาททางเศรษฐกิจ สุขภาพ และการศึกษาในกรุงเทพ ซึ่งมีเสียงตอบรับดีมาก

ส่วนปลายเดือนนี้จะมี “จุรินทร์ ออนทัวร์ ภาคเหนือ” ซึ่งเป็นกำหนดการที่ได้เตรียมการมาก่อนหน้านี้ แต่ต้องเลื่อนออกไปเพราะการล็อคดาวน์ จึงจะได้ฟื้นกลับมาใหม่ โดยจะลงพื้นที่ประมาณวันที่ 30 ก.ย. – 1 ต.ค.

มาถึงวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เมื่อเราเข้าร่วมรัฐบาล เราสามารถทำผลงานที่เป็นนโยบายสำคัญของพรรคเสร็จแล้ว 2 ข้อ คือ 1. ประกันรายได้เกษตรกร หลังจากเข้าร่วมรัฐบาล ก.ค. ปี 62 แต่ยังไม่ทันสิ้น ธ.ค. 62 ภายใน 4 เดือน เราสามารถจ่ายเงินส่วนต่างประกันรายได้เกษตรกรได้ครบ จึงเป็นที่มาว่า ประชาธิปัตย์ ยุคอุดมการณ์ ทันสมัย ทำได้ไว ทำได้จริง ซึ่งเป็นผลงานเชิงประจักษ์ และขณะนี้โครงการประกันรายได้เกษตรกร ก็เดินหน้ามาถึงปีที่ 3 แล้ว

"นี่คือนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าไม่มีประชาธิปัตย์ นโยบายนี้ไม่เกิด และเป็นเงื่อนไขก่อนร่วมรัฐบาล เมื่อรัฐบาลรับเป็นนโยบายรัฐบาลเราจึงร่วมเป็นรัฐบาล เมื่อร่วมรัฐบาลแล้วเราก็เป็นตัวหลักในการลงมือทำ” หัวหน้าพรรคกล่าว

2. เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ แม้มีความขลุกขลักบ้าง ที่เดิมนั้นเราผลักดันให้แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดยการตั้ง ส.ส.ร. โดยมีเงื่อนไขไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ว่าด้วย รูปแบบการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  แต่สุดท้ายไปต่อไม่ได้ พรรคก็ได้เสนอให้มีการแก้ไขเป็นรายมาตรา จึงเป็นที่มาที่พรรคเสนอแก้ไขทั้งหมด 7 ร่าง สุดท้ายร่างของพรรคประชาธิปัตย์ผ่านเพียงร่างเดียว ซึ่งเป็นร่างที่เปลี่ยนรูปแบบการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง จากบัตรใบเดียว เป็นบัตร 2 ใบ และเปลี่ยนจำนวนผู้แทนราษฎรในสัดส่วน จากเดิม 150 คน เป็น 100 คน ส.ส.เขต จาก 350 คน เป็น 400 คน ซึ่งการเปลี่ยนจากระบบบัตรใบเดียว เป็นบัตร 2 ใบ ก็จะทำให้เดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และทำให้ประชาชนมีเสรีภาพในการเลือกผู้แทนมากขึ้น โดยสามารถแยกเลือกคน กับพรรค ออกจากกันได้

“เราพูดได้เต็มปากว่าสุดท้ายประชาธิปัตย์กำหนดนโยบายสำคัญ 2 ข้อ 1. ประกันรายได้เกษตรกร 2. แก้ไขรัฐธรรมนูญ บัดนี้ 2 ข้อนี้ ประชาธิปัตย์ทำได้เป็นที่ประจักษ์ และประชาธิปัตย์ยุคนี้ เน้นทำ ไม่เน้นพูด

นอกจากนี้หัวหน้าพรรค ยังได้กล่าวว่า พรรคมียุทธศาสตร์ “เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ” เพื่อมาช่วยกันสร้างประชาธิปัตย์ให้เติบโตต่อไปในอนาคต วันนี้ประชาธิปัตย์เรามีเสถียรภาพ เราอยู่ด้วยกันต้องสามัคคีกัน ต้องพาพรรคเดินหน้าไปสู่ความเป็นเอกภาพ “ผลงาน เอกภาพ” คือจุดสำคัญที่จะทำให้เราโตต่อไปได้ในอนาคต

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"