มองประเทศไทยในแง่ดี...อย่างมีความหวัง


เพิ่มเพื่อน    

แม้ว่าประเทศไทยต้องเผชิญกับความรุนแรงของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระลอกที่ 3 แต่เราก็สามารถที่จะต่อสู้กับปัญหานี้ได้ด้วยความร่วมมือกันเป็นอย่างดีระหว่างรัฐบาล เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองทั้งระดับกลาง ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น รวมทั้งประชาชน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการหรือผู้บริโภค เราอาจจะมีปัญหาอยู่บ้างกับผู้ประกอบการที่เห็นแก่ได้ ทำธุรกิจฝ่าฝืนมาตรการที่ ศบค.กำหนด ผู้บริโภคที่ยังคงทำการฝ่าฝืนมาตรการของ ศบค.และทำผิดกฎหมาย จัดงานเลี้ยง ตั้งวงกินเหล้า ตั้งวงเล่นการพนัน ไม่ใส่หน้ากาก ไม่ให้ความสำคัญกับการเว้นระยะห่าง ยังออกไปในที่มีคนแออัดหนาแน่นโดยขาดความระมัดระวัง รวมทั้งคนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน เพราะยังคงเชื่อถ้อยคำที่มีการด้อยค่าความมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนที่นำเสนอโดยกลุ่มคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ มีแรงจูงใจทางการเมืองที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาล

เวลานี้สถานการณ์ดีขึ้นมาก ถ้าหากเราติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องของการแพร่เชื้อโควิด-19 และการจัดการฉีดวัคซีน การจัดการดูแลรักษาคนที่ติดเชื้อ เราก็จะพบว่าเราจัดการได้ดี เรากำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว มีข้อมูลที่ทำให้เราสามารถมองโลกในแง่ดี และรู้สึกสบายใจขึ้นได้บ้าง แม้ว่าเรายังรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยคนที่ติดเชื้อ และเสียใจกับคนที่ต้องเสียชีวิต ท่ามกลางความห่วงใย และความเสียใจกับการสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้น เราจะได้เห็นสถิติและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ที่ทำให้เราเบาใจได้ในหลายๆ ประเด็น

  • จำนวนคนติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่องทุกๆ วัน อาจจะมีที่เหวี่ยงกลับมาบ้างเพียงบางวันเท่านั้น
  • จำนวนคนที่รักษาหายจะมากกว่าจำนวนคนที่ติดเชื้อแทบทุกวันเป็นเวลาเป็นเดือนแล้ว
  • จำนวนคนที่กำลังรักษาลดลงอย่างรวดเร็ว และส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาล แต่อยู่ในโรงพยาบาลสนามบ้าง กักตัวอยู่ที่บ้านบ้าง (Home isolation) อยู่ที่ศูนย์พักคอยบ้าง (Com0munity isolation) ประเด็นดังกล่าวนี้ผ่อนคลายปัญหาเรื่องการครองเตียง และการหาเวชภัณฑ์ให้เพียงพอสำหรับรักษาคนไข้ติดเชื้อ
  • คนที่ป่วยหนักมีจำนวนลดลงต่ำกว่า 4,000 คนแล้ว และคนที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจลดลงมาอยู่ที่หลัก 800 เป็นกลุ่มคนที่เราเป็นห่วง และเอาใจช่วยให้พวกเขารอดปลอดภัย
  • คนที่ตรวจพบว่าติดเชื้อ ได้รับยาเร็วขึ้น ทำให้เป็นคนไข้สีเขียว และมีโอกาสที่จะรักษาหายได้เร็ว ไม่พัฒนาเป็นคนไข้สีเหลืองและสีแดง
  • แม้ว่ากรุงเทพฯ จะเป็นเมืองที่มีคนติดเชื้อมากที่สุด แต่ก็ลดลงมาอยู่ที่ 2,000 กว่า จากที่เคยขึ้นถึง 5,000 กว่า ส่วนจังหวัดในอันดับ 2-10 ก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อน้อยกว่าหลัก 1,000 แล้ว

นอกเหนือจากสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดจะดีขึ้นแล้ว สถานการณ์ด้านการฉีดวัคซีนก็ดีขึ้นมาก ปัญหาเรื่องการเลื่อนนัด เพราะวัคซีนมีไม่เพียงพอ ได้หมดไปแล้ว

 

  • เรามีวัคซีนเข้ามามากขึ้น และมาเร็วขึ้น ที่ได้สั่งซื้อและสัญญาว่าจะส่งภายในปีนี้มีจำนวนสูงถึง           140 ล้านเข็ม และที่เคยบอกว่าจะมาในเดือนตุลาคมนั้น บางรายจะมาปลายเดือนกันยายนนี้ และตอนนี้เรามีวัคซีนครบทุกสูตรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนเชื้อตาย (Sinovac และ Sinopharm) วัคซีน Viron Vector (Astra Zeneca) และวัคซีน mRna (Pfizer) ทั้งหมดนี้เป็นวัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาให้ประชาชนฉีดฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย และยังมี Moderna เป็นวัคซีนทางเลือกที่เอกชนสามารถนำเข้ามาฉีดให้กับคนที่ยินดีที่จะจ่ายเงินฉีด อาจจะเป็น 2 เข็มแรก หรือเป็น Booster dose1 เข็มที่ 3
  • การจัดฉีดวัคซีนมีประสิทธิภาพดีขึ้นมาก ในวันธรรมดาสามารถฉีดได้ประมาณ 600,00-900,000 กว่าเข็ม ในวันเสาร์และอาทิตย์สามารถฉีดได้ประมาณ 200,000 ถึง 400,000 เข็ม ทำให้สามารถฉีดได้เฉลี่ยวันละ 500,000 เข็ม ทำให้มองเห็นความเป็นไปได้ที่จะทำให้มีประชากรที่ได้ฉีด 2 เข็มเกินกว่า 70% ภายในสิ้นปีนี้ และสามารถเปิดประเทศรองรับนักท่องเที่ยวได้ ธุรกิจต่างๆ สามารถดำเนินการทำมาหากินฟื้นฟูธุรกิจได้
  • ประชาชนมีความเต็มใจที่จะฉีดวัคซีนกันมากขึ้น หลังจากที่เคยหวั่นวิตกกับผลข้างเคียง และคิดว่าการฉีดวัคซีนไม่มีความปลอดภัย บัดนี้คนส่วนใหญ่เข้าใจแล้วว่าการฉีดนั้น แม้จะมีผลข้างเคียงบ้าง แต่ก็เกิดกับคนส่วนน้อย และไม่เป็นอันตราย ใช้เวลา 2-3 วันก็สามรถหายเป็นปกติได้ และยังเข้าใจแล้วว่าการฉีดวัคซีน แม้จะไม่ป้องกันการติดเชื้อ 100% แต่ก็ป้องกันไม่ให้ป่วยอาการหนัก และไม่เสียชีวิตเพราะโควิดแน่ๆ
  • หมอของเราเก่งสามารถคิดสูตรการฉีดไขว้ต่างยี่ห้อได้ ที่ทำให้มีภูมิคุ้มกันสูง และยังลดเวลาการฉีดระหว่างเข็ม 1 และเข็ม 2 ทำให้ประชากรจะได้รับวัคซีน 2 เข็มเร็วกว่าเดิม
  • ขณะนี้มีวัคซีนที่สามารถฉีดให้กับเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปแล้ว ทำให้เยาวชนอายุ 12-18 ปี มีโอกาสที่จะได้ฉีดวัคซีนแล้ว โดยที่พ่อแม่จะต้องยินยอมที่จะให้ลูกได้รับการฉีดวัคซีน

                สถานการณ์ทั้งการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี เพราะความร่วมมือของทุกฝ่าย และสถานการณ์ของการจัดการฉีดวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รัฐบาลและ ศบค.ตัดสินใจที่จะปรับมาตรการต่างๆ ทางด้านสาธารณสุขเพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ ทยอยเปิดทำการได้ การเปิดจังหวัดต่างๆ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้ว ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศก็จะทยอยเปิดไปเรื่อยๆ ตามความพร้อมของแต่ละพื้นที่ ทำให้เศรษฐกิจเริ่มที่จะฟื้นตัวแล้ว

                ยังคงมีคนบางคน บางกลุ่ม (ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาล) มักจะปรามาสว่าประเทศไทยเราจัดการควบคุมการแพร่ระบาดของวิดได้ไม่ดี การจัดการฉีดวัคซีนก็ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นเราไม่มีทางที่จะเปิดประเทศได้ตามเวลาที่กำหนด ถ้าหากมีการเปิดประเทศ ก็เพราะรัฐบาลจนตรอก ไม่มีทางหาเงินในทางอื่นได้ จึงจำเป็นต้องหาเงินจากการท่องเที่ยว และทำให้ประชาชนเสี่ยงกับการติดโลก ก็ต้องขอบอกว่าคนพวกนี้นอกจากจะมีอคติและต้องการด้อยค่าการทำงานของรัฐบาลแล้ว ยังเป็นคนที่ติดกับดักฉากทัศน์เดิมๆ (Scenario Trap) ในช่วงเวลาที่เรามีวัคซีนไม่เพียงพอ การจัดการฉีดยังไม่ปลอดภัย และไม่มีประสิทธิภาพ มีการเลื่อนนัดบ่อยๆ และประชาชนยังมีความลังเล ไม่ยอมฉีดวัคซีน ในเวลานี้ฉากทัศน์ดังกล่าวนั้นไม่มีแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้เกิดฉากทัศน์ใหม่ที่อะไรๆ ก็ดีกว่าเดิม คนที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและไม่มีอคติก็จะรู้ เราจะมองประเทศไทยในแง่ดีและมีความหวังกันนะคะ.

 

 

 

 

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"